“ไอ้สารเลว! รังแกกันเกินไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักจักรพรรดิแสงดาวที่ยังคงอยู่ในการปิดกั้นฝึกตนก็ออกมาอย่างกะทันหัน ตอนนี้เขารู้สึกว่ารากฐานของตระกูลหยูถูกทำลายแล้ว!
คนๆนี้เป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างของสำนักจักรพรรดิแสงดาว แต่นามสกุลของเขาคือหยู ในยุคของสำนักจักรพรรดิแสงดาว บรรพบุรุษของตระกูลหยูกับสำนักจักรพรรดิแสงดาวเป็นเพื่อนสนิทกันและเป็นเรื่องจริง
ตลอดช่วงรุ่นที่ผ่านมา ตระกูลหยูได้ส่งคนที่มีพรสวรรค์และโดดเด่นไปยังสำนักจักรพรรดิแสงดาวเพื่อฝึกฝน และคนแต่ละรุ่นของตระกูลหยูก็เก่งกาจมาโดยตลอด หลังจากการฝึกฝนประสบความสำเร็จ พวกเขาสามารถดำรงตำแหน่งสูงในสำนักจักรพรรดิแสงดาว ตระกูลหยูก็สามารถได้รับการปกป้องและพึ่งพาอาศัยเช่นกัน และพัฒนาอย่างรวดเร็วในมหาโลกะแสงดาว
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่หยูเฉิงเหวินรับตำแหน่งผู้อาวุโสไท่ซ่างและศักดิ์ศรีของตระกูลหยูได้พัฒนาไปถึงระดับหนึ่งแล้วด้วยโดยไม่ต้องพึ่งพาเขา มีคนไม่กี่คนในมหาโลกะแสงดาวที่กล้ายั่วยุคนของตระกูลหยู
หลายคนลืมไปว่าเบื้องหลังตระกูลหยูมีเขาที่แข็งแกร่งคนหนึ่งอยู่
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร แม้ว่าราชาแห่งสรวงสวรรค์กล้าทำลายรากฐานตระกูลหยู ข้าก็จะสู้กับเจ้าจนตาย!”
หยูเฉิงเหวินออกจากการปิดกั้นฝึกตนโดยไม่ลังเล โดยไม่บอกใครก็ออกไปจากสำนักจักรพรรดิแสงดาวโดยตรง
ข่าวที่ว่าตระกูลหยูถูกกำจัดในไม่ช้าก็แพร่กระจายไปยังสำนักจักรพรรดิแสงดาว เมื่อประมุขแห่งสำนักจักรพรรดิรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลัวซิว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาถามคนข้างๆว่า “ผู้อาวุโส หยูเฉิงเหวินล่ะ?”
“จู่ ๆ ผู้อาวุโสก็ออกจากการปิดกั้นฝึกตนแล้วออกจากสำนัก…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของประมุขแห่งสำนักจักรพรรดิก็ดูไม่ดีในทันที เขารู้ดีว่า หยูเฉิงเหวินต้องไปหาเรื่องหลัวซิวแล้ว ไม่ว่าหยูเฉิงเหวินสามารถฆ่าหลัวซิวได้หรือไม่ สำหรับสำนักจักรพรรดิแสงดาวก็ไม่ใช่เรื่องดี
เนื่องจากตอนนี้ จี้จู่ได้กลายเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ และได้ยินมาว่าหลัวซิวมีผู้ติดตามแข็งแกร่งที่สามารถบดขยี้จักรพรรดิเทพได้ได้อย่างง่ายดาย แม้แต่สำนักจักรพรรดิแสงดาวก็ไม่อยากมีเรื่องศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้อย่างง่ายดาย
หลังจากทำลายตระกูลหยูแล้ว หลัวซิวก็ไม่ได้ออกจากแผ่นดินแสงดาว เขาต้องการดูว่าหลังจากที่เขาทำลายตระกูลหยูจะมีคนออกมาหรือไม่
เขารอไม่นาน ชายชราผู้โกรธเกรี้ยวก็ฉีกปริภูมิออกจากกันแล้วปรากฏตัวต่อหน้าเขา
ชายชราผู้โกรธเกรี้ยวคนนี้คือ หยูเฉิงเหวินนั่นเอง เมื่อเขาเห็นหลัวซิวรอเขาด้วยท่าทีมั่นใจไม่เกรงกลัว ทั้งร่างกายของเขาก็สั่นเทาด้วยความโกรธ
“หลัวซิว ข้าต้องยอมรับว่าในฐานะรุ่นเยาว์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่มีใครเทียบเจ้าได้ แต่เจ้าไม่ควรทำลายการสืบทอดที่มีมายาวนานของตรกลูข้า ไม่ว่าเจ้าจะมีภูมิหลังแบบใด แม้วันนี้ข้าจะสู้จนสุดชีวิตเจ้าก็ต้องชดใช้!” หยูเฉิงเหวินพูดด้วยโทสะ
“อย่าพูดอย่างชอบธรรมอย่างนั้น การตายของตระกูลหยูของเจ้าเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเอง หากเจ้าเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของตระกูลหยู งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตระกูลหยูจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง” หลัวซิวกล่าวพร้อมกับเย้ยหยัน
“ไปตายซะ!” หยูเฉิงเหวินคำรามด้วยโทสะ เงากระบี่ สีน้ำเงินเย็นยะเยือกก็ฟันออกไป
หยูเฉิงเหวินผู้นี้สามารถนั่งในตำแหน่งผู้อาวุโสไท่ซ่างของสำนักจักรพรรดิแสงดาวได้ เขาต้องไม่ใช่จักรพรรดิเทพธรรมดา แต่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพขั้น 8 คนหนึ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวซิวได้เผชิญกับผู้แข็งแกร่งระดับนี้ นับตั้งแต่ผลการฝึกตนของเขามาถึงระดับจ้าวมหาเทพ นี่เป็นครั้งแรกที่เผชิญ
ในอดีต เขายังเคยฆ่าจักรพรรดิเทพช่วงปลายมาก่อน แม้กระทั่งจักรพรรดิเทพขั้นสูงด้วย แต่เขาอาศัยพละกำลังที่พุ่งทะยานของเขาหลังจากรวมร่างกับอสูรดูดจิตและไพ่ตายอื่น ๆ อีกมากมาย
ครั้งนี้ หลัวซิวต้องการดูว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเทียบได้กับจักรพรรดิเทพขั้น 8แล้วเป็นอย่างไร!
ยกมือขึ้นและบีบผนึกค่ายกล ยันต์ค่ายหนึ่งก็ถูกหลัวซิวจารึกลงในอนัตตาโดยรอบ ตอนนี้เขาเชี่ยวชาญกฎกฎทวยเทพขั้น 10 แล้ว และยันต์ค่ายที่ผนึกขึ้นมาก็สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นค่ายกลระดับ 5 ได้
กฎที่ หยูเฉิงเหวินใช้คือกฎธาตุน้ำแข็ง อาวุธของขลังชีวีของเขาคือกระบี่เทพเงาลวงสีฟ้าน้ำแข็งสิบหกเล่ม ดูเหมือนว่าเขาจะมีความเก่งกาจด้านค่ายกลด้วย กระบี่เทพสิบหกเล่มถูกจัดเรียงเป็นค่ายกลในอนัตตา เจตนาฆ่าที่เยือกเย็นและน่าสะพรึงกลัวท่วมท้นปริภูมิที่หลัวซิวอยู่ในทันที
“เจ้าจะแข่งขันค่ายกลกับข้ารึ? เจ้าประเมินความสามารถของเจ้าสูงเกินไปเสียจริง” รอยยิ้มเยาะเย้ยเย็นเยือกปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลัวซิว