มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2429
“เจ้าสำนักน้อยมู่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ช่วงนี้สบายดีหรือไม่?”เมื่อหลัวซิวเห็นมู่จื่อเซียว จึงมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
แม้นอดีตเขาจะมีความแค้นบางอย่างต่อตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ แต่สถานการณ์ในปัจจุบันซับซ้อนมาก เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างไม่อาจคาดเดาได้ ระหว่างเขาและตระกูลมู่ก็ถือว่าวางความอคติลงชั่วคราว ไม่มีความคิดที่จะเป็นศัตรูต่อกัน
จิตใจผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงตระกูลหลี่ตึงเครียดขึ้นมา เขานึกไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะรู้จักกับเจ้าสำนักน้อยตระกูลมู่ด้วย ยิ่งกว่านั้นคือเขายังมองเห็นความหวาดกลัวเล็กน้อยจากสายตาของเจ้าสำนักน้อยตระกูลมู่คนนี้ด้วย
“เจ้าสำนักน้อยมู่ให้เกียรติมาเยือน หากมีจุดใดที่ข้าดูแลไม่ทั่วถึง ได้โปรดให้อภัยด้วยนะขอรับ……”
แม้จะเป็นช่วงที่ตระกูลหลี่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด ก็ไม่เคยมีผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับหกอุบัติมาก่อน ตระกูลมู่สรรพสิทธิ์คือตระกูลมหาจักรพรรดิยุทธ์ ตระกูลพักพิงอยู่ในสรรพมหาโลกา จึงไม่กล้าล่วงเกินตระกูลมู่เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
สีหน้าของมู่จื่อเซียวดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แค่พยักหน้าให้ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงและไม่ได้พูดอะไร
นี่จึงทำให้จิตใจของผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงหวาดหวั่นมากยิ่งขึ้น ดั่งคำกล่าวที่ว่าไม่มีธุระไม่มาซันเป่าเตี้ยน การที่มู่จื่อเซียวเดินทางมาดาวเทียนเชี่ยนนั้นเขาต้องมีธุระเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่วินาทีนี้เขากลับไม่พูดอะไรเลย เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามูลเหตุเป็นเพราะหลัวซิวนี่
สำหรับชื่อหลัวซิวนั้น เขารู้สึกคุ้นหูเล็กน้อย แต่กลับนึกขึ้นมาไม่ได้ทันทีว่าเคยได้ยินชื่อดังกล่าวเมื่อไหร่
แต่อย่างน้อยสุด การที่คนดังกล่าวสามารถทำให้มู่จื่อเซียวเกรงกลัวได้นั้น เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
ในขณะที่ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงตกใจกลัวอยู่นั้น มู่จื่อเซียวก็เขม็งมองหลัวซิวแล้วเอ่ยปากพูด: “ไอ้แซ่หลัว เจ้าไม่อยู่เผ่าจี้แห่งมหาโลกายอดอัมพรดี ๆ เหตุใดจึงแจ้นมาในสรรพมหาโลกาของข้า?”
มหาโลกายอดอัมพร เผ่าจี้ ประโยคที่เป็นกุญแจสำคัญเหล่านี้ พอจะพูดได้เลยว่าเป็นการบอกใบ้ที่เพียงพอแล้ว นี่จึงทำให้ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงนึกขึ้นมาได้ภายในพริบตา มีปราณเย็นลอยออกมาจากรอบกายอย่างควบคุมไม่ได้ เขาเคยได้ยินอยู่ว่าศิษย์อัจฉริยะของตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ก็ถูกคนดังกล่าวสังหารนี่แหละ และยิ่งมีข่าวลือบอกว่าผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพคนหนึ่งของตระกูลมู่ก็ตายอยู่ในเงื้อมมือคนดังกล่าว!
มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ ไม่นึกเลยว่าตระกูลมู่จะไม่ถามหาความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ เป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่แม้แต่ตระกูลมู่ยังไม่กล้ารุกราน แล้วตระกูลหลี่แห่งดาวเทียนเชี่ยนของเขาจักยิ่งใหญ่อะไร? มากกว่านั้นคือสามารถพูดได้อย่างไม่ลังเลใจเลยว่าต่อให้หลัวซิวจะลงมือล้มล้างตระกูลหลี่ ตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ก็อาจจะไม่พูดอะไรเลย
ณ บัดนี้วินาทีนี้ จิตใจของนายท่านตระกูลหลี่คนนี้กระวนกระวายถึงขีดสุด เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าถึงแม้จะขอความช่วยเหลือจากมู่จื่อเซียวก็ไม่มีประโยชน์ ไม่เห็นสภาพที่เจ้าสำนักน้อยตระกูลมู่คนนี้หลีกเลี่ยงหลัวซิวอย่างลึกซึ้งหรือ?
เมื่อจิตใจนึกคิดถึงจุดนี้ ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงจึงรีบลดการวางตัวของตัวเองลงไปต่ำมาก ๆ ก้มคำนับไปอย่างหลัวซิวอย่างเคารพนอบน้อมแล้วพูด: “ข้าคือหลี่จิ่งเฟย เป็นนายท่านตระกูลหลี่คนปัจจุบัน ได้โปรดท่านชายหลัวกรุณา ให้โอกาสตระกูลหลี่เราหนึ่งหนด้วย”
ในฐานะที่เป็นนายท่านตระกูล วินาทีนี้เมื่อแสดงลักษณะท่าทีที่ต่ำต้อยขอร้องอ้อนวอน สามารถพูดได้เลยว่าเป็นการวางศักดิ์ศรีลงไปโดยสิ้นเชิงเลย
สีหน้าของผู้อาวุโสตระกูลหลี่ที่เหลือต่างดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาต่างเข้าใจดีมากว่าไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะหนุ่มมากเพียงใด ทว่าในโลกของจอมยุทธ์ ผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้ามาโดยตลอด
“พูดคำพูดไร้สาระพวกนี้มันไม่มีประโยชน์หรอก หากเกิดเรื่องอะไรกับสหายกู ตระกูลหลี่ของพวกมึงก็ไม่มีความจำเป็นต้องคงอยู่อีกต่อไปแล้ว”หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นแล้วพูด
“ขอรับ ข้าจะไปจัดแจงบัดเดี๋ยวนี้เลย!”
หลี่จิ่งเฟยไม่กล้าพูดจาไร้สาระ ก่อนจะหันหลังกลับไป สายตากวาดมองเหล่าผู้อาวุโส อำนาจบารมีของนายท่านตระกูลแผ่กระจายออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ข้าปิดขังมาโดยตลอด ผู้ใดสามารถบอกกับข้าได้บ้างว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เหล่าพวกอาวุโสต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน เหล่าผู้อาวุโสที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีต่อหลี่เฟยเฉินในวันปกติลังเลใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะก้าวออกมาบอกต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวออกมา