ในผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสี่คนนี้ ผู้ที่มีผลการฝึกตนสูงที่สุดคือบรรพอาจารย์สำนักจักรพรรดิแสงดาว ทว่าจะตัดสินศักยภาพที่แท้จริงของจอมยุทธ์ที่อยู่ในแดนเดียวกันผ่านผลการฝึกตนอย่างเดียวไม่ได้ ในส่วนของเรื่องที่ว่าผู้ใดแข็งแกร่งมากกว่านั้น ยังเป็นเรื่องที่ไม่อาจทราบได้
หงหวู้ที่นำอยู่ด้านหน้าพลางเดินพลางใช้มือประสานอินเพื่อปลดปล่อยวิกลต่าง ๆ นานาออกมา ในขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งถึงสองก้าว เขาก็จะจารึกยันต์ค่ายลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า บางครั้งก็จะโยนธงค่ายผังค่ายออกมาเป็นครั้งคราว วางไว้ในตำแหน่งพิเศษ
นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่หลัวซิวเห็นอุบายอย่างก่อค่ายเป็นยันต์จากฝีมือผู้อื่น จากจุดนี้สามารถดูออกอยู่ว่าระดับฝีมือด้านค่ายกลของหงหวู้ไม่ต่ำ การสืบสานวิถีค่ายที่เขาฝึกนั้นก็ต้องเป็นการสืบสานระดับสูงแน่นอน
ทันทีที่มาถึงภูเขาถูหลิง หลัวซิวก็ได้สำรวจค่ายกลในภูเขาถูหลิงโดยคร่าว ๆ รอบหนึ่งเช่นกัน ทั้งเทือกเขาที่ภูเขาถูหลิงคงอยู่นั้น มีค่ายกลต้องห้ามจัดวางอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งค่ายกลต้องห้ามที่นับไม่ถ้วนนี้ต่างมีความเชื่อมโยงถึงกันและกัน เขาไม่มีเวลาไปอนุมานดี ๆ หงหวู้ทั้งสี่คนก็มาถึงแล้ว เขาจึงทำได้เพียงดึงตัวสำนึกกลับมา
หลัวซิวสามารถดูออกอยู่ว่าเพื่อเป็นการทำลายค่ายกลต้องห้ามของที่นี่ หงหวู้น่าจะเตรียมตัวมานานมาก ๆ แล้ว แค่ธงค่ายต่าง ๆ นานาที่เขาโยนออกไป ก็เป็นธงค่ายที่กลั่นมาจากตัวเซียนระดับห้าแล้ว หากไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลสำนักจักรพรรดิ คงทำถึงขั้นนี้ได้ยากมาก
จากการที่เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป ธงค่ายที่หงหวู้โยนออกไปนั้นก็มีหลักร้อยผืนแล้ว ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดนี้มันมากกว่าวัตถุดิบที่หลัวซิวใช้ครั้นเมื่อลดทอนพลานุภาพของมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลสิบกว่าเท่าเลย
ในขณะเดียวกัน ธงค่ายทั้งหมดนั้นของหงหวู้ก็มีประโยชน์เยอะมากเช่นกัน มีรัศมีแย้มบานออกมาจากธงค่ายทั้งหลาย รัศมีตัดสลับกันจนกลายเป็นลายค่ายยันต์ค่าย ทำการทลายค่ายกลต้องห้ามจำนวนมากที่คงอยู่ในภูเขาถูหลิงดั่งหิมะที่ละลาย
ระยะเวลาสามวันได้ล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว พวกหงหวู้ทั้งสี่คนยังคงวนเวียนอยู่รอบภูเขาถูหลิง ส่วนธงค่ายที่หงหวู้โยนออกไปนั้น กลับใกล้จะถึงหลักพันแล้ว
“พวกมันวางแผนที่จะเดินเตร็ดเตร่ไปอีกนานเท่าไหร่วะ?”มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแล้ว ใช้ตัวสำนึกส่งเสียงพูดกับหลัวซิว
“แย่แล้ว!”
เสี้ยววินาทีที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิใช้ตัวสำนึกส่งเสียงกับเขา สีหน้าของหลัวซิวก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เนื่องจากในภูเขาถูหลิงนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยลายค่ายที่หงหวู้จัดวาง หากไม่มีพลังออร่ารั่วไหลออกไปก็ไม่เป็นไร ทันทีที่มีพลังออร่าเสี้ยวหนึ่งรั่วไหลออกไป ในฐานะที่หงหวู้เป็นเจ้าของค่ายกล ต้องสัมผัสได้ในเสี้ยววินาทีแน่นอน
เมื่อใช้ตัวสำนึกส่งเสียง ก็จำเป็นต้องใช้ตัวสำนึก เช่นนั้นก็ต้องมีคลื่นตัวสำนึกสะท้อนออกไปแน่นอน
“มีคนตามสะกดรอยพวกเรา!”
เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ด้วย หงหวู้ที่อยู่ด้านหน้าหันควับกลับมา ตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่ง ย้ำเตือนอีกสามคนที่อยู่ข้างกาย
ภายในเสี้ยววินาทีเดียว ลายค่ายทั้งหมดก็ผนึกตำแหน่งที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิและหลัวซิวอำพรางตัวไว้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเมื่อครู่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิได้ใช้ตัวสำนึกส่งเสียง มันไม่เพียงเปิดเผยตำแหน่งของตัวเขาเอง ในขณะเดียวกันมันก็เปิดเผยตำแหน่งของหลัวซิวด้วย
บัดนี้มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็รู้แล้วว่าตนถูกเปิดเผยแล้ว พูดได้แค่เพียงเขาไม่เข้าใจในค่ายกลเลยจริง ๆ ไม่ทราบแต่อย่างใดว่าใช้ตัวสำนึกส่งเสียงในสถานการณ์เช่นนั้นไม่ได้
“สหายหลัวเจ้าหนีไปก่อน ข้าจักคอยคุ้มกันเจ้า!”ทว่าเวลานี้มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิกลับยึดมั่นในสัจจะมาก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่งก่อนจะพุ่งตัวออกไป แล้วเรียกโลงศพเทวมรณาและไฟเทวสีน้ำตาลแก่ออกมาพร้อมกัน
“ลาร์ เจ้าไปให้การช่วยเหลือ”
หลัวซิวก็เรียกตำหนักวัฏสงสารออกมาอย่างไม่ลังเลใจเช่นกัน ลาร์พุ่งออกมาจากตำหนักวัฏสงสาร
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิและลาร์ก็ต่อสู้กับบรรพอาจารย์แสงดาว บรรพอาจารย์จ้านเทียนและบรรพอาจารย์มหาวาลทั้งสามคนอย่างดุเดือด
ในส่วนของหงหวู้นั้น เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากทั้งบริเวณโดยรอบของภูเขาถูหลิงมีธงค่ายนับพันผืนที่เขาจัดวางไว้อยู่!
เมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ธงค่ายเหล่านั้นสามารถระเบิดพลานุภาพที่ทรงพลังออกมาได้อย่างง่ายดาย
หลัวซิวก็ไม่ได้ลงมือเช่นกัน เนื่องจากเขารู้อยู่ว่าภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่มหาจักรพรรดิยุทธ์สามคนนั้น แต่เป็นค่ายกลของหงหวู้ ตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมานี้ หลัวซิวจำได้แม่นยำมาก ๆ ว่าธงค่ายของหงหวู้ถูกจัดวางอยู่ตำแหน่งใดบ้าง
ผลแพ้ชนะของการดวลในครั้งนี้ ขึ้นอยู่ที่ระดับฝีมือด้านค่ายกลของผู้ใดปราดเปรื่องกว่า!