มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2415
ภูติอัคคีดวงนี้ค่อย ๆ โตขึ้นทีละก้าว ปัจจุบันกลายเป็นอัคคีเทพแล้วคอยอยู่เคียงข้างหลัวซิวตลอดมา หลังผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนมกุฎเทพแล้วริเริ่มกฎไร้ลักษณ์ แท้จริงแล้วดวงจิตอัคคีเทพดวงนี้ก็ค่อย ๆ ซึมซับได้รับอิทธิพลจากกฎไร้ลักษณ์อย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน หลุดพ้นออกไปจากขอบเขตของเพลิงอัคคีทั่วไป อยู่เหนือวิถีทั้งปวงในจักรวาลฟ้าดิน
หากพูดให้แม่นยำก็คือมันคือดวงอัคคีไร้ลักษณ์ดวงหนึ่งแล้ว คืออัคคีเทพชีวีที่เป็นของหลัวซิวเท่านั้น!
ในมหาโลกาพันสาม ดวงจิตอัคคีเทพแบ่งออกเป็นฟ้า ดิน ดำ เหลืองสี่ระดับ ระดับดำสอดคล้องกับระดับมกุฎเทพ ระดับดินสอดคล้องกับจ้าวมหาเทพ ระดับฟ้าสอดคล้องกับจักรพรรดิเทพ ส่วนระดับที่อยู่เหนือระดับฟ้าสอดคล้องกับมหาจักรพรรดิยุทธ์
แต่ถ้าเกิดอ้างอิงจากการแบ่งที่ได้มาตรฐานที่สุด ก็ต้องอ้างอิงจากแนวคิดความรู้ทั่วไปในโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปด อัคคีเทพชีวี ณ ปัจจุบันของหลัวซิวอยู่ในระดับอัคคีเทพระดับสาม
หากอัคคีเทพซิวหลัวไม่ได้อยู่เหนือวิถีทั้งปวงในจักรวาลฟ้าดิน หลัวซิวก็จะไม่เก็บมาใส่ใจ ทว่าในเมื่อมันอยู่เหนือแล้ว เช่นนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เนื่องจากอนาคตไม่ว่าเขาจะกลั่นยาหรือหลอมอาวุธ ล้วนจำเป็นต้องใช้อัคคีเทพชีวี
เปลวไฟสีเทาที่อยู่วงแหวนชั้นนอกของนิรยะเพชฌฆาตเทียบเท่ากับอัคคีเทพระดับสาม เมื่อจอมยุทธ์แดนมกุฎเทพมาถึงที่นี่ หากไม่มีร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่แข็งแกร่งหรือของขลังคุ้มกันขั้นสุดยอด ประคองได้ไม่นานก็จะถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลีแล้ว
หลัวซิวก็มองเห็นจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ในวงแหวนชั้นนอกของนิรยะเพชฌฆาตเช่นกัน มีคนกำลังใช้เปลวไฟสีเทาเผาชุบร่างเนื้อ และมีคนเก็บเปลวไฟของที่นี่เพื่อนำไปหลอมอาวุธเช่นกัน และมีคนบางส่วนรอดผ่านทั่วทุกสารทิศในเขตพื้นที่ที่มีเปลวไฟปกคลุมด้วย ตามหาสมุนไพรเพิ่มพลังต่าง ๆ ที่ถูกหล่อเลี้ยงจากสภาพแวดล้อมพิเศษเช่นนี้
โดยส่วนใหญ่นอกจากการแก่งแย่งผลประโยชน์แล้ว จอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่มาแสวงหาโชคโอกาส ณ ที่แห่งนี้จะไม่เกิดความขัดแย้งกัน ฉะนั้นจึงไม่มีผู้ใดมารบกวนความเงียบสงบฝั่งหลัวซิว
เปลวไฟสีเทาไม่สามารถสร้างความเสียหายให้ร่างเนื้อเขาได้เลยแม้แต่น้อย เป็นอัคคีเทพระดับสามเหมือนกัน ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของอัคคีเทพซิวหลัว ดังนั้นหลัวซิวจึงข้ามผ่านเขตพื้นที่นี้โดยตรง มาถึงตำแหน่งที่มีเปลวไฟสีดำปกคลุม
ที่นี่เหมือนดั่งมหาสมุทรสีดำ เมื่อหลัวซิวมาถึงที่นี่ ก็สามารถสัมผัสความตื่นเต้นที่ถ่ายทอดมาจากอัคคีเทพซิวหลัวในร่างกาย เนื่องจากมันวิวัฒนาการมาจากภูตอัคคีกลืนกิน ส่วนตัวภูตอัคคีกลืนกินเองนั้นก็อาศัยการดูดกลืนเปลวไฟต่าง ๆ เพื่อวิวัฒนาการ
วินาทีนี้ มันเริ่มอยากดูดกลืนเปลวไฟของที่นี่อย่างอดใจรอไม่ค่อยไหวแล้ว เพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
เปลวไฟสีดำเทียบเท่าอัคคีเทพระดับสี่ หลัวซิวตามหาสถานที่ที่เงียบสงบแห่งหนึ่งในทะเลไฟสีดำ ก่อนจะทำการจารึกค่ายกลเตือนระวังคุ้มกันไว้บริเวณรอบ ๆ ก่อน จากนั้นก็นั่งลงในท่าขัดสมาธิ ดูดซับพลังธาตุไฟที่ไร้ขอบเขตบริเวณรอบ ๆ เข้ามาในร่างกาย เพื่อให้อัคคีเทพซิวหลัวกลั่นแปร
การตบะเป็นเรื่องที่เงียบเหงา เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลัวซิวไม่รู้ว่าตัวเองดูดซับพลังธาตุไฟไปมากเท่าไหร่แล้ว ทว่าเปลวไฟทั้งนิรยะเพชฌฆาตกลับไม่มีท่าทีที่จะหมดกำลังลงเลยแม้แต่น้อย จากกาลเวลาที่ผ่านมายาวนานอย่างไม่รู้จบ มีคนมาดูดซับพลังธาตุไฟของที่แห่งนี้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่นิรยะเพชฌฆาตกลับไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดมา
หลังจากอัคคีเทพซิวหลัววิวัฒนาการถึงระดับสามบริบูรณ์ ร่างกายของหลัวซิวก็ประกอบเป็นระลอกคลื่นที่ใหญ่โต พลังธาตุไฟที่มากมายมหาศาลยิ่งกว่าไหลไปรวมกัน ณ ตำแหน่งที่เขาอยู่ ระดับความเร็วในการกลืนกินของอัคคีเทพซิวหลัวยิ่งอยู่ยิ่งเร็ว มาถึงริมขอบที่ใกล้จะบรรลุแล้ว
ลาดเลาทางฝั่งนี้ทำให้จอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่มาฝึกตนหาสมบัติในนิรยะเพชฌฆาตแตกตื่น มีคนจำนวนไม่น้อยต่างพากันมองออกไป ก่อนจะมองเห็นระลอกคลื่นเปลวไฟสีดำหนึ่งลูก
“มีผู้แข็งแกร่งกำลังฝึกตนบรรลุหรือ?”