มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2497
“น่าสนใจดีแฮะ……”ชายผมแดงหรี่ตาลง ลูกตาดำหดลงจนมีขนาดเท่าปลายเข็ม จากแดนของเขาต้องสามารถดูออกอยู่แล้วว่า หมัดในเมื่อครู่นี้ของหลัวซิวดูเหมือนจะธรรมดา แท้จริงแล้วมีความลึกลับและมหัศจรรย์ของวิถียุทธ์ประเภทหนึ่งที่ล้ำลึกถึงขีดสุดแฝงซ่อนอยู่
ต้องท้าวความก่อนว่าเขาคือผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับห้าเชียวนะ มาตรแม้นว่าเป็นพลานุภาพของการโจมตีที่ปลดปล่อยออกมาอย่างเรื่อยเปื่อย ก็ไม่ใช่สิ่งที่เทพมารระดับสี่สามารถต้านทานได้ แต่เจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้เพิ่งอยู่ในแดนเทพมารระดับสามขั้นสูง จะมีอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏในห้วงดาราระดับล่างกระจอก ๆ ได้อย่างไร?
อย่าว่าแต่ห้วงดาราระดับล่างเลย แม้แต่ในมหาโลกาพันสามก็แทบจะไม่มีทางมีอัจฉริยะเช่นนี้
ชายผมแดงขมวดคิ้วลง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะสามารถต้านทานการโจมตีหนึ่งที่เรื่อยเปื่อยของตนเอง ทว่าช่วงระยะความต่างด้านผลการฝึกตนก็ชัดเจนอยู่
เขาลอยอยู่กลางอากาศที่ว่างเปล่าแล้วก้าวเดินไปข้างหน้า ก่อนจะง้างมือปล่อยฝ่ามือหนึ่งออกไป เปลวไฟสีทองที่ไร้ขอบเขตพรั่งพรูออกไป ทำให้ห้วงดาราขนาดใหญ่จมหายไปในเปลวไฟ
ภายในเสี้ยววินาที หลัวซิวรู้สึกว่ากฎทั้งปวงในห้วงดาราถูกเปลวไฟสีทองแผดเผาจนกลายเป็นว่างเปล่า จากการที่มีเสียงหอนคำรามดังก้องขึ้นมาในห้วงดารา จากนั้นก็มีเทพหงส์ตัวหนึ่งบินออกมาจากเปลวไฟสีทอง
เวิ่ง!
ดวงตาทั้งสองข้างของหลัวซิวกลายเป็นสีทอง เวลาบริเวณรอบ ๆ เริ่มเคลื่อนที่ช้าลง ปริภูมิก็กลายเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่เหมือนโคลน ก้าวไปข้างหน้าได้ยากลำบากมาก
และนี่ก็คือผลจากการใช้กฎห้วงเวลา หลังจากเวลาถูกลดลงถึงระดับที่แน่นอนแล้ว มันก็จะหยุดนิ่ง เมื่อปริภูมิถูกคุมขังถึงแดนที่แน่นอน ก็จะกลายเป็นปริภูมิที่แข็งทื่อไปโดยสิ้นเชิง ปิดล้อมคู่ต่อสู้ทั้งปวงเอาไว้อย่างแน่นหนา
รัศมีสีเงินหลายดวงบินตัดสลับกัน ราวกับกรงขังหนึ่งกรง ทำการคุมขังเทพหงส์ที่บินออกมาจากเปลวไฟสีทองนั่นเอาไว้
เมื่อเห็นหลัวซิวปลดปล่อยพลังอมตะของกฎห้วงเวลา ชายผมแดงกลับทำเสียงหึเยือกเย็นอย่างดูหมิ่น เทพหงษ์เปลวไฟสีทองหอนคำราม ปีกทั้งสองข้างเหมือนดั่งคมดาบ ทำการทลายโซนคุมขังภายในพริบตา
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น เปลวไฟสีทองที่ลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบเทพหงษ์ยิ่งทำการแผดเผากฎเวลา ทำให้เวลาไม่ลดช้าลงเลยแม้แต่น้อย จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องหยุดนิ่งเลย
“กฎห้วงเวลาแข็งแกร่งมาก แต่ก็ต้องดูก่อนว่าผู้ใดเป็นผู้ปลดปล่อย”ชายผมแดงพูดอย่างดูหมิ่นประโยคหนึ่ง พลังออร่าบนตัวแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“ใช่หรือ?”
หลัวซิวแสยะยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น กฎห้วงเวลาถูกทลาย แต่เขากลับเขาลนลานเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามสภาพเขากลับเหมือนกุมชัยชนะไว้ในกำมือยังไงอย่างนั้น
ทันใดนั้น เขาก็ยกนิ้วขึ้นมาจิ้มลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า สายน้ำยาวสีขาวที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ สายหนึ่งก็ปรากฏ และมีออร่าที่โบราณเก่าแก่ไหลทะลักออกมา
นี่คือเพลาไหลรวยและถูกเรียกว่ากาลเวลาไหลรวย ประวัติศาสตร์ไหลรวย……
แน่นอนอยู่แล้วว่าสิ่งที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมาไม่ใช่เพลาไหลรวยที่แท้จริง แต่เป็นเพลาไหลรวยที่เขามองเห็นด้วยตนเองครั้นเมื่อย้อนเวลา แล้วเขาก็ใช้กฎไร้ลักษณ์จำลองมันออกมา
เขายึดกุมเกณฑ์เวลาเสี้ยวหนึ่งได้จากตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่งแห่งแดนเทวนิรันกาล วินาทีนี้เมื่อใช้พลังเกณฑ์มาวิวัฒนาการเพลาไหลรวยออกมา ก็ไม่ใช่สิ่งที่กฎห้วงเวลาในเมื่อครู่นี้สามารถเทียบเคียงได้
สีหน้าของชายผมแดงเปลี่ยนไปกะทันหัน วินาทีนี้เขาถึงจะเข้าใจว่ากฎห้วงเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามปลดปล่อยออกมาในเมื่อครู่ เป็นเพียงไม้หลอกเท่านั้น เพื่อทำให้ตัวเองเลินเล่อ ทำให้ตัวเองคิดว่ากฎห้วงเวลาของฝ่ายตรงข้ามก็มีดีแค่นี้แหละ
และ ณ เสี้ยววินาทีที่เขาเกิดจิตใจที่ดูหมิ่น ฝ่ายตรงข้ามก็ใช้เกณฑ์เวลาวิวัฒนาการเพลาไหลรวยออกมา ทำให้เขาติดกับในทันที
เพลาไหลรวยฉีดล้างผ่านไป ทำให้ชายผมแดงสัมผัสได้ว่าเมื่อตัวเองอยู่ต่อหน้าห้วงกาลเวลาที่มากมายมหาศาลแล้ว ตนเองนั้นเปราะบางและเล็กน้อยมากเพียงใด ร่างกายของเขาไม่สามารถขยับได้เลยด้วยซ้ำ แม้แต่จิตสำนึกก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก
สีหน้าของหลัวซิวก็ดูไม่ดีเช่นกัน การก้าวข้ามแดนแล้วปลดปล่อยพลังแห่งเกณฑ์ออกมานั้น มันก็ทำให้สูญเสียผลการฝึกตนเยอะมาก ๆ อยู่แล้ว อีกทั้งเขายังวิวัฒนาการพลังอมตะอย่างเพลาไหลรวยออกมาอีก จากผลการฝึกตนของเขาในปัจจุบัน ก็ยืดหยัดได้ไม่นานเลยด้วยซ้ำ