มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2483
แสงทองที่บินออกมาจากหว่างคิ้วจ้าวเกาะเทียนเหอ ก็มีออร่าในทำนองเดียวกันกับมฤตยูมหากาพย์เช่นกัน สิ่งที่แตกต่างกันคือมฤตยูมหากาพย์สามารถทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง ส่วนแสงทองในเมื่อครู่นี้กลับแข็งแรงจนไม่อาจทำลายล้างได้ และสามารถฉีกกระชากทุกสรรพสิ่ง
วินาทีนี้หลัวซิวก็เข้าใจแล้วเช่นกัน สาเหตุที่จ้าวมหาเทพแห่งเกาะเทียนเหอสามารถมองข้ามการลงโทษจากกฎเทียนเต้าได้นั้น เป็นเพราะในเข็มขัดแขวนที่พวกเขาพกติดตัวตลอดมีพลังแห่งสวรรค์สลักจารึกอยู่ ซึ่งพลังแห่งสวรรค์อยู่ในระดับเดียวกันกับเทียนเต้า ยิ่งกว่านั้นคือมันอยู่เหนือเทียนเต้าด้วย เมื่อมีพลังออร่าของพลังแห่งสวรรค์ติดตัว จึงไม่ได้รับบทลงโทษจากกฎเทียนเต้าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
เริ่มจากชางเทียนหมิง บัดนี้ก็มีพลังแห่งสวรรค์ของสวรรค์อีกองค์หนึ่งปรากฏ หรือว่าสวรรค์ที่ไม่คงอยู่อีกต่อไป หายเข้าไปในกลีบเมฆในยุคไท่ชูจะอุบัติขึ้นมาอีกครั้งในภพชาตินี้?
สีหน้าของหลัวซิวดูตึงเครียดขึ้นมา หากสวรรค์อุบัติขึ้นมาอีกครั้ง เช่นนั้นมันต้องไม่ใช่เรื่องดีสำหรับทุกสรรพสิ่งในจักรวาลแน่นอน
แม้นหลัวซิวจะไม่มีสภาพจิตใจที่โศกเศร้าอาดูรและเจ็บแค้นเพราะประชาชนตกทุกข์ได้ยากก็ตาม แต่แม้นจะทำเพื่อตัวเองและคนรอบข้าง เขาก็ไม่อยากให้สวรรค์อุบัติขึ้นมาในโลกอีกครั้ง
“สังหารสวรรค์!”
หลัวซิวก้าวขึ้นไปหนึ่งก้าว ผนึกรวมหลอกโลหิตสังหารสวรรค์ขึ้นมาในมืออีกครั้ง แล้วโคจรพลังเกณฑ์เวลา
จ้าวเกาะเทียนเหอยิ้มเยาะ เมื่อครู่ฝ่ายตรงข้ามก็ใช้อุบายประเภทนี้นี่แหละ หรือฝ่ายตรงข้ามยังอยากใช้วิธีการแบบเดียวกันรับมือกับตนอีก?
จ้าวเกาะเทียนเหอวางนิ้วมือลงตรงหว่างคิ้วตัวเอง จากนั้นก็สะบัดนิ้วมือออกมาจากหว่างคิ้ว ก่อนจะมีแสงทองดวงหนึ่งปรากฏในมือเขาแล้วถูกขยายยาวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นกระบี่เทพสีทองเล่มหนึ่ง
ซึ่งกระบี่เทพที่กลายมาจากแสงทองผนึกรวมมาจากพลังแห่งสวรรค์ถึงแม้พลังแห่งสวรรค์ที่จ้าวเกาะเทียนเหอสามารถควบคุมได้จะเป็นพลังที่เล็กน้อยเพียงเสี้ยวเดียว แต่มันก็น่ากลัวมากถึงมากที่สุดแล้ว
เสียงปั้งดังขึ้น หอกโลหิตสังหารสวรรค์แหลกสลายอีกครั้ง อย่างไรเสียหอกโลหิตก็ผนึกรวมมาจากพลังอมตะ ไม่สามารถต่อกรกับพลังแห่งสวรรค์ที่แข็งแรงจนไม่อาจทำลายล้างได้เลยด้วยซ้ำ
เวิ่ง!
กระบี่ร่องฟ้าปรากฏในมือ กระแทกเข้ากับกระบี่เทพแสงทองจนเสียงเตี๊ยงดังขึ้น และมีสะเก็ดไฟแตกกระเด็น
การพุ่งชนในครั้งนี้ กระบี่ร่องฟ้าไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย นี่จึงทำให้มีรังสีแห่งความช็อกปรากฏบนใบหน้าจ้าวเกาะเทียนเหอ
เล่ากันว่าพลังแห่งสวรรค์เสี้ยวหนึ่งที่เขาได้รับมานี้ แม้แต่ภัณฑ์ล้ำจักรพรรดิเทพยังสามารถทำลายล้างได้ หรือว่าเจ้าหมอนี่ยังมีอาวุธที่แข็งแกร่งกว่าภัณฑ์ล้ำจักรพรรดิเทพอีก?
ในขณะที่จ้าวเกาะเทียนเหอกำลังรู้สึกช็อกอยู่นั้น เงาร่างของหลัวซิวก็หายไปแล้ว ภายใต้ประสิทธิผลจากกฎปริภูมิและความเร็ว ทำให้ความเร็วของเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ก่อนจะปรากฏด้านหลังจ้าวเกาะเทียนเหอ
เวลาได้หยุดนิ่ง ณ เสี้ยววินาทีนั้น ก่อนที่เขาจะฟาดฟันกระบี่ร่องฟ้าออกไป
จ้าวเกาะเทียนเหอตื่นตกใจหวาดกลัวขึ้นมาโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาพ่นพลังและเลือดออกมาโดยที่ไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย กระบี่เทพแสงทองที่อยู่ในมือร้อนผ่าวและรุนแรงอย่างยิ่ง แล้วฉีกกระชากเวลาที่หยุดนิ่ง
ชัวะ!
หลังจากจ้าวเกาะเทียนเหอหลุดพ้นจากเวลาที่หยุดนิ่งแล้ว ร่างกายก็เลือนลางแล้วหายไปภายในเสี้ยววินาที ก่อนจะมีแสงโลหิตสาดกระเด็นพุ่งกระฉูด
ใบหน้าของหลัวซิวเขียวช้ำ เขานึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายก็ปล่อยให้จ้าวเกาะเทียนเหอหนีรอดไปได้อยู่ดี หากปล่อยให้ผู้ที่ยึดกุมพลังแห่งสวรรค์มีชีวิตรอดต่อไปละก็ มันต้องกลายเป็นภัยพิบัติหนึ่งอย่างแน่นอน
เขาไม่มีทางคิดอยู่แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามได้รับพลังแห่งสวรรค์มาเพราะความโชคดี อ้างอิงจากการอนุมานของหลัวซิว เกาะเทียนเหอที่กล่าวถึงนั้นน่าจะเป็นหมากตัวหนึ่งของสวรรค์องค์หนึ่ง
ตำนานเก่าแก่ในยุคไท่ชู มีสวรรค์ทั้งหมด 12 องค์ ซึ่งสวรรค์ทุกองค์ต่างควบคุมโลกมาหนึ่งยุคตรีภพ หรือ 12 ยุคตรีภพ
แต่ทว่าหลัวซิวก็จนปัญญามากเช่นกัน เนื่องจากถูกกฎเทียนเต้าจำกัด ไม่สามารถใช้อสูรดูดจิตและหุ่นเชิดยักษ์ที่นี่ มิเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นสถานที่อื่น จ้าวเกาะเทียนเหอจะหนีไม่รอดเลยด้วยซ้ำ
หรือว่าขอแค่ตัวหยั่งรู้ของเขาฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง จ้าวเกาะเทียนเหอที่อยู่ในสายตาเขาก็เป็นเพียงมดตัวจ้อยที่แข็งแกร่งเล็กน้อยเท่านั้นแหละ
เขาไม่ได้ไล่ล่าจ้าวเกาะเทียนเหอต่อ เงาร่างกระพริบทีหนึ่งแล้วหายวับทันที เขาจำเป็นต้องเดินทางไปโลกะดาราอัมพรเทวเที่ยวหนึ่ง
……