มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2444
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าอารมณ์ของซิงเฉินจึงดูเข้มงวดขึ้นมา ก่อนจะพูดอย่างเคารพรอบคอบ: “ท่านชายมีคำสั่งใด? ตระกูลเทพสงครามของข้ายินดีปฏิบัติตามคำสั่งของท่านชาย จักบุกอย่างไม่หวั่นอันตรายไม่ปฏิเสธบ่ายเบี่ยง!”
สำหรับซิงเฉินและตระกูลเทพสงครามแล้ว หลัวซิวมีบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ปานช่วยชีวิตทั้งตระกูลเอาไว้ อีกทั้งซิงเฉินเคยสาบานตั้งนานแล้วว่าจะนำพาคนทั้งตระกูลคอยติดตามอยู่ข้างกายเขา การพลิกโฉมหน้าในปัจจุบันของตระกูลเทพสงครามล้วนเป็นสิ่งที่หลัวซิวประทานให้ เวลานี้ซิงเฉินจึงต้องแสดงความจริงใจและจุดยืนของตัวเองเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“เหอะ ๆ ไม่ต้องพูดจริงจังเช่นนี้หรอก แม้นศักยภาพของตระกูลเทพสงครามจะยกระดับขึ้นเยอะมาก แต่ก็ยังขาดอีกเล็กน้อย ภารกิจที่ข้าจะมอบให้เจ้าคือหลังจากเจ้าบรรลุสู่จ้าวมหาเทพแล้ว ให้พาทั้งตระกูลเทพสงครามออกจากแดนปริศนาเผ่าจี้”หลัวซิวพูดอย่างผ่อนคลาย
“ออกไป?”
ซิงเฉินมองหลัวซิวด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อย เขาไม่มีทางคิดอยู่แล้วว่าหลัวซิวจะทอดทิ้งตระกูลเทพสงคราม แต่กลับคิดไม่ตกว่าเขามีเจตนาอย่างไรกันแน่
พรสวรรค์ด้านการฝึกตนและต่อสู้ของตระกูลเทพสงครามสูงส่งมาก ๆ ทว่าดูเหมือนสมองจะไม่ว่องไวเช่นนั้น จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย
“ที่ข้าให้เจ้าพาผู้คนในตระกูลออกจากแดนปริศนาเผ่าจี้นั้น เพราะหวังว่าเจ้าจะสามารถนำพาตระกูลเทพสงครามผ่านการล้างบาปจากเลือดสดและไฟสงคราม ภายในร่างกายของคนทั้งตระกูลเจ้ามีสายเลือดของเทพสงครามไหลเวียน พวกเจ้าเป็นตระกูลที่คงอยู่เพื่อการต่อสู้ มีเพียงการต่อสู้เท่านั้นถึงจะทำให้พวกเจ้าเติบโตได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น!”
หลัวซิวพูดอย่างผ่อนคลาย “บุปผาที่อยู่ในห้องอากาศอุ่นต้านทานลมฝนไม่ได้ ต่อให้มีทรัพยากรที่มากเท่าไหร่ ยกระดับผลการฝึกตนได้สูงเท่าไหร่ แต่เมื่อไม่ผ่านการขัดเกลาครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็ไม่สามารถกลายเป็นวัตถุอันล้ำค่าได้อยู่ดี!”
“แน่นอนอยู่แล้วว่านี่ก็ถือเป็นบททดสอบหนึ่งสำหรับเจ้าและตระกูลเทพสงครามเช่นกัน หลังออกจากแดนปริศนาเผ่าจี้แล้ว พวกเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับการท้าทายต่าง ๆ จะสามารถขจัดอุปสรรคและความยากลำบากที่ขัดขวางตรงหน้าได้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูที่ตัวพวกเจ้าอีกทีแล้วล่ะ!”
คำพูดนี้ของหลัวซิวทำเอาซิงเฉินที่ได้ยินเลือดร้อนระอุ ภายในแววตาเขามีความมุ่งมั่นกระพริบระยิบระยับ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมีพลัง “ท่านชายวางใจได้เลยขอรับ ตระกูลเทพสงครามจักไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน!”
“ไปเถิด”หลัวซิวผงกหัวแล้วปัดมือไปมา
ซิงเฉินตอบตกลงคำหนึ่ง ก่อนจะก้มคำนับแล้วถอยกลับไป เขากำขวดหยกของโอสถทะยานฟ้าเอาไว้แน่น ๆ เขาตัดสินใจปิดขังอย่างรวดเร็ว หลังจากบรรลุสู่จ้าวมหาเทพแล้ว ก็พาคนทั้งตระกูลย่างกรายสู่เส้นทางแห่งการทำสงครามปราบปราล้างบาปผ่านเลือดสดและไฟสงคราม!
“พวกเจ้าก็ฝึกตนอยู่ที่นี่ต่อเถิด ข้าจักออกไปข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง เมื่อข้าไม่อยู่ ก็ต้องให้พวกเจ้าคอยปกปักรักษาที่นี่แล้วล่ะ”หลัวซิวพูดกับหลี่ยู่และเย่ห้าวหรานที่อยู่ข้าง ๆ
“ร่างแท้วางใจเถอะ มีทรัพยากรรวมไปถึงวิถีไร้ลักษณ์ที่ร่างแท้จัดเสนอให้ เราจะขยันฝึกตน หวังว่าสักวันจะสามารถเป็นกำลังเสริมให้แก่ร่างแท้ได้!”
หลี่ยู่และเย่ห้าวหรานเรียกเขาว่าร่างแท้ แท้จริงแล้วก็เป็นการแสดงลักษณะท่าทีประเภทหนึ่งเช่นกัน ถึงแม้พวกเขาจะคงอยู่ได้โดยการไม่พึ่งพาร่างแท้แล้ว แต่ภายในใจก็ยังยึดร่างแท้เป็นเจ้าอยู่!
ผู้คนรอบกายล้วนตั้งใจฝึกตนปิดขัง เนื่องจากทุกคนล้วนเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหากอยากใช้ชีวิตอยู่ในดาราจักรวาลที่กว้างใหญ่นี้ มีเพียงทำให้ผลการฝึกตนแข็งแกร่งขึ้น ถึงจะสามารถคงอยู่ได้ตลอดไป
บรรยากาศการฝึกตนเช่นนี้ทำให้หลัวซิวรู้สึกพึงพอใจมาก ๆ ในมหาโลกาพันสาม คนส่วนมากล้วนคิดว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์คือจุดสิ้นสุดแล้ว ทว่าในความเป็นจริงเส้นทางที่แท้จริงของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่กล่าวถึงนั้นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
เขาหวังว่าอนาคตเมื่อย่างกรายเข้าสู่โลกมหาศักดิ์ทั้งแปด ผู้คนที่อยู่รอบกายยังคงอยู่เคียงข้างเขาอีกเช่นเคย
เวลาต่อจากนี้ หลัวซิวก็อยู่ในเผ่าจี้เช่นกัน เขาจำเป็นต้องใช้เวลามาตระหนักรู้ฎีกาค่าย อนุมานความลึกลับและมหัศจรรย์ของค่ายรบไร้เทียมทานออกมา นอกเหนือจากนี้แล้วเขายังต้องอาศัยไผ่เทวดวงครามมากลั่นร่าง และใช้กรองแก้วนภาอัคคีม่วงเลี้ยงอัคคีเทพชีวีเพื่อยกระดับศักยภาพของตนเอง