มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2643
ทันใดนั้นเอง นางยื่นมือออกมา ลูบใบหน้าหลัวซิวเบา ๆ หลัวซิวสัมผัสได้เพียงความเย็นยะเยือก ไม่มีอุณหภูมิอยู่เลยสักนิด
“ใช่เจ้าหรือไม่?”
นางกล่าวเหมือนกำลังละเมอ ทว่าวินาทีต่อมากลิ่นอายทั้งหมดกลับได้หายไป กลายเป็นรูปปั้นไปอีกครั้ง สีหน้าท่าทางและความเคลื่อนไหวทั้งหมด ก็แข็งทื่อไปในทันที เหมือนได้กลายเป็นชั่วนิรันดร์
หัวใจของหลัวซิว สั่นสะท้านเล็กน้อย ชาติที่เขาเกิดเป็นไท่ซ่างฉิง เขาติดค้างจี้หวูชวงมากเกินไป
และในชาตินี้ จี้จู่ก็ได้ตายเพื่อเขา เขาติดค้างเผ่าจี้มากเกินไปจริง ๆ!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางด้านนี้ แม้แต่หลู่ซิวเหวินยังต้องตกตะลึง ต่อให้เขาเป็นผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูง ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถต้านทานพลังดาบอันน่าทึ่งนั่นเอาไว้ได้
แต่สิ่งที่ทำให้เขาวางใจลงก็คือ เหมือนว่าดาบนั้นก็ได้ทำให้รูปปั้นบรรพบุรุษหวูชวงท่านนี้ของเผ่าจี้สูญเสียพลังทิพย์ไปจนหมด หากต้องการก่อเกิดพลังอันแรงกล้าเช่นนั้นขึ้นมาอีกครั้ง จำเป็นต้องใช้เวลาและการตกตะกอนอันยาวนาน
“เป็นทะยานเซียนในตำนาน!”
เมื่อจี้เสวียนคงและบรรดาผู้อาวุโสได้เห็นพลังดาบนั่น แต่ละคนต่างมีสีหน้าท่าทางตื่นเต้นขึ้นมา
เมื่อจี้จู่และผู้อาวุโสคนก่อน ๆ ได้แสดงวิชาอาถรรพณ์ออกมา ต่างก็ทำให้รูปปั้นบรรพบุรุษฟื้นคืนชีพ แสดงพลังการสู้อันร้ายกาจออกมา แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้บรรพบุรุษหวูชวงสำแดงทะยานเซียนออกมาได้
แต่ที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ เรื่องที่หัวหน้าเผ่าคนแล้วคนเล่าของเผ่าจี้ไม่สามารถทำได้ ทว่าหลัวซิวกลับทำได้
มันทำให้บรรดาผู้อาวุโสเกิดความสงสัยขึ้นมาภายในใจ พวกเขานึกถึงตอนหลัวซิวมาเผ่าจี้ครั้งแรก ก็เคยได้นำร่องรอยดาบของบรรพบุรุษหวูชวงกลับมาด้วย และหว่างเขากับบรรพบุรุษหวูชวงมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?
หากไม่ใช่เพราะหลัวซิวไม่เคยใช้พลังอมตะวิถีดาบมาก่อน พวกเขาเกือบคิดว่าหลัวซิวเป็นผู้สืบทอดข้ามยุคของบรรพบุรุษหวูชวง
“ตาย!”
จู่ ๆ หลู่ซิวเหวินก็สลัดหลุดจากลาร์ กางมือใหญ่ข้างหนึ่งออกครอบคลุมเข้ามาหาหลัวซิว
แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ของเขามิได้เพื่อเอาชีวิตหลัวซิว แต่คือต้องการจับตัวหลัวซิว เพราะจากการแสดงออกต่าง ๆ ของเจ้าหนุ่มคนนี้ ในตำหนักเสินหยูมีคนพยากรณ์ว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่เจ้าหนุ่มคนนี้จะเป็นผู้แข็งแกร่งท่านใดท่านหนึ่งได้กลับชาติมาเกิด
สามารถกลับชาติมาเกิดและฟื้นฟูความทรงจำ ล้วนไม่ใช่ยอดฝีมือธรรมดาทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นคนที่มีคนสมบัติพอที่จะถูกเรียกว่าผู้แข็งแกร่งได้ในโลกมหาศักดิ์แปดด้านนั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นเทพมารระดับเจ็ดขึ้นไป สามารถกลับชาติมาเกิดได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นเทพมารระดับเก้าขึ้นไป!
หากสามารถจับร่างกลับชาติมาเกิดของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าคนหนึ่งได้ แม้จะไม่สามารถให้เขาทำประโยชน์ให้ตัวเองได้ ขโมยความทรงจำและความลับของเขา ก็เป็นทรัพย์สินมหาศาลที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
แม้หลัวซิวจะไม่ทราบว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของหลู่ซิวเหวินคืออะไร แต่สำหรับเรื่องที่มีคนสงสัยว่าตัวเองเป็นร่างกลับชาติมาเกิด ก็ไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจนัก เพราะความสามารถและพรสวรรค์ที่เขาได้แสดงออกมา ล้วนอยู่เหนือขอบเขตของคนทั่วไป เรื่องไม่สมเหตุสมผลต่าง ๆ เกิดขึ้นกับคนเพียงคนเดียว จะถูกคนสงสัยและเดาออกก็เป็นเรื่องปกติ
แต่สำหรับหลัวซิวแล้ว ตราบใดที่ไม่มีคนรู้ว่าเขาคือไท่ซ่างฉิงกลับชาติมาเกิดก็มิใช่เรื่องใหญ่อะไร นับตั้งแต่จ้าววัฏสงสารรุ่นที่แปดสิ้นชีพไป ก็ไม่มีใครควบคุมกฎเทียนเต้าและวัฏจักรอีกเลย ก็มีผู้แข็งแกร่งหลายคนที่กลับชาติมาเกิด
“โฮก!”
ลาร์ส่งเสียงคำรามดังลั่น พลังของเกณฑ์อัสนีโคจรไปทั่ว ร่างมหึมาของเขากล่าวเป็นสายฟ้า คิดจะขัดขวางไม่ให้หลู่ซิวเหวินลงมือกับหลัวซิว
แต่การเคลื่อนไหวของหลู่ซิวเหวินนั้นเร็วเกินไป สิ่งที่ลาร์สามารถเรียกใช้ได้มีเพียงพลังเกณฑ์อัสนีที่อ่อนแอ
“ท่านพี่!”
“พี่ใหญ่!”
“คุณชาย!”
“……”
เหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่ หลี่ยู่ เย่ห้าวหราน จี้หานยู่ จี้เสี่ยวจื่อและคนอื่น ๆ ต่างก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่า หลู่ซิวเหวินเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้อย่างแน่นอน