มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2422

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2422

มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2422

หลัวซิวไม่ได้เกรงใจแต่อย่างใด จะว่าไปผู้ที่ได้รับดอกผลมากที่สุดก็ยังคงเป็นเขาอยู่ดี มูลค่าของไผ่เทวดวงครามสูงกว่าพันธุอัคคีไร้เจตน์มาก ๆ เลยล่ะ

แม้พันธุอัคคีไร้เจตน์จะถูกเก็บไปแล้ว แต่เปลวไฟม่วงที่ตลบลอยอยู่บริเวณรอบ ๆ ก็ยังคงอยู่เช่นเคย นี่จึงทำให้ข้อสันนิษฐานของหลัวซิวที่คิดว่านิรยะเพชฌฆาตนี่ประกอบมาจากพันธุอัคคีไร้เจตน์ถูกโค่นล้มลงไปในทันที

เห็นได้ชัดเจนมากเลยว่านิรยะเพชฌฆาตแห่งนี้น่าจะหล่อเลี้ยงพันธุอัคคีไร้เจตน์ออกมา สถานที่แห่งนี้ต้องมีสิ่งที่ล้ำค่ามากกว่าพันธุอัคคีไร้เจตน์คงอยู่แน่นอน ซึ่งอัคคีเทพซิวหลัวที่อยู่ในร่างกายเขาแน่ใจต่อสิ่งนี้มาก ๆ

แต่ทว่าเปลวไฟสีม่วงของที่นี่ก็เทียบเท่าอัคคีเทพระดับหกแล้ว ถึงแม้หลัวซิวจะถือดีมากเพียงใด ก็ไม่กล้าลึกเข้าไปในจุดที่ลึกกว่าของนิรยะเพชฌฆาตแล้ว ถ้าเกิดพบเจอพลังอัคคีเทพระดับเจ็ด ต่อให้มีการคุ้มกันจากตำหนักวัฏสงสาร พลานุภาพเสี้ยวหนึ่งที่แทรกซึมเข้ามาก็สามารถทำให้เขากลายเป็นเถ้าธุลีภายในพริบตาได้

ระดับหกและระดับเจ็ดเหมือนจะต่างกันแค่ระดับเดียว ทว่ากลับเป็นการแปรเปลี่ยนจากกฎเป็นเกณฑ์ ความหมายจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

หลังจากออกมาจากนิรยะเพชฌฆาตแล้ว ไป๋เฟยชิงก็จากไปอย่างอดใจรอไม่ไหว อ้างอิงจากแผนการในตอนแรกของนางคือได้รับไผ่เทวดวงครามก่อน จากนั้นค่อยอาศัยไผ่เทวดวงครามยกระดับผลการกลั่นร่างของตัวเองขึ้นไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ จากนั้นค่อยไปเอาพันธุอัคคีไร้เจตน์ในนิรยะเพชฌฆาต เพื่อทำให้ผลการกลั่นร่างของตัวเองก้าวขึ้นไปอีกขั้น

ถึงแม้จะเกิดเหตุสุดวิสัยบางอย่างทำให้นางพลาดโอกาสกับไผ่เทวดวงครามไปต่อหน้าต่อตา แต่เมื่อมีพันธุอัคคีไร้เจตน์ นางก็มีความมั่นใจที่จะบรรลุเป็นร่างยุทธ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ ฉะนั้นการที่นางเลือกจากไปเป็นเวลาแรกนั้น ก็เพื่อไปตามหาสถานที่ปิดขัง

การเดินทางมาดาราเมฆาทมิฬในครั้งนี้ หลัวซิวก็รู้สึกพึงพอใจต่อดอกผลของตัวเองมาก ๆ เช่นกัน แม้นบนดาราเมฆาทมิฬนี่น่าจะยังมีความลับอื่น ๆ อีก แต่เขาก็เข้าใจดีมากเช่นกันว่าจากศักยภาพของเขา ณ บัดนี้ คาดว่าน่าจะค้นหาอะไรไม่ได้แล้ว

หลังออกมาจากดาราเมฆาทมิฬ หลัวซิวก็เปิดแหวนเก็บของที่ไป๋เฟยชิงให้เขาออก พื้นที่ภายในแหวนเก็บของมีโอสถแก่นแท้กองอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งหมด 10 ล้านเม็ด อีกทั้งโอสถแก่นแท้ทุกเม็ดล้วนผนึกรวมมาจากแก่นสารเลือดเนื้อของอสูรกายเทพมารระดับห้า มีพลังที่มากมายบริสุทธิ์แฝงซ่อนอยู่

เทพมารระดับสามอย่างแดนมกุฎเทพไม่มีคุณสมบัติใช้โอสถแก่นแท้มาฝึกตน ในโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปด เทพมารระดับสามที่สามารถใช้โอสถแก่นแท้มาฝึกตนอย่างฟุ่มเฟือยได้นั้น ต้องเป็นอัจฉริยะที่กำเนิดจากกองกำลังชั้นยอดอย่างแน่นอน

ระดับขั้นที่ต่ำที่สุดของโอสถแก่นแท้คือระดับสี่ หรือว่ากลั่นมาจากแก่นสารเลือดเนื้อของอสูรกายระดับจ้าวมหาเทพหรือเทพมารระดับสี่นั่นเอง แต่ปัจจุบันหลัวซิวกลับได้รับโอสถแก่นแท้ระดับห้า 10 ล้านเม็ดในครั้งเดียว นี่จึงทำให้เขายิ่งรู้สึกสงสัยในตัวตนของไป๋เฟยชิงอย่างอดไม่ได้

หากสตรีนางนี้ไม่ได้กำเนิดจากกองกำลังใหญ่ในโลกมหาศักดิ์ละก็ เช่นนั้นนางก็ต้องได้รับโอกาสโชคที่ไม่เล็กอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นเทพมารระดับห้าหรือจักรพรรดิเทพช่วงปลายคนหนึ่ง น่าจะไม่ควรมีทรัพย์สินที่แน่นหนาเช่นนี้

ในห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล ใช่ว่าจะมีร่องรอยของมนุษย์ในทุกแห่งหน ห้วงดาราส่วนมากเป็นสถานที่ที่รกร้างว่างเปล่า หลัวซิวตามหาดาวเคราะห์ที่รกร้างว่างเปล่าได้หนึ่งดวง แล้วทำการขุดถ้ำที่เรียบง่ายแห่งหนึ่ง จัดวางค่ายกลบางอย่างแล้วเริ่มปิดขังอีกครั้ง

เมื่อมีโอสถแก่นแท้จำนวนมาก เขาจึงสามารถยกระดับผลการฝึกตนของตัวเอง ในขณะเดียวกันเขาก็มีกรองแก้วนภาอัคคีม่วงรวมไปถึงเปลวไฟที่เก็บมาจากนิรยะเพชฌฆาต ทำให้เขาสามารถทำให้อัคคีเทพซิวหลัวเลื่อนระดับ

ปิดขังอย่างไร้สุริยันจันทรา เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อหลัวซิวที่อยู่ภายในถ้ำลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ผลการฝึกตนของเขาก็บรรลุถึงจุดวิกฤตของแดนมกุฎเทพขั้น 3 ขาดเพียงก้าวเดียวก็สามารถทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์ของแดนมกุฎเทพขั้น 4 แล้ว

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท