มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2543
“ฮ่าฮ่า ข้าเป็นอิสระแล้ว ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระสักที!”
คาดิสลาร์อดไม่ได้ที่จะตะโกนพูดอย่างมีความสุข อสูรกายนับไม่ถ้วนที่นอนจำศีลอยู่ในป่าไม้ต่างสั่นเทาอย่างหวาดกลัว อัสนีผ่าสลับไปมาอยู่บนท้องฟ้า กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ กี่ปีแล้ว? ในที่สุดเขาก็ได้สูดดมอากาศด้านนอกสักที ในที่สุดก็ออกมาจากหุบเขาแคบเล็กเฮงซวนนั่นสักที!
“ลาร์ เจ้าสำรวมหน่อยดีกว่า อย่าลืมว่าห้ามใช้ตัวสำนึกและผลการฝึกตนของเจ้าเด็ดขาด มิเช่นนั้นหากทลายผนึกของข้า เจ้าต้องได้ตายอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน!”
หลัวซิวค่อย ๆ เอ่ยปากพูด หลังจากกินยาปรับพลังออร่าของตัวเองแล้ว สภาวะของเขาก็ฟื้นฟูกลับคืนมาไม่น้อยเลย แม้นจะถูกแว้งกัดไม่เบา แต่เขาคุ้นชินกับสภาพอาการบาดเจ็บระดับนี้ตั้งนานแล้ว
“ฮ่าฮ่า ข้าจักเชื่อฟังนายท่านขอรับ ข้ายังไม่อยากตายหรอกนะ!”คาดิสลาร์หัวเราะพลางพูดอย่างซื่อบื้อ และเป็นเพราะกลัวตายนี่เอง ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เขาถึงได้อยู่ในสภาวะนอนหลับใหลอยู่ในหุบเขามาโดยตลอด ไม่เคยกล้าย่างกรายออกมาเลยแม้แต่ก้าวเดียว
“หากเจ้าสามารถยกระดับถึงแดนเทพมารระดับแปดภายในเวลาสิบปี ตัวเจ้าเองก็จะสามารถหลุดพ้นจากชีวีที่ถูกผนึกได้แล้ว แน่นอนอยู่แล้วว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”หลัวซิวยิ้มพลางทำท่ายักไหล่
ยักษ์ถูกหล่อเลี้ยงออกมาจากตรีภพ จึงแข็งแกร่งตั้งแต่กำเนิด มีกำลังรบที่ไร้เทียมทาน แต่ทว่าเนื่องจากถูกพันธนาการมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งพันธนาการนั้นก็คือศักยภาพของพวกเขาจะยกระดับช้ามาก ๆ ยักษ์ส่วนมากเกิดมามีศักยภาพระดับใด กระทั่งมีชีวิตคงอยู่หนึ่งยุคตรีภพแล้วตายจากไป ศักยภาพก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
เมื่อปีนั้นคาดิสลาร์ติดตามเขามาหลายล้านปี ผลการฝึกตนก็อยู่ในเทพมารระดับเจ็ดขั้นปฐมภูมิมาโดยตลอด แม้แต่ช่วงกลางยังบรรลุไม่ถึง
มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ แค่อาศัยพรสวรรค์ของยักษ์ คาดิสลาร์ก็มีกำลังรบที่เทียบเท่ามกุฎเทพระดับเจ็ดอยู่ ต้องท้าวความก่อนว่ามกุฎเทพระดับเจ็ดนั้น เพียงพอที่จะสามารถสังหารเทพมารระดับเจ็ดขั้นสูงทั่วไปให้ตายอย่างง่ายดายเลย
“นายท่าน บัดนี้เราจะไปที่ใดหรือขอรับ?”คาดิสลาร์ก็ทราบอยู่ว่าการยกระดับขึ้นไปเป็นเทพมารระดับแปดภายในเวลาสิบปีนั้น มันเป็นเรื่องเพ้อฝันชัด ๆ ดังนั้นจึงเปลี่ยนประเด็นอย่างเด็ดเดี่ยวมาก
ขณะที่คาดิสลาร์ถูกผนึก สถานภาพของมหาโลกาพันสามยังไม่ประกอบเป็นรูปเป็นร่าง เพราะฉะนั้นเขาจึงแทบจะไม่เข้าใจดาราจักรวาลในยุคปัจจุบันเลย ฉะนั้นจึงทำได้เพียงติดตามหลัวซิว
หลัวซิวก็ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าหมอนี่เร่ร่อนไปไหนมั่วซั่วเช่นกัน ต้องเท้าความก่อนว่าเผ่ายักษ์มีอุปนิสัยโหดร้ายเป็นธรรมชาติ โหดเหี้ยมอย่างยิ่ง เจ้าคาดิสลาร์นี่ก็แค่ดูซื่อบื้อซื่อสัตย์ต่อหน้าเขาเท่านั้นแหละ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น เกรงว่าคงจะถูกเขาฉีกกระชากออกเป็นชิ้น ๆ ภายในเสี้ยววินาทีเลย เขาไม่มีทางพูดคุยกับผู้อื่นด้วยเหตุผลหรอกนะ
“มีหนี้ที่ต้องไปชำระหน่อย เจ้าไปพร้อมข้าเที่ยวหนึ่งเถิด”หลัวซิวยิ้มพลางตอบกลับ
“หนี้ที่ต้องชำระ? ผู้ใดบังอาจเป็นหนี้นายท่านหรือ?”มีรัศมีแห่งความดุร้ายปรากฏในแววตาคาดิสลาร์ ในความเข้าใจของเขา ผู้ที่บังอาจเป็นหนี้นายท่านนั้น มันเป็นพฤติกรรมที่รนหาที่ตายอยู่ชัด ๆ
“เจ้าทำตัวให้มันดี ๆ หน่อย หากไม่มีคำสั่งของข้า เจ้าอย่าได้ลงมือเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่? มิเช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้ากลับไปอยู่ในหุบเขาต่อ”หลัวซิวยิ้มพลางด่า
“ขอรับ ๆ ข้าจักปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างของนายท่านเลยขอรับ”คาดิสลาร์หดคอลงไป กว่าจะได้รับอิสรภาพมามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมกลับไปที่หุบเขานั่นอีกครั้งแน่นอน
ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของหลัวซิว คาดิสลาร์ย่อร่างกายตัวเองให้เล็กลง แต่ทว่ามันก็ดูสูงใหญ่กำยำกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก ๆ อย่างไรเสียร่างดั้งเดิมของเขาก็สูงใหญ่มากเกินไป หากเข้าสู่สภาวะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เขายิ่งสามารถขยายร่างกายให้สูงใหญ่เป็นพันเมตร การเคลื่อนไหวอยู่ในห้วงดาราด้วยสภาวะเช่นนี้ มันดึงดูดสายตาผู้คนมากเกินไปจริง ๆ
ยักษ์อัสนีลาร์คือสัตว์ที่ไท่ซ่างฉิงใช้ขี่เมื่อชาติปางก่อน ส่วนอสูรดูดจิตนั้นกลับเป็นสัตว์ที่ใช้ขี่ในปัจจุบันของหลัวซิว อีกทั้งอสูรดูดจิตได้รับการถ่ายทอดสืบสานสายเลือดชนเผ่าราชันย์ ซึ่งเจ้าของสายเลือดดังกล่าวยิ่งเคยถูกคาดิสลาร์สังหารด้วยมือตนเอง เพราะฉะนั้นอสูรดูดจิตจึงมองออร่าบนตัวคาดิสลาร์เป็นอริและรู้สึกหวาดหวั่นโดยสัญชาตญาณ