มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2474
เมื่อถูกผู้แข็งแกร่งที่มากมายเช่นนี้จ้องมอง หลัวซิวกลับไม่รู้สึกอะไรมากนัก ทว่าเสี่ยวเจียงหมิงกลับประหม่าเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะออร่าไร้รูปที่แผ่กระจายออกมาจากตัวหลัวซิวขวางกั้นอำนาจบารมีของผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นไว้ เกรงว่าวินาทีนี้เสี่ยวเจียงหมิงคงได้หมอบคลานอยู่บนพื้นและขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อยแล้ว
“เจ้าหนู มึงกล้าหาญมากเลยนี่!”มีน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกดังออกมาจากห้องที่นั่งพิเศษทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
ขณะที่หลัวซิวเสนอราคา เขาก็รู้แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะมาหาเรื่องตน แต่เขากลับไม่ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ ตัวสำนึกแผ่ขยายออกไป ถึงแม้แค่สามารถปลดปล่อยพลังตัวสำนึกมกุฎเทพช่วงปลายออกไปได้ก็ตาม ทว่าวิชาห้ามค่ายกลของห้องที่นั่งพิเศษกลับเหมือนดั่งสิ่งที่ตั้งขึ้นมาลอย ๆ สำหรับเขา ตัวสำนึกผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ตัวสำนึกของเขามองเห็นภาพเหตุการณ์ที่อยู่ภายในห้องที่นั่งพิเศษ ภายในมีทั้งหมดสามคน สีหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่เขียวช้ำ สภาพใบหน้าดูเป็นคนจิตใจเหี้ยมโหดและดุร้าย น่าจะเป็นเจ้าสำนักน้อยที่กล่าวถึง มีผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้น 9
นอกจากนี้ด้านหลังเขายังมีคนยืนอยู่อีกสองคน ต่างมีผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้น 7 ตัวตนเหมือนจะเป็นผู้ติดตามที่คอยพิทักษ์รักษา
มกุฎเทพขั้น 7 ที่อยู่ในห้วงดาราระดับล่างก็ถือเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นหนึ่งแล้ว แต่คนดังกล่าวถึงขั้นสามารถให้ผู้แข็งแกร่งประเภทนี้มันเป็นผู้ติดตามของตัวเอง แสดงให้เห็นเลยว่าความเป็นมาของหนุ่มเจ้าสำนักน้อยนี่ไม่ธรรมดา มาตรแม้นว่าเป็นตระกูลจ้าวและเจ้าสำนักไท่ฉือ เกรงว่าก็น่าจะไม่มีมาดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
“เจ้าไปอบรมสั่งสอนมันหน่อย ให้มันได้รู้ซึ้งถึงจุดจบของการรุกรานเจ้าสำนักน้อยอย่างข้า!”ภายในห้องที่นั่งพิเศษ ชายหนุ่มทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นแล้วพูด
“ขอรับ!”
จอมยุทธ์มกุฎเทพขั้น 7 คนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาโดยที่ไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เปิดประตูห้องที่นั่งพิเศษออก ตัวสำนึกผนึกมาทางหลัวซิวอย่างรวดเร็ว
“จาบจ้วงเจ้าสำนักน้อย เป็นโทษที่ไม่อาจให้อภัยได้ ตาย!”
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าคนดังกล่าวเข้าใจอุปนิสัยเจ้าสำนักน้อยของพวกเขาดีมาก ๆ เพราะฉะนั้นทันทีที่ออกมาก็มีจิตที่จะฆ่าหลัวซิวเลย ง้างมือปล่อยฝ่ามือโจมตีมาทางหลัวซิว ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะกระทบกระเทือนถึงผู้คนที่อยู่รอบ ๆ หรือไม่
การกระทำเช่นนี้สามารถพูดได้เลยว่าจองหองพองขนถึงขีดสุด บนใบหน้าหลัวซิวก็มีรอยยิ้มที่เยือกเย็นปรากฏเช่นกัน ยกมือขึ้นมาแล้วใช้นิ้วหนึ่งนิ้วจิ้มออกไป
ฟึ่บ!
เลือดสีแดงสดสาดกระเด็น นิ้วมือหลัวซิวเหมือนดั่งกระบี่เทพเล่มหนึ่ง ทะลวงฝ่ามือของจอมยุทธ์มกุฎเทพขั้น 7 โดยตรง จากนั้นพลานุภาพที่พุ่งตรงไปก็ไม่ลดน้อยลงเลย ทะลวงหว่างคิ้วคนดังกล่าวจนช่องจิตแตกสลาย
เสียงปั้งดังขึ้น จอมยุทธ์มกุฎเทพขั้น 7 คนนั้นกระแทกลงพื้น กลายเป็นศพร่างหนึ่งไปแล้ว
ภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้รวดเร็วมากจริง ๆ เมื่อเห็นว่าผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ ทุกคนจึงดูช็อกและตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
นั่นมันผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพขั้น 7 เชียวนะ สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปาก อย่างน้อยสุดก็ต้องเป็นมกุฎเทพขั้นสูงถึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้ แต่ผู้ที่ทราบตัวตนของเจ้าสำนักน้อยนั่นต่างเข้าใจดีมาก ๆ ว่าต่อให้เป็นบรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพรุกรานเขา ก็ต้องได้ตายสถานเดียวแน่นอน
“ช่างโอหังยิ่งหนัก บังอาจฆ่าคนของเจ้าสำนักน้อยอย่างข้าหรือ?”
เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ด้วย ถึงแม้จะเห็นหลัวซิวสังหารมกุฎเทพขั้น 7 ภายในกระบวนท่าเดียว แต่หนุ่มเจ้าสำนักน้อยที่อยู่ภายในห้องที่นั่งพิเศษกลับดูไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามเขากลับลุกขึ้นมาอย่างพิโรธ มีจิตสังหารแผ่กระจายออกมาจากร่างกาย
ในมุมมองของเขา พวกจอมยุทธ์ต่ำต้อยในโลกามนุษย์ล้วนเป็นพวกที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!
“นั่งลง! อย่าได้มีปัญหากับคนดังกล่าว!”ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงที่แก่ชราเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัวหนุ่มเจ้าสำนักน้อย จึงทำให้สีหน้าของเจ้าสำนักน้อยนั่นเปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้
ผู้คนที่อยู่ในงานล้วนเตรียมพร้อมที่จะดูภาพเหตุการณ์ที่เจ้าสำนักน้อยนั่นอาละวาด แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนคาดไม่ถึงคือเจ้าสำนักน้อยนั่นพูดคำพูดที่ดุดันคำหนึ่ง จากนั้นก็ไม่มีท่าทีใด ๆ แล้วอย่างนั้นหรือ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หลัวซิวหรี่ตาลง มองห้องที่นั่งพิเศษของเจ้าสำนักน้อยนั่นด้วยสายตาที่แปลกใจเล็กน้อยรอบหนึ่ง ดูจากการกระทำของฝ่ายตรงข้ามแล้ว เขาควรจะเข้ามาหาเรื่องตัวเองอย่างอดใจรอไม่ไหวเลยสิ แม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกแปลกใจมาก ๆ ไม่นึกเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะระงับความแค้นนี้ได้