เผชิญกับความสงสัยของทุกคน สีหน้าของหลัวซิวก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย สายตาของเสิ่นปิงหยูที่ติดตามเขาก็ดูเย็นชาเช่นกัน
“ถ้าเจ้าไม่เข้าใจค่ายกล ก็อย่าพูดไร้สาระ ต้องห้ามที่นี่ไม่ได้สร้างจากค่ายกลด้วยซ้ำ” หลัวซิวพูดเสียงเรียบ
“อะไรนะ? ไม่ใช่ค่ายกล?” พระโอรสจ้านเทียนและคนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ
“หลัวซิว เจ้าอย่าพูดเรื่องไร้สาระที่นี่ ไม่ใช่ค่ายกลจะมีต้องห้ามต้องห้ามได้อย่างไร?” พระโอรสจ้านเทียนถามอย่างเย็นชา
“ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ารู้จักค่ายกลดีกว่าข้า งั้นเจ้าอยากพูดอะไรก็ได้ ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อสิ่งที่ข้าพูด เจ้าถามข้าทำไม?” หลัวซิวเยาะเย้ย
พระโอรสจ้านเทียนนิ่งเงียบด้วยคำพูดของหลัวซิว แต่เขาไม่ต้องการปล่อยโอกาสที่จะต่อว่าหลัวซิว ดังนั้นเขาจึงเย้ยหยัน “ในเมื่อเจ้าบอกว่านี่ไม่ใช่ต้องห้ามที่เกิดขึ้นจากค่ายกล แล้วต้องห้ามนี่มันคืออะไร?”
“ข้าสงสัยมากว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนมีเชื้อสายเช่นเจ้าได้อย่างไร ฉายาของลูกชายมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่างน่าขายหน้าเสียจริง เจ้าไม่รู้หรือว่าวิถียุทธผู้แข็งแกร่งสามารถผนึกพลังแห่งกฎและเปลี่ยนให้เป็นอุปสรรคได้ ซึ่งก็เช่นกันต้องห้ามอย่างหนึ่ง?”
เมื่อถูกหลัวซิวเยาะเย้ยอีกครั้ง สีหน้าของพระโอรสจ้านเทียนยิ่งไม่น่ามองมากขึ้น
แต่หลัวซิวไม่ได้สนใจเขาเลย ผู้ชายคนนี้หยิ่งยโสและจองหอง เป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้สึกไม่สมดุลและต้องการหาเรื่องเขา
สำหรับเหตุผลที่หลัวซิวแน่ใจว่าต้องห้ามทางเข้าแดนปริศนานั้นไม่ได้เกิดจากค่ายกล เป็นเพราะสองเหตุผล หนึ่งคือต้องห้ามนี้ไม่มีร่องรอยของลายค่ายสัญลักษณ์สักนิด สองคือท่านแสงที่เกิดต้องห้ามมีพลังแห่งชิงเทียน
ศิลาผนึกปีศาจเป็นสมบัติที่บรรจุพลังแห่งชิงเทียน ก่อนหน้านี้หลัวซิวใช้ศิลาผนึกปีศาจเพื่อปราบปรามซูอี้เฉิน ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับปราณพลังแห่งชิงเทียน
พลังแห่งชิงเทียนในม่านแสงต้องห้ามนี้มีคุณลักษณะของชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุด หากเป็นต้องห้ามที่เกิดจากค่ายกล พระโอรสจ้านเทียนและคนอื่นๆ อาจสามารถฝ่าฟันมันได้หลังจากการโจมตีที่รุนแรงเพียงในเวลาหลายปี แต่ต้องห้ามที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งชิงเทียน แม้ว่าพวกเขาจะโจมตีที่นี่ชั่วชีวิต พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายได้
แม้ว่าพลังแห่งชิงเทียนที่อยู่ในต้องห้ามจะอ่อนแอมาก แต่ใคร ๆ ก็ไม่อาจทำลายได้ หลัวซิวประมาณการว่าต้องมีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างน้อยสามคนขึ้นไปจึงอาจจะทำลายมันได้
ในขณะนี้ เขาค่อนข้างเข้าใจว่าทำไมซูอี้เฉินถึงต้องการปิดกั้นดาราเสวียนหมิง เพราะซู่อี้เฉินรู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถทำลายต้องห้ามนี้ไปได้ในเวลาอันสั้น
อาจกล่าวได้ว่าแผนของซูอี้เฉินไม่มีจุดบกพร่องใดๆ สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้คำนวณคือจะมีคนอย่างหลัวซิวมา มิฉะนั้น แม้ว่าสำนักจักรพรรดิและตระกูลใหญ่ของมหาโลกาพันสามอยากมาตรวจสอบ ฮู้เทวปิดฟ้าไม่สามารถปล่อยให้จักรพรรดิเทพไปมาในโลกามนุษย์ได้ จะไม่มีใครสามารถคุกคามคนอย่างซู่อี้เฉินได้
หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ซูอี้เฉินจะสามารถทะลวงผ่านต้องห้ามที่ทางเข้าแดนปริศนาได้ในอีกประมาณสิบปีข้างหน้า เพราะดาบเทพทองของเขามีพลังแห่งเวหาอยู่ยงคงกระพัน และเขาสามารถทำลายต้องห้ามที่คนอื่นไม่สามารถทำลายได้ แค่ใช้เวลานานเล็กน้อยเท่านั้น
“พลังแห่งชิงเทียน โลหิตแห่งชิงเทียน ซูอี้เฉินรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” หลัวซิวจ้องไปที่ม่านแสงต้องห้ามที่ทางเข้าแดนปริศนา คิ้วของเขาค่อยๆ ขมวดขึ้น
เบาะแสเดียวที่เขารู้เกี่ยวกับชิงเทียนคือหุบเขาผนึกปีศาจและศิลาผนึกปีศาจ เบาะแสเหล่านี้ทั้งหมดปรากฏในห้วงดาราระดับล่าง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าต้องมีความเชื่อมโยงระหว่างกัน
“ข้าสามารถเปิดทางเข้าสู่แดนปริศนานี้ได้”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลัวซิวก็พูดขึ้นมา และเมื่อทุกคนตาเป็นประกาย เขาก็เปลี่ยนเรื่องอีกครั้งโดยพูดว่า “แต่ถ้าข้าเปิดทางเข้าสู่แดนปริศนา เพวกท่านจะให้ประโยชน์อะไรกับข้าได้บ้าง”
เมื่อครู่นี้ คนเหล่านี้ยังถามเขาเพราะไม่เชื่อเขาและระมัดระวังเขา ดังนั้นหลัวซิวจะไม่ปล่อยให้พวกเขาติดตามเขาเข้าไปในแดนปริศนาฟรีๆ