มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2580
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เมื่อหยูเหลียงหลงเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาก็สะพรึงกลัวจนหน้าถอดสีทันที เงาร่างกระพริบครั้งหนึ่ง ปล่อยแสงดาบสีทองออกไปหนึ่งดวง อยากช่วยชีวิตหยูเหลียงเซิงเอาไว้
“คู่ต่อสู้ของมึงคือกู!”
ดูดจิตไม่มีทางปล่อยให้ผู้อื่นรบกวนหลัวซิวอยู่แล้ว เขายกมือขยำทีเดียว แสงดาบของหยูเหลียงหลงก็แตกสลายแล้ว หัวเราะเยือกเย็นอย่างดูหมิ่นครั้งหนึ่ง ก่อนจะพุ่งเข้าไปสังหารหยูเหลียงหลง
ในขณะเดียวกัน ดูดจิตก็ปลดปล่อยพลังอาณาจักรของตัวเองออกมาด้วย ทำการแผ่คลุมหยูเหลียงหลงและบรรพอาจารย์อีกคนหนึ่งของตระกูลหยู
“อ๊ากก! ……”
เสียงกรีดร้องหนึ่งที่น่าเวทนาดังก้อง เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดกลางนภา กะโหลกครึ่งหนึ่งของหยูเหลียงเซิงถูกกระบี่ร่องฟ้าตัดสับ สภาพน่าเวทนาอย่างยิ่ง
หลัวซิวไม่สามารถทำการสังหารเขาภายในหนึ่งกระบี่ สาเหตุที่เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบนั้น ล้วนเป็นเพราะอาศัยพลังกฎชั้นยอด ทว่าในด้านผลการฝึกตนละก็ หยูเหลียงเซิงแข็งแกร่งกว่าเขามาก
แน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าเกิดสิ่งที่เขาปลดปล่อยในเมื่อครู่นี้คือพลังอมตะของเกณฑ์เวลา เช่นนั้นการที่เขาจะสังหารหยูเหลียงเซิงภายในเสี้ยววินาทีนั้น ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากอยู่
แต่ว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว การสังหารจักรพรรดิเทพขั้น 1 คนหนึ่งนั้น มันยังไม่คุ้มกับการให้เขาใช้อุบายท่าไม้ตายสุดท้าย!
เขาสามารถเปลี่ยนแปลงออร่ากฎบนตัวได้ตามอำเภอใจ จึงมีออร่ากฎความตายขั้น 10 พรั่งออกมาจากร่างกายภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว
ความหมายของกฎความตายคือสังหารคู่ต่อสู้ให้ตาย หยูเหลียงเซิงใช้กฎธาตุดินเป็นเกราะป้องกัน แต่ทว่ากลับไม่สามารถป้องกันจุดอ่อนทุกจุดบนร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
เสียงฟึ่บดังขึ้น แสงกระบี่ความตายสีดำขลับพุ่งผ่านเข้ามา แขนข้างหนึ่งของหยูเหลียงเซิงจึงถูกหลัวซิวตัดลงมา จากนั้นกฎความตายก็แทรกซึมเข้าไปในร่างกาย ทำให้หยูเหลียงเซิงกรีดร้องได้น่าเวทนามากยิ่งขึ้น เจ็บปวดฃดั่งตายทั้งเป็น
“อ๊ากก! ……”
เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผู้ที่กรีดร้องกลับไม่ใช่หยูเหลียงเซิง แต่เป็นหยูเหลียงหลง ถึงแม้ดูดจิตเพิ่งบรรลุสู่จักรพรรดิเทพขั้น 1 แต่สายเลือดของชนเผ่าราชันย์อสูรกลืนจิตทำให้กำลังรบของเขาเกะกะระรานอย่างยิ่ง ซึ่งไม่ด้อยกว่าจักรพรรดิเทพขั้น 7 เลย
ส่วนผลการฝึกตนของหยูเหลียงหลงและบรรพอาจารย์จักรพรรดิเทพอีกคนหนึ่งสูงสุดก็แค่จักรพรรดิเทพขั้น 5 ซึ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของดูดจิตด้วยซ้ำ
เพียงสิบกว่ากระบวนท่าเท่านั้น ร่างกายของหยูเหลียงหลงก็ถูกดูดจิตฉีกกระชากจนกลายเป็นสองท่อน เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด
บรรพอาจารย์จักรพรรดิเทพอีกคนหนึ่งจากตระกูลหยูตกใจจนอกสั่นขวัญหาย ถึงขั้นไม่มีแม้แต่จิตใจที่จะต่อต้าน กลายเป็นแสงกลดวงหนึ่งภายในพริบตา คิดที่จะหลบหนี
ทว่าในเวลานี้เอง ก็มีม่านแสงลอยขึ้นมาจากบริเวณรอบ ๆ ของทั้งเมืองตระกูลหยู ค่ายกลค่ายหนึ่งได้ทำการผนึกพื้นที่ทั้งหมดของเมืองตระกูลหยูเอาไว้
และหลัวซิวก็เป็นผู้จัดวางค่ายกลนี้อยู่แล้ว ในเมื่อเขาจะมาล้มล้างตระกูลหยูและเมืองตระกูลหยู ก็ต้องจัดเตรียมทุกอย่างให้เพียบพร้อมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หยูเหลียงเซิงก็ถูกหลัวซิวสังหาร บรรพอาจารย์จักรพรรดิเทพคนสุดท้ายนั่นก็ถูกดูดจิตฉีกกระชากจนแหลกเป็นชิ้น ๆ เช่นกัน วิธีการต่อสู้ของเจ้าดูดจิตนั่นยิ่งอยู่ยิ่งคล้ายคลึงกับเจ้าลาร์ที่โหดเหี้ยมนั่นแล้ว
การดับสลายสูญสิ้นของบรรพอาจารย์ทั้งสามคน ทำให้ทั้งตระกูลหยูตกอยู่ในความหวาดผวาอย่างไร้ขอบเขตทันที ทั้งเมืองตระกูลหยูก็วุ่นวายขึ้นมาด้วย เนื่องจากค่ายกลได้ผนึกพื้นที่แห่งนี้เอาไว้ ทำให้คนจำนวนมากอยากออกไป แต่กลับหนีไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ง้างมือโยนเปลวไฟดวงหนึ่งออกไปเผาศพของหยูเหลียงเซิงจนกลายเป็นเถ้าธุลี เงาร่างของหลัวซิวลอยอยู่กลางนภา แล้วค่อย ๆ เอ่ยปากพูด: “ผู้ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหยูสามารถจากไปได้แล้ว แต่ผู้คนในตระกูลหยูอย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
ภายในแววตาของหลัวซิวเต็มเปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็น ถึงแม้เขาจะรู้อยู่ว่าคนส่วนมากในตระกูลหยูเป็นผู้บริสุทธิ์ ทว่าในโลกการฝึกยุทธ์ มันไม่มีความเห็นอกเห็นใจอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาจะล้มล้างตระกูลหยูและเมืองตระกูลหยู เพื่อเป็นการตักเตือนคนอื่น ๆ ในห้วงดาราว่าหากผู้ใดบังอาจแตะต้องญาติมิตรที่อยู่ข้างกายหลัวซิวข้า ข้าก็จะทำให้มันได้แบกรับกับผลอันหนักหน่วงที่ตามมา!
เขาสร้างจะสร้างความน่าเกรงขาม เชื่อไก่ให้ลิงดู และตระกูลหยูก็คือไก่ตัวนั้นที่จะถูกเขาเชือด