มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2508
ในเมื่อหลัวซิวมาแล้ว เขาก็จะต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว ด้วยทักษะค่ายกลปัจจุบันของเขา ไม่ยากที่จะไขค่ายเทพระดับ 4 แม้ว่าค่ายกลนี้จะมีคนควบคุมอยู่ก็ตาม เขาก็สามารถทำลายมันได้
เห็นเพียงมือเขาบีบผนึกค่ยกล นิ้วมือกายเป็นเงาลวงแล้ววาดค่ายสัญลักษณ์หนึ่งขึ้นกลางอากาศแล้วจารึกลงในอนัตตา
โครม…
ในช่วงเวลาเพียงครู่เดียว ปริภูมิเต็มไปด้วยอัคคีเทพเบญจธาตุก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และในวินาทีต่อมามันก็สลายไปทีละนิ้ว อัคคีเทพเบญจธาตุก็จางลงและสลายไป
เมื่อค่ายกลถูกทำลาย เหล่าพระโอรสจ้านเทียนก็เห็นหลัวซิว สีหน้าของพวกเขาก็แปลกไปในทันที
โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาทั้งหมดคุ้นเคยกับหลัวซิวดี แต่ไม่มีใครคิดว่าหลัวซิวจะสามารถทำลายค่ายกลที่ทำให้ทุกคนทำอะไรไม่ถูกได้อย่างง่ายดายทันทีที่มาถึง ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนกัน?
“ค่ายกลของท่านชายหลัวช่างเก่งกาจจริงๆ” ผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพจากตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ก้ามมาข้างหน้าพร้อมกำหมัดขคำนับหลัวซิว
คนๆนี้เป็นผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพขั้นสูงสุด ข้างๆเขาคือมู่จื่อเซียว ในฐานะผู้สืบทอดตระกูลมู่คนต่อไป มู่จื่อเซียวก็ถูกส่งมาฝึกฝนเช่นกัน
“ ผู้เพื่อนยุทธ์มู่เกรงใจเกินไปแล้ว” หลัวซิวกำหมัดคำนับตอบกลับ เขากับตระกูลมู่มีความแค้นอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลมู่ดีต่อเขาก่อน เขาย่อมไม่เอื้อมมือไปตบหน้าคนที่ยิ้ม
พระโอรสจ้านเทียนไม่พูดอะไร ไม่พูดถึงว่าเขาและหลัวซิวเคยต่อสู้กันหลายครั้งเมื่อพวกเขาอยู่ในแดนเทวนิรันกาล ต่อมาการตายของมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียน ก็ถูกสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับหลัวซิวและตระกูลจี้ ซึ่งทำให้พระโอรสจ้านเทียนปฏิบัติต่อหลัวซิวจะไม่ดีมากนัก
แต่พระโอรสจ้านเทียนต้องยอมรับว่าเมื่อเทียบกับหลัวซิวแล้ว เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง เมื่อตอนที่อยู่ในแดนเทวนิรันกาล เขาเป็นมกุฎเทพ หลัวซิวเป็นเพียงราชาเทพ และเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ต่อมา เมื่อเขาฝึกฝนอย่างสุดกำลังบรรลุแดนอย่างรวดเร็วขั้นสุดยอด เขาได้ยินว่าหลัวซิวสามารถสังหารจ้าวมหาเทพได้แล้ว และต่อมาก็มีข่าวลือว่าผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพได้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของหลัวซิว
ตอนนี้พระโอรสจ้านเทียนเป็นจักรพรรดิเทพแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของเขาอย่างมากที่สุดแค่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิเทพช่วงปลายได้ ช่องว่างระหว่างเขากับหลัวซิวไม่ได้แคบลง แต่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ
สำหรับเสิ่นปิงหยู นางยังคงมีท่าทีที่เย็นชา เช่นเดียวกับภูเขาน้ำแข็ง นางมีนิสัยที่ไม่เสแสร้งกับใคร เมื่อนางเห็นหลัวซิว มีคลื่นในดวงตาที่สวยงามของนางเล็กน้อย
นางชัดเจนมากว่ายังคงมีข้อต้องห้ามอยู่ในตัวสำนึกของนางที่หลัวซิวใส่ให้นาง นางให้คำสาบานด้วยตัวธรรมว่าชีวิตนี้จะติดตามอยู่ข้างๆหลัวซิว
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนตอนที่อยู่ในแดนเทวนิรันกาล นางได้รับกระบี่ตรีภพและได้รับสถานะสูงสุดจากวังเซียนมหาวาล ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับจากหลัวซิว
ยกเว้นคนที่ไว้ใจได้จำนวนน้อยมาก ไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลัวซิว คนอื่นๆ รู้เพียงว่านางและหลัวซิวเป็นเพื่อนกัน เมื่อหลายปีก่อนตอนที่อยู่ในแดนเทวนิรันกาล หลัวซิวได้มอบกระบี่ตรีภพให้นาง
“ท่านชายหลัว ไม่ได้พบกันมาหลายปีแล้ว” เสิ่นปิงหยูคำนับทักทายหลัวซิว
“เทพธิดาเสิ่นไม่ได้พบกันนานเช่นกัน เวลาผ่านไปนาน เทพธิดายิ่งสวยงามกว่าเดิม” หลัวซิวยิ้มพร้อมทักทายกลับเช่นกัน
“ข้าคิดว่านี่ไม่ใช่เวลาพูดคุยกันนะ?” ชายร่างกำยำคนหนึ่งที่มีเขามังกรสองเขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้ม
คนผู้นี้เป็นผู้แข็งแกร่งของมังกรจากมหาโลกาบรรพมารอย่างไม่ต้องสงสัย เขาพูดเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ใคร แต่เนื่องจากในขณะที่หลัวซิวทำลายค่ายกล มีลำแสงหนึ่งบินมาด้วยความเร็วที่เร็วมาก