มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2537
ออกจากแดนปริศนาเผ่าจี้ จากนั้นหลัวซิวก็มุ่งหน้าตรงไปยังเทือกเขาลั่วหยุนที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของยอดอัมพร
เมื่อปีนั้นเขาเคยตกลงกับคาดิสลาร์ว่าจะกลับมาช่วยเขาออกไปภายในเวลาหนึ่งร้อยปีอย่างแน่นอน อ้างอิงจากการคาดคะเนเมื่อปีนั้นของหลัวซิว ภายในระยะเวลาร้อยปี เขาน่าจะสามารถบรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพได้อยู่
ถึงแม้บัดนี้เขายังไม่บรรลุเป็นจ้าวมหาเทพ แต่แดนกลั่นร่างบรรลุถึงร่างยุทธ์ระดับจักรพรรดิเทพตั้งนานแล้ว จึงถือว่าพอถูไถเพียงพออยู่
อสูรดูดจิตก็ฟื้นฟูกลับคืนมาตั้งนานแล้วเช่นกัน ปัจจุบันเกล็ดที่นับไม่ถ้วนบนร่างได้เปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว อีกไม่นานก็จะแปรเปลี่ยนเป็นแดนจักรพรรดิเทพ
ไม่นานนัก หลัวซิวก็เข้าไปยังส่วนลึกของเทือกเขาลั่วหยุนอีกครั้ง มาถึงหุบเขาที่คาดิสลาร์ถูกผนึก
“มหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาล……”
ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นค่ายกลค่ายนี้แล้ว แต่หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะอุทานอย่างตื่นตะลึงอยู่ดี
วิถีค่ายกลเป็นวิชาที่มีความรู้ลึกซึ้งมากมาย ตั้งแต่โบราณกาลมา มีจอมยุทธ์จำนวนมากที่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้แข็งแกร่งและผู้ภาคภูมิของสวรรค์ ทว่าผู้ที่สามารถเดินขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของวิถีค่ายกล และเป็นผู้แข็งแกร่งที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดนั้น กลับมีน้อยมากถึงมากที่สุด
แท้จริงแล้วมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลก็คือค่ายกลประเภทหนึ่งที่ใกล้เคียงกับขั้นสูงสุดของค่ายกลแล้ว ในอดีตหลัวซิวทราบแค่ว่ามีค่ายกลประเภทนี้คงอยู่จริง แต่กลับเข้าใจไม่ค่อยมากเท่าไหร่นัก
ต่อมาเมื่อได้สัมผัสกับความลึกลับและมหัศจรรย์ของพลังแห่งสวรรค์อย่างต่อเนื่อง บวกกับการใช้วิชาฎีกาค่ายอนุมาน ทำให้เขามีความเข้าใจในค่ายกลดังกล่าวลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ค่ายกลดังกล่าวมีสองคำหลัก คำแรกก็คือสวรรค์ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าหากต้องการจัดวางค่ายกลนี้ สิ่งแรกที่ต้องมีก็คือพลังแห่งสวรรค์
คำที่สองคือเทวโทษ โดยส่วนใหญ่แล้วเทวโทษหมายถึงเทวทัณฑ์เทียนเต้า ซึ่งเป็นพลังที่มีบ่อเกิดจากกฎเทียนเต้าดั้งเดิม เป็นตัวแทนของปณิธานเทียนเต้าหรือปณิธานสวรรค์
นี่จึงทำให้หลัวซิวนึกถึงสวรรค์องค์หนึ่งในยุคไท่ชู ผู้คนขนานนามเขาว่าสิงเทียน! ตำนานเล่ากันว่าเขายึดกุมพลังเซียนลงทัณฑ์ผนึกรวมให้มันกลายเป็นพลังแห่งสวรรค์ของตัวเอง จนกลายเป็นพลังแห่งสิงเทียน!
เล่ากันว่ามหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลก็กำเนิดมาจากมือสิงเทียนเช่นกัน
“พลังแห่งสิงเทียนวังสิงเทียนดูท่าเมื่อปีนั้นผู้ที่ผนึกเจ้าคาดิสลาร์นั่นไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ ก็น่าจะเป็นคนในวังสิงเทียนแล้ว”
รัศมีที่เหมือนดั่งดวงดาวเป็นประกายอยู่ในแววตา ภายในดวงตาคู่นั้นของหลัวซิวเสมือนห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล ทวยเทววัฏสงสารกำลังวิวัฒนาการ กฎไร้ลักษณ์ถูกเขาโคจรจนถึงขีดสุด ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งแจ่มใสในตอนแรก ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปในสายตาเขา
คนทั่วไปจะเห็นว่าท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ แต่วินาทีนี้ท้องฟ้าที่อยู่ในสายตาหลัวซิวกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยลายค่ายสีทอง ลายค่ายทั้งหลายตัดสลับกันจนประกอบเป็นยันต์ค่ายหลายยันต์ ในแนวความคิดโดยรวมของค่ายกล ยันต์ค่ายเป็นสิ่งที่ประกอบมาจากลายค่าย ยิ่งเป็นยันต์ค่ายที่ประกอบจากลายค่ายที่แข็งแกร่งและซับซ้อนมากเพียงใด พลานุภาพก็จะทรงพลัง ลึกซึ้งมากเพียงนั้น
เมื่ออนุมานจากลำดับที่ลายค่ายและยันต์ค่ายเรียงประกอบกัน หลัวซิวสามารถยืนยันได้ว่าระดับขั้นของมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลนี้ ไม่ค่อยแตกต่างจากการคาดเดาเมื่อครั้งก่อนของเขา มันคือค่ายเทพระดับเจ็ดค่ายหนึ่ง
เดิมทีตัวคาดิสลาร์ก็เป็นเทพมารระดับเจ็ดอยู่แล้ว เนื่องจากเขาเป็นยักษ์ที่ถูกหล่อเลี้ยงขึ้นมาในตรีภพ เมื่อพูดตามหลักการแล้ว เขาไม่มีทางติดอยู่ในค่ายเทพระดับเจ็ดได้ยาวนานเช่นนี้
แต่ทว่าจากความเก่งกาจของมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาล อย่าว่าแต่เทพมารระดับเจ็ดเลย ต่อให้เทพมารระดับแปดติดอยู่ภายใน การที่จะออกมามันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
อีกทั้งนี่ยังเป็นเพียงระดับเจ็ดเท่านั้น หากเป็นมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลระดับเก้า เมื่อจักรพรรดิเทพระดับเก้าติดอยู่ภายใน ผลลัพธ์สุดท้ายก็มีโอกาสตายอยู่ภายในสูงถึงเก้าในสิบเลย
หลัวซิวไม่ได้เข้าไปในหุบเขาแต่อย่างใด แต่เป็นการอนุมานการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลดังกล่าวอยู่ด้านนอก อิงจากการคิดคำนวณของเขา มหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลนี้ไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้มันจึงมีช่องโหว่อยู่
แดนผลการฝึกตนของผู้ที่จัดวางค่ายกลดังกล่าวก็ไม่ได้บรรลุถึงขั้นอัจฉริยะด้วย มิเช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ค่ายกลประเภทนี้มันทรมานคาดิสลาร์แล้วล่ะ