มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2447
หลังจากคบค้าสมาคมกันมาหลายครั้ง ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็ถือว่าเข้าใจอุปนิสัยของหลัวซิวในระดับที่แน่นอนแล้ว
ในมุมมองของเขา หลัวซิวเป็นคนที่รักษาในคำมั่นสัญญามาก ๆ เหมือนดั่งครั้นเมื่อปล้นคลังสมบัติของสำนักเซียนเทียนหยุนจนหมดสิ้น เขารับปากว่าจะให้ตนเลือกของที่อยู่ในคลังสมบัติก่อน และหลัวซิวก็ไม่คืนคำด้วย
เมื่อสำรวจสถานโบราณและแดนปริศนาที่เก่าแก่ สามารถพูดได้เลยว่าฮู้ทลายผนึกเป็นสมบัติชั้นดีในการเอาชีวิตรอด การที่ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเต็มใจเอามันออกมาใช้นั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาก็เพื่อยื่นข้อเรียกร้องนี้นี่แหละ
ในกาลเวลาที่ผ่านมายาวนานอย่างไม่รู้จบ ชื่อเสียงของจักรพรรดิเทพเทียนหย่งโด่งดังอย่างมาก วิหารที่นางทิ้งไว้ ภายในต้องมีสมบัติที่น่าทึ่งมากอย่างแน่นอน หากเขาเป็นผู้ได้เลือกก่อน ไม่แน่ก็จะได้รับสิ่งของที่มีมูลค่ามากที่สุด ยิ่งกว่านั้นคืออาจได้รับการถ่ายทอดสืบสานของจักรพรรดิเทพเทียนหย่งด้วย
ต้องท้าวความก่อนว่าตำนานเล่ากันว่าจักรพรรดิเทพเทียนหย่งคือบุตรสาวของมหาจักรพรรดิยุทธ์โจ้เทียน ก่อนยุคมหาศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็นยุคไท่ชูหรือยุควัฏสงสาร ต่างไม่มีผู้สูงส่งเลย นอกเหนือจากสวรรค์และจ้าววัฏสงสารแล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าก็คือจุดสูงสุด
มหาจักรพรรดิยุทธ์โจ้เทียนที่เก่าแก่ ในยุคสมัยที่เขาคงอยู่นั้น สามารถพูดได้เลยว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่เป็นรองเพียงจ้าววัฏสงสารเท่านั้น สิ่งล้ำค่าอย่างใจแห่งศุภรในโลกจักรภพ ก็เป็นของขลังชีวีครั้นเมื่อมหาจักรพรรดิยุทธ์ท่านนี้บรรลุมรรคผลเช่นกัน
เพราะฉะนั้นแล้วหากได้รับการถ่ายทอดสืบสานที่จักรพรรดิเทพเทียนหย่งทิ้งไว้ เช่นนั้นก็เท่ากับได้รับการถ่ายทอดสืบสานจากมหาจักรพรรดิยุทธ์โจ้เทียน มาตรแม้นว่าเป็นบรรพบุรุษตระกูลลิ่งฮู๋ที่ยังห่างจากผู้สูงส่งอีกครึ่งก้าว เมื่อเปรียบเทียบกับมหาจักรพรรดิยุทธ์โจ้เทียนในตำนานแล้ว ก็ยังแตกต่างกันไม่น้อยเลย
“เจ้าฝันไปเถอะ แม้ฮู้ทลายผนึกจะล้ำค่า แต่กลับยังไม่มีค่าเท่านั้น จะว่าไปชดเชยให้เจ้าหน่อยก็ได้อยู่”หลัวซิวพูดอย่างเรียบนิ่ง
มีความผิดหวังหนึ่งกระพริบผ่านไปในแววตาลิ่งฮู๋จื่อเซวียน ทว่าก็ถูกเขาปิดบังไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิ้มพลางพูด: “สหายหลัวยินดีให้การชดเชยก็ดีเช่นกัน ช่วงนี้ข้าขาดแคลนทรัพยากรการฝึกตนมาก ๆ สหายหลัวเอาโอสถแก่นแท้ระดับสี่สามล้านเม็ดให้ข้าก็พอแล้ว”
โอสถแก่นแท้ระดับสี่ เป็นทรัพยากรหลักที่เทพมารระดับสี่ใช้ฝึกตน และหลัวซิวในปัจจุบันอยู่เพียงแดนเทพมารระดับสาม ช่วงนี้เขากลับใช้โอสถแก่นแท้ระดับห้าฝึกตนมาโดยตลอด
แต่ทว่าหลัวซิวก็ขาดแคลนทรัพยากรการฝึกตนอย่างโอสถแก่นแท้เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่มีส่วนเกินที่จะแบ่งให้ผู้คนรอบกายได้ อย่าว่าแต่เขา ณ บัดนี้ไม่มีโอสถแก่นแท้เหล่านั้นเลย ต่อให้มีเขาก็ไม่มีทางเอาออกมา
“โอสถแก่นแท้ข้าไม่มี เจ้าสามารถเลือกของขลังอาวุธสงคราม ค่ายกลหุ่นเชิด วัตถุดิบต่าง ๆและยาเซียนโอสถชั้นยอดได้ตามสบายเลย”หลัวซิวกล่าวเช่นนี้
แม้นจะเอาโอสถแก่นแท้ออกมาไม่ได้ แต่ของล้ำค่าอื่น ๆ นั้นหลัวซิวก็มีเยอะมากอยู่ การที่จะเอาของที่มีมูลค่าในระดับเดียวกันออกมานั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนขมวดคิ้ว สิ่งที่เขาต้องการที่สุดต้องเป็นโอสถแก่นแท้อยู่แล้ว เนื่องจากสถานที่อย่างมหาโลกาพันสามหาพบโอสถแก่นแท้ได้ค่อนข้างน้อย หลังจากเขาและชีชีบรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพแล้ว ก็ขาดแคลนโอสถแก่นแท้ในการยกระดับผลการฝึกตนต่อเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในเมื่อหลัวซิวไม่มีโอสถแก่นแท้ แล้วเขาจะทำอะไรได้เล่า? สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงขอวัตถุดิบและสมบัติที่มีมูลค่าในระดับเดียวกันกับหลัวซิว
ชีชีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นิ่งเงียบมาโดยตลอด หลังจากลิ่งฮู๋จื่อเซวียนได้รับของชดเชยที่กล่าวมาแล้ว จึงรีบเรียกฮู้ทลายผนึกที่อยู่ในมือออกมา รัศมีเทวดวงหนึ่งที่เปล่งแสงแพรวพรายแวววาวจับตาถึงขีดสุด เฉือนห้วงดาราจนแยกออกจากกันทันที จนบุกเบิกออกเป็นเส้นทางหนึ่งที่มีแสงสีมากมายหลากหลายและพิลึกกึกกือ
ฮู้ทลายผนึกไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวังแต่อย่างใด สมกับสมญานามที่สามารถทายผนึกทั้งปวงในโลกหล้าได้จริง ๆ แม้นแดนเทวนิรันกาลจะอยู่ในสภาวะปิดผนึก แต่ก็ยังคงสามารถอาศัยฮู้ทลายผนึกฝืนเปิดเส้นทางหนึ่งออกมาได้อยู่
หลัวซิวไม่ได้ทำอะไรผลีผลามแต่อย่างใด หลังจากเห็นว่าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและชีชีต่างบินเข้าไปในเส้นทางดังกล่าวแล้ว เขาถึงจะตามหลังไป