มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2557

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2557

มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2557

“ท่านชายหลัว ท่านมหาจักรพรรดิยุทธ์ทราบว่าท่านมาแล้ว จึงรอคอยอยู่ภายในตำหนักสำนักแล้ว”คนดังกล่าวทำท่าคารวะให้หลัวซิว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพนอบน้อม

หลัวซิวสลัดความคิดทิ้ง มองไปทางคนดังกล่าวแล้วแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น “โสว่หยิง เจ้ายังกล้าปรากฏต่อหน้าข้าอีกอย่างนั้นหรือ คิดว่าข้าจะไม่สังหารเจ้าหรือ?”

เขานึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อมาถึงสำนักจักรพรรดิมรณะ ผู้ที่ออกมาต้อนรับเขาจะเป็นโสว่หยิง เมื่อปีนั้นครั้นเมื่ออยู่บนดาราเสวียนหมิง เจ้าหมอนี่ก็เข้าร่วมการรุมสังหารเขาเช่นกัน เคยร่วมมือกับผู้อื่นโจมตีเสิ่นปิงหยู

“เหอะ ๆ เหตุใดสหายหลัวจึงต้องคิดเล็กคิดน้อยกับผู้น้อยคนหนึ่งด้วยเล่า? มหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างข้าได้ลงโทษเขาแล้ว เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงบังอาจคิดไม่ดีไม่ร้ายต่อเจ้า หากไม่ใช่เพราะคำนึงถึงเรื่องที่ว่าเขาเป็นทายาทที่มีสายเลือดข้า ข้าคงถลกหนังมันออกมาตั้งนานแล้ว”

มีเสียงเสียงหนึ่งค่อย ๆ สะท้อนออกมาจากหมอกดำชี่มรณะ และเจ้าของเสียงก็ต้องมาจากมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิอยู่แล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลัวซิวจึงทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง เขาต้องฟังนัยยะแฝงที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิออกเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว นั่นก็คือหวังว่าเขาจะเห็นแก่ไมตรีจิตที่โสว่หยิงเป็นทายาทที่มีสายเลือดของเขา ปล่อยเรื่องนี้ไป

โสว่หยิงก้มหน้า ภายในจิตใจเขารู้สึกช็อกเป็นอย่างมาก ครั้นเมื่อรุมสังหารหลัวซิวบนดาราเสวียนหมิง เขาคิดว่าตัวเองได้กระทำในเรื่องที่ถูกต้องมาก ๆ แต่ไม่นึกเลยว่าหลังจากกลับมาแล้ว จะถูกบรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์ด่าว่ายกใหญ่

เขาคิดว่าสาเหตุที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ด่าเขานั้น เป็นเพราะนายแห่งเผ่าจี้กลายเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว และเรื่องนี้ก็มีโอกาสรุกรานเผ่าจี้สูงมาก

แต่เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์จะเรียกหลัวซิวว่าสหายอย่างนั้นหรือ?

บรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์เป็นผู้แข็งแกร่งที่คงอยู่มาหลายร้อยล้านปีแล้วนะ ถ้าพูดถึงเรื่องตัวตนและคุณวุฒิ ทั้งมหาโลกาพันสามไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงกับเขาได้เลย หลัวซิวนี่มันมีคุณธรรมความสามารถอะไรกันแน่ ถึงมีกิตติมศักดิ์เช่นนี้?

โสว่หยิงไม่เข้าใจ แต่หลัวซิวกลับเข้าใจอยู่ การที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเรียกเขาเหมือนเป็นคนรุ่นเดียวกันนั้น นั่นก็หมายความว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน

มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิมีชีวิตคงอยู่มายาวนานอย่างไม่รู้จบ ไม่มีผู้ใดฉลาดเฉียบแหลมมากกว่าเขาแล้ว หลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับหลัวซิวมาหลายครั้ง เขาก็ค้นพบแล้วว่าจะคาดคะเนคนอย่างหลัวซิวตามทฤษฎีหลักการทั่วไปไม่ได้เด็ดขาด

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จักไว้หน้าโยหมิงหนหนึ่งก็แล้วกัน แต่ทว่าเจ้าต้องให้คำอธิบายในเรื่องนี้แก่ข้า”

หลัวซิวทำเสียงหึเบา ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะย่างเท้าเดินเข้าไปในสำนักเขาของสำนักจักรพันธ์มรณะ มาถึงตำหนักใหญ่ของสำนัก

ภายในตำหนักใหญ่เต็มเปี่ยมไปด้วยชี่มรณะที่หนักอึ้ง ไม่มีผู้อาวุโสใด ๆ อยู่ภายในแต่อย่างใด มีเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่ที่นี่

แตกต่างจากมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิที่หลัวซิวพบเจอครั้งก่อน อดีตมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิที่เขาเคยเห็นนั้นแทบจะไม่มีเลือดเนื้อเลย เป็นโครงกระดูกร่างหนึ่งชัด ๆ แต่ครั้งนี้มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิไม่ได้ถูกปกคลุมอยู่ในชุดคลุมยาวดำ แต่อยู่ในรูปร่างลักษณะของชายวัยกำลังคนคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อ

“ดูท่าไม่ได้พบกันมันนานหลายปี ผลการฝึกตนศักยภาพของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็มีการก้าวล้ำอีกแล้วสินะ”หลัวซิวยิ้มพลางพูด

“เหอะ ๆ ก้าวล้ำอะไรเล่า ก็แค่ร่างแห่งเลือดเนื้อฟื้นฟูกลับคืนมาเท่านั้นแหละ”มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ หัวเราะเบา ๆ จากนั้นสายตาก็ร่วงลงบนตัวคาดิสลาร์ที่อยู่ด้านหลังหลัวซิว

“สหายหลัวไม่แนะนำผู้เพื่อนยุทธ์คนนี้ให้ข้ารู้จักหน่อยหรือ?”

คาดิสลาร์ไม่สามารถใช้ตัวสำนึกและผลการฝึกตน เพราะฉะนั้นบนตัวจึงไม่มีคลื่นผลการฝึกตนและกฎใด ๆ แต่สัญชาตญาณของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิบอกกับเขาว่าพ่อหนุ่มที่ร่างกายกำยำดั่งหอเหล็กคนนี้ อันตรายและน่ากลัวอย่างยิ่ง

“เขามีนามว่าลาร์ เป็นองครักษ์ผู้ติดตามของข้า”หลัวซิวตอบกลับอย่างเรียบง่ายมาก ๆ

รูม่านตาของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิหดลงเล็กน้อย บุคคลที่ทำให้เขารู้สึกอันตรายและหวาดกลัวเป็นองครักษ์ผู้ติดตามของหลัวซิวอย่างนั้นหรือ นี่จึงทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าหลัวซิวเป็นคนที่ลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้แล้ว

ลาร์รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก เขาไม่นึกเลยว่านายท่านจะบอกว่าเขาคือองครักษ์ผู้ติดตาม ต้องท้าวความก่อนว่าครั้นเมื่อเขาติดตามนายท่าน ตัวตนของเขาเป็นเพียงสัตว์ที่ใช้ขี่เท่านั้น ผู้ที่มีสิทธิ์เป็นองครักษ์ผู้ติดตามของนายท่าน อย่างน้อยก็เป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าเชียวนะ……

“นายท่าน ท่านให้ข้าเป็นองครักษ์ผู้ติดตามของท่านจริง ๆ หรือ?”น้ำเสียงของลาร์สั่นคลอนเล็กน้อย

มีรังสีแห่งความสงสัยปรากฏบนใบหน้ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ เขาต้องไม่รู้อยู่แล้วว่าเหตุใดลาร์จึงต้องถามเช่นนี้ อีกทั้งยังดูตื่นเต้นดีใจเช่นนี้ด้วย

“ทำไม? เจ้าไม่ยินดีหรือ?”หลัวซิวหลุดหัวเราะออกมา เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าเหตุใดลาร์จึงตื่นเต้นดีใจเช่นนี้

“ไม่ ไม่ ไม่ใช่ขอรับ นายท่าน ข้ายินดีไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วขอรับ! ข้ารับประกันได้เลยว่าต่อไปข้าจักปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างของนายท่าน หากนายท่านให้ข้าย่ำผู้ใดให้ตาย ข้าก็จะไม่ใช้มือขยำมันให้ตายแน่นอน! ……”

คาดิสลาร์ถึงกับพูดจาสลับมั่วไปมาไม่เป็นขั้นเป็นตอนแล้ว ไม่สามารถใช้คำพูดมาอุปมาได้แล้วว่าเขา ณ วินาทีนี้ตื่นเต้นดีใจมากเพียงใดกันแน่

ความทรงจำบางอย่างเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนก็ผุดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน เขา ณ ภพชาตินั้นมีอดีตที่รุ่งโรจน์ เป็นมนุษย์คนแรกที่เดินขึ้นไปถึงแดนผู้สูงส่งหลังจากสิ้นสุดยุควัฏสงสาร ผู้แข็งแกร่งที่คอยติดตามอยู่ข้างกายเขานั้น มีมากจนนับไม่ถ้วน

มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้ว นี่มันอะไรยังไงกันแน่เนี่ย? เจ้าหลัวซิวนี่มันคือคนแบบใดกันแน่?

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท