มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2456
ในส่วนของผู้จัดวางวิชาห้ามค่ายกลนี้นั้น หลัวซิวไม่ต้องคิดก็ทราบอยู่ว่าเป็นฝีมือผู้ใด
“สหายลิ่งฮู๋ แม่นางชีชี พวกเจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”พลานุภาพของค่ายกลมากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้ แต่หลัวซิวที่อยู่ภายในกลับยังคงสุขุมพลางเอ่ยปากถามอย่างเรียบนิ่ง
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและชีชีถูกส่งมายังที่นี่เร็วกว่าเขา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าพวกเขาก็ทราบเช่นกันว่าเมื่อเขาจะออกจากแดนเทวนิรันกาล ต้องอาศัยค่ายวาร์ปในตำหนักเทียนหย่งแน่นอน ดังนั้นจึงวางกับดักไว้ที่นี่ล่วงหน้า
ครั้งนี้พวกเขาถือเป็นการลอบกัดหลัวซิวที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ทว่าหลัวซิวกลับไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจแต่อย่างใด เนื่องจากในโลกหล้านี้ สิ่งที่เขาไม่กลัวมากที่สุดก็คือค่ายกล นอกเสียจากว่าฝ่ายตรงข้ามจัดวางค่ายกลที่อยู่สูงกว่าระดับหก ถึงจะสามารถสร้างภัยคุกคามต่อเขาได้
“เหอะ ๆ ข้าและชีชีควรถามคำถามนี้กับสหายหลัวหรือเปล่า? เราเดินทางไปตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่งพร้อมกัน ทว่าหลังจากประตูใหญ่เปิดออกแล้วเจ้าก็หายตัวไปเลย เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเจ้ามีความลับปิดบังพวกข้ามาโดยตลอด หรือสหายหลัวไม่มีความคิดที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้เราฟังหน่อยเลยหรือ?”
หลัวซิวไม่เห็นชีชีและลิ่งฮู๋จื่อเซวียนแต่อย่างใด มีแค่เสียงที่สะท้อนเข้ามาในวิชาห้ามค่ายกล
“ความลับ? ข้าจักมีความลับกระไรได้? เกรงว่าสหายลิ่งฮู๋น่าจะเข้าใจข้าผิดแล้วล่ะ เจ้าถอนวิชาห้ามค่ายกลกลับไปก่อนเถอะ จะได้เป็นการหลีกเลี่ยงทำร้ายความรู้สึกไมตรีที่ดีต่อกันของเราไง เจ้าว่าจริงหรือไม่?”หลัวซิวยิ้มพลางพูด
“พูดเช่นนี้ก็หมายความว่าสหายหลัวไม่อยากร่วมมือกับเราแล้วหรือ?”
น้ำเสียงของลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเยือกเย็นลง จู่ ๆ พลานุภาพของวิชาห้ามค่ายกลก็ระเบิดออกมา รัศมีเทวที่นับไม่ถ้วนเหมือนดั่งดาบกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่แล้วม้วนซัดไปทางหลัวซิว
นี่คือค่ายเทพระดับห้าหนึ่งค่าย ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนไม่เข้าใจเรื่องค่ายกล หลัวซิวไม่ต้องคิดก็ทราบเช่นกันว่าชีชีต้องเป็นผู้จัดวางค่ายกลนี้อย่างแน่นอน
ครั้นเมื่อทั้งสามคนร่วมมือกันครั้งแรก หลัวซิวเป็นผู้จัดวางค่ายเทพระดับห้า จึงแสดงให้เห็นเลยว่าหลังจากผลการฝึกตนของชีชีบรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพแล้ว นางถึงจะมีศักยภาพในการจัดวางค่ายกลระดับเทพ
“สหายลิ่งฮู๋ แม่นางชีชี พวกเจ้าคงไม่ได้คิดว่าแค่ค่ายเทพระดับห้าหนึ่งค่ายก็สามารถจัดการข้าได้แล้วกระมัง?”
รอยยิ้มบนใบหลัวซิวก็หายไปแล้ว เขาไม่อยากแตกหักกับลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและชีชีแต่อย่างใด ทว่าในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะลงมือต่อตนเองก่อน เช่นนั้นก็ทำได้เพียงรอดูอีกทีว่าอุบายของผู้ใดจะปราดเปรื่องมากกว่ากัน!
นอกค่ายกล ชีชีประสานมือร่ายวิกล นางทราบอยู่ว่าวิถีแห่งค่ายกลของหลัวซิวปราดเปรื่องมาก ยิ่งกว่านั้นคือสามารถใช้ผลการฝึกตนมกุฎเทพข้ามขั้นจัดวางค่ายเทพระดับห้า ครั้นนั้นก็อาศัยพลังค่ายกลประเภทนี้ของเขานี่แหละ ถึงสามารถปล้นคลังสมบัติของสำนักเซียนเทียนหยุนจนหมดสิ้น
แต่ปัจจุบันผลการฝึกตนของนางบรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพแล้ว และดูเหมือนกับว่าหลัวซิวจะยังคงเป็นมกุฎเทพเช่นเคย อาศัยข้อได้เปรียบทางผลการฝึกตน ชีชีอยากประชันวิถีแห่งค่ายกลกับหลัวซิวครั้งหนึ่งมาก ๆ
ถึงแม้จะเป็นการเอาชนะด้วยเล่ห์เหลี่ยม แต่สิ่งที่ชีชีใส่ใจมากกว่าคือหลัวซิวจะสามารถทำถึงขั้นใดกันแน่
หลังจากกระตุ้นพลานุภาพของค่ายกลด้วยวิกลแล้ว ผ่านไปเพียงชั่วขณะเท่านั้น สีหน้าของชีชีก็หม่นหมองลงไปในทันที เนื่องจากนางสัมผัสได้ว่าตนค่อย ๆ สูญเสียอำนาจในการควบคุมวิชาห้ามค่ายแล้ว
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? ……”
มีความเหลือเชื่อทะลุออกมาจากดวงตาที่งดงามคู่นั้นของชีชี นางเป็นผู้จัดวางค่ายกล แต่หลัวซิวกลับสามารถแย่งสิทธิ์ในการควบคุมค่ายไปจากมือนางได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ซึ่งนี่ก็หมายความว่าแดนค่ายกลของหลัวซิวนี่ อยู่เหนือนางแล้วหรือ?
“ถอย!”
ชีชีอุทานอย่างตะลึงคำหนึ่ง จากนั้นเงาร่างก็บินลอยกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนที่อยู่ข้าง ๆ ชะงักงันเล็กน้อย ต่อมาก็มีรัศมีเทวเป็นวงกว้างโหมซัดเข้ามา
“เชี่ย! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
สีหน้าของลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเปลี่ยนไป เห็น ๆ อยู่ว่าชีชีเป็นผู้จัดวางค่ายกล เหตุใดพลังโจมตีของค่ายกลกลับผนึกมาที่เขา?