มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2432
ในขณะที่มีความคิดเหล่านี้กระพริบผ่านเข้ามาในจิตใจหลัวซิว ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองภพชาติอย่างหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานก็ต่างสัมผัสปณิธานที่มาจากร่างแท้ได้เช่นกัน
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาสัมผัสปณิธานของร่างแท้ไม่ได้นานมาก ๆ แล้ว แต่ครั้งนี้พวกเขาสัมผัสปณิธานร่างแท้ได้อีกครั้ง ซึ่งเช่นนี้ก็หมายความว่าร่างแท้เป็นฝ่ายสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขา เหมือนดั่งยอมรับพวกเขาในความหมายบางอย่าง!
ซึ่งการยอมรับเช่นนี้ ไม่ได้เป็นการให้พวกเขาเป็นบริวารของร่างแท้ แต่เป็นการมองว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ที่แท้จริง……
“ชัวะ! ชัวะ! ชัวะ! ……”
ไม่มีคนสังเกตเห็นแต่อย่างใด หลัวซิวใช้ตัวสำนึกผนึกรวมกันเป็นกระบี่อยู่ในตัวหยั่งรู้ของตนเอง แล้วตัดสับเข้าไปในความทรงจำของตัวเอง ตัดชีวประวัติความทรงจำทั้งภพชาติของหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานทิ้ง
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เขาเป็นเพียงหลัวซิว ไม่ใช่หลี่ยู่และไม่ใช่เย่ห้าวหราน!
“สหายหลี่ สหายเย่ เรื่องนี้จะจัดการอย่างไร เอาตามที่พวกเจ้าว่าเลย”หลัวซิวมองไปทางหลี่ยู่และเย่ห้าวหราน
วินาทีนี้ บนใบหน้าของหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานต่างเต็มไปด้วยน้ำตา เนื่องจากเสี้ยววินาทีในเมื่อครู่นี้ พวกเขาสัมผัสได้ว่าตัวเองได้รับชีวิตใหม่!
เมื่อปีนั้นเย่ห้าวหรานและหลี่ยู่กำเนิดโดยหลัวซิวใช้วิญญาณดั้งเดิมส่วนหนึ่งของตัวเองผนึกรวมพวกเขาออกมาผ่านวัฏสงสาร
หากพูดให้แม่นยำหน่อย ร่างกลวัฏสงสารก็คือบริวารของร่างแท้ ไม่ควรมีจิตสำนึกที่ยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของตนเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
แต่หลัวซิวกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขามอบความรู้สึกส่วนตัวให้กับร่างกลวัฏสงสารทั้งสอง แม้ปณิธานของเขาจะสามารถโน้มนำควบคุมพวกเขาได้ก็ตาม แต่เขายังคงมอบอิสระให้แก่พวกเขา
แน่นอนอยู่แล้วว่าวันหนึ่งหากเมิ่งเชียนชางใช้อุบายบางอย่างมาควบคุมหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานแล้วมาจัดการตัวเองได้จริง ๆ เช่นนั้นหลัวซิวก็จะใช้สิทธิ์ของร่างแท้ ใช้ปณิธานร่างแท้ประชันกับเมิ่งเชียนชางหนึ่งครั้ง!
“ขอบคุณสหายหลัวมาก!”
หลี่ยู่และเย่ห้าวหรานพูดอย่างตื้นตันใจ พวกเขาดับสลายสูญสิ้นตั้งแต่เมื่อหมื่นกว่าปีก่อนแล้ว ไม่คงอยู่ในโลกใบนี้อีกต่อไป ร่างแท้เป็นผู้มอบชีวิตใหม่ให้แก่พวกเขา
“ท่านพ่อ……”
หลังจากกินยาแล้ว สภาพอาการบาดเจ็บของหลี่ยู่ก็ฟื้นฟูกลับคืนมาไม่น้อย เขารีบไปสำรวจอาการของหลี่เฟยเฉิน ก่อนจะพบว่าบัดนี้สภาพอาการบาดเจ็บของเขาก็มั่นคงแล้วเช่นกัน เนื่องจากตัวหยั่งรู้ได้รับความเสียหายจึงยังอยู่ในสภาวะหมดสติ แต่ก็อยู่ในความปลอดภัยแล้ว
สำหรับตระกูลหลี่นั้น แท้จริงแล้วหลี่ยู่ไม่มีความสัมพันธ์ต่อตระกูลนี้มากเท่าไหร่นัก หากท่านพ่อเขาไม่อยู่ที่นี่ บางทีเขาอาจจะไม่เลือกที่จะกลับมาตระกูลหลี่
แต่สิ่งที่เขานึกไม่ถึงคือพวกเขาพ่อลูกทั้งสองจะได้ถูกปฏิบัติเช่นนี้ โดยเฉพาะท่านพ่อของตนที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ นี่จึงทำให้มีจิตสังหารพรั่งพรูออกมาในจิตใจหลี่ยู่
“มันสมควรตาย!”เสียงของหลี่ยู่เยือกเย็นอย่างยิ่ง แล้วประกาศชะตาชีวิตของหลี่ซิวหนิงให้ทราบอย่างเป็นทางการ
สีหน้าของหลี่จิ่งเฟยเปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน แต่เขายังไม่ทันพูดหรือได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ หลัวซิวก็ง้างมือโยนเปลวไฟดวงหนึ่งออกไปก่อนแล้ว ทำให้หลี่ซิวหนิงจมหายเข้าไปในเปลวไฟภายในพริบตา ถูกแผดเผาจนกลายเป็นฝุ่นผง เถ้าธุลีอยู่ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวนที่น่าเวทนาอย่างยิ่ง
หลัวซิวไม่ได้สนใจสีหน้าของหลี่จิ่งเฟยด้วยซ้ำ แต่เป็นการมองไปทางเย่ห้าวหรานอย่างเย็นชา “จะให้ข้าลงมือล้มล้างตระกูลหลี่หรือไม่?”
เมื่อคำพูดเช่นนี้หลุดออกมาจากปากหลัวซิว ก็ทำให้เหล่าผู้อาวุโสตระกูลหลี่และหลี่จิ่งเฟยที่อยู่ในที่เกิดเหตุอกสั่นขวัญหาย สีหน้าขาวเผือก
“เรื่องล้มล้างตระกูลหลี่ก็ช่างมันเถิด ข้าและหลี่ยู่ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อตระกูลนี้ ทว่าอาหลี่น่าจะไม่อยากเห็นตระกูลหลี่ถูกล้มล้าง”เย่ห้าวหรานส่ายหน้าพลางตอบกลับ
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ห้าวหราน ก็มีรังสีแห่งความตื้นตันใจปรากฏบนใบหน้าหลี่จิ่งเฟย อารมณ์ที่ตึงเครียดอยู่ของเหล่าผู้อาวุโสก็ผ่อนลงไม่น้อยเช่นกัน
“หนีโทษฐานความตายได้ แต่หลีกเลี่ยงบทลงโทษไม่ได้”
หลัวซิวเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง ก่อนจะง้างมือโยนม้วนหยกชิ้นหนึ่งออกไปให้หลี่จิ่งเฟยแล้วพูด: “ตระกูลหลี่ของพวกเจ้าน่าจะมียาเซียนเหล่านี้อยู่สินะ?”