มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2445
วันนี้ เขาเดินออกมาจากสถานที่ปิดขังของตัวเอง แล้วเบิ่งมองออกไปยังทิศทางหนึ่งขฌ ทิศทางดังกล่าวมีถ้ำสองแห่ง แห่งหนึ่งคือสถานที่ปิดขังของเหยียนซีโรว่ แห่งหนึ่งคือสถานที่ปิดขังของหลี่ยู่
หลัวซิวทราบอยู่ว่าเหยียนซีโรว่คือร่างที่หยุนซีกลับชาติมาเกิด ส่วนหยุนซีคือความลุ่มหลงของหลี่ยู่ หยุนซีตายเพื่อหลี่ยู่ หลี่ยู่ก็ตายเพื่อหยุนซีเช่นกัน
อีกทั้งหลัวซิวก็ทราบเช่นกันว่าเหยียนซีโรว่ปลุกตื่นความทรงจำของหยุนซีแล้ว เขาจัดแจงให้หลี่ยู่อยู่ข้างกายนาง ก็เพื่อให้สิ้นสุดบ่วงกรรมระหว่างหยุนซีและหลี่ยู่
หลัวซิวเคยบอกเรื่องนี้กับหลี่ยู่อยู่ หลี่ยู่ก็ทราบเช่นกันว่าหยุนซีไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว และการที่เขาสามารถปรากฏตัวได้นั้นหญ ก็เป็นเพราะร่างกลวัฏสงสาร ทว่าหยุนซีกลับไม่ปรากฏอีกต่อไปแล้ว
ความลุ่มหลง คือปณิธานอย่างหนึ่งที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่มั่นคง ในขณะเดียวกันมันก็เป็นมารในใจที่คอยพันธนาการตัวจอมยุทธ์เช่นกัน หลี่ยู่จำเป็นต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้ มิเช่นนั้นใจกลางแห่งวิถียุทธ์ในอนาคตของเขาก็จะมีข้อบกพร่อง
เหยียนซีโรว่ปิดขังมาโดยตลอด นางตั้งใจฝึกตนมาก ๆ หวังแค่ว่าสักวันจะแข็งแกร่งขึ้น แล้วสามารถช่วยเหลือหลัวซิวได้ แต่ไม่ใช่การต้องคอยให้เขามาปกป้องตลอดเวลา
หลี่ยู่จะยืนเบิ่งมองออกไปไกล ๆ และรอคอยอยู่หน้าถ้ำเป็นประจำ……
เมื่อเปรียบเทียบกับหลี่ยู่แล้ว เย่ห้าวหรานไม่ติดห่วงอะไรแล้ว ได้รับการถ่ายทอดสืบสานฎีกาค่ายจากร่างแท้อย่างหลัวซิว บวกกับการอนุมานและตระหนักรู้ในวิถีไร้ลักษณ์ สามารถพูดได้เลยว่าการข้ามแดนของเขาก้าวหน้ารวดเร็วมาก
ทันใดนั้น หลัวซิวก็พลิกมือทีหนึ่ง หยิบไข่มุกสื่อสารออกมาหนึ่งเม็ด ไข่มุกสื่อสารเม็ดนี้เป็นสิ่งที่ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนมอบให้เขาครั้นเมื่อทั้งสองพบหน้ากันครั้งแรก
ตั้งแต่ครั้งแรกที่สำรวจแท่นบูชาเทพมารพร้อมกัน บัดนี้เวลาก็ล่วงเลยไปหลายปีแล้ว เวลานี้จู่ ๆ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็ติดต่อหาตน นี่จึงทำให้หลัวซิวนึกถึงตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่งอย่างอดไม่ได้
ต้องใช้เศษใจแห่งศุภรห้าชิ้นเพื่อเปิดตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่งออก มีสองชิ้นที่อยู่ในมือเขา ส่วนอีกสองชิ้นอยู่ในมือลิ่งฮู๋จื่อเซวียน หลัวซิวสันนิษฐานว่าชิ้นสุดท้ายอยู่ในมือชีชี
ไม่ว่าอย่างไร หลัวซิวก็ต้องไปตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่งแน่นอน เพราะฉะนั้นหลังจากเขาได้รับข่าวจากลิ่งฮู๋จื่อเซวียนแล้ว จึงออกจากแดนปริศนาเผ่าจี้โดยตรง
ในตำแหน่งที่ห่างจากแดนปริศนาเผ่าจี้หลายร้อยไมล์ หลัวซิวพบเจอลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและชีชีอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่า สหายหลัว ไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้วญห ข้าคิดถึงเจ้ามาก ๆ เลยล่ะ!”
ทันทีที่เห็นหน้าหลัวซิว สภาพของลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็ดูกระตือรือร้นอย่างมาก “ในโบราณสถานเทพมารไท่ชูเมื่อครั้งก่อน ไม่ทราบว่าสหายหลัวได้รับโชคโอกาสอะไรหรือไม่?”
หลัวซิวไม่มีทางคิดว่าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนคิดถึงตัวเองจริง ๆ อยู่แล้ว ดูเหมือนกับว่าเจ้าหมอนี่ยังไม่สามารถดับไฟแค้นในใจที่มีต่อตนลงไปได้ หากมีโอกาสละก็ เขาต้องเอาคืนตนอย่างแน่นอน
“แม้แต่จักรพรรดิเทพยังดับสลายสูญสิ้นไปแล้วสองคน แล้วข้าจะได้รับผลประโยชน์อะไรได้เล่า?”หลัวซิวส่ายหน้า เรื่องที่ผู้อาวุโสตระกูลมู่และเฒ่าประหลาดเทียนหยุนดับสลายสูญสิ้นในแท่นบูชาเทพมารนั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนล้วนทราบกันดี
“เหตุใดข้าจึงได้ยินมาว่าจักรพรรดิเทพสองคนดับสลายสูญสิ้นเพราะสหายหลัว? เมื่อไม่นานมานี้ข้ายังได้ยินมาว่าสหายหลัวสู้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิมายกหนึ่ง เช่นนั้นก็หมายความว่าสหายหลัวเจ้าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้วมิใช่หรือ?”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนชีชีที่อยู่ข้าง ๆ กลับกอดขิมโบราณเอาไว้นิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรสักคำ
“คำพูดเช่นนี้สหายลิ่งฮู๋ก็เชื่อหรือ? ผู้อื่นไม่เข้าใจข้า หรือสหายลิ่งฮู๋ยังไม่เข้าใจข้าอีก? ผ่านไปนานหลายปีแล้ว ข้ายังคงอยู่ในแดนมกุฎเทพ แต่สหายลิ่งฮู๋และแม่นางชีชีดูเหมือนจะเป็นจ้าวมหาเทพแล้ว”
หลัวซิวหรี่ตาลงพลางพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งกินใจเล็กน้อย มิน่าล่ะเจ้าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนนี่ถึงกล้ามาหาตัวเองบภ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป็นเพราะผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพแล้ว