มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2726 เป็นผู้บุกเข้าไปในโลกสวรรค์
จ้าววัฏสงสารเป็นคนเช่นไร นั่นคือชายผู้แข็งแกร่งที่เทียบเคียงกับไท่ชูสวรรค์สิบสอง ปกครองทวยเทว ควบคุมเทียนเต้า และภูตทั้งปวงยอมจำนนเขา!
แต่หลัวซิวไม่ได้คิดว่าฮวงหวูจี๋โม้ เพราะเขารู้ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ตั้งแต่ไท่ชูจนถึงวัฏสงสาร หายนะเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับผู้แข็งแกร่งและสำนักตระกูลมากมาย เช่นตระกูลเทพสงครามและแข็งแกร่งอย่างเผ่าจี้ ก็เสียชีวิตลงและหายไปเช่นกัน
แต่แปดตระกูลใหญ่นั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในหายนะเหล่านั้น และทั้งภูตสวรรค์ในยุคไท่ชูหรือจ้าววัฏสงสารในยุควัฏสงสาร ก็ไม่เคยไปหาเรื่องกับแปดตระกูลใหญ่
ชนเผ่าฮวงเป็นใหญ่อยู่ในโลกร้างเขตกลาง และผู้สูงส่งโลกร้างในรุ่นต่อ ๆ ไปไม่มีใครกล้าพูดว่าให้ชนเผ่าฮวงอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา
โลกมหาศักดิ์อีกเจ็ดโลกก็มีเผ่าของตัวเองเช่นกัน ได้แก่ เผ่าฟ้า เผ่าดิน เผ่าดำ เผ่าหลือง เผ่าวาล เผ่าภพ เผ่าหง!
มหาจักรพรรดิยุทธ์โจ้เทียนมาจากเผ่าภพ และเทียนหย่งก็เป็นเจ้าหญิงของเผ่าภพ ชื่อของนางคือภพเทียนหย่ง
การกลับไปยังเมืองต้าฮวงโบราณอีกครั้ง ทำให้ความทรงจำมากมายเกี่ยวกับชาติที่แล้วของหลัวซิวกลับมา เขาถอนหายใจเบา ๆ และความคิดของเขาก็กลับมาชัดเจน
ในเมืองต้าฮวงโบราณ ไม่เพียงแต่มีผู้คนจากชนเผ่าฮวงเท่านั้น เมืองโบราณแห่งนี้ยังเปิดให้คนภายนอกเข้าได้ เมื่อหลัวซิวนั่งยักษ์อัสนีมายังเมืองโบราณแห่งนี้ก็ดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก
สถาปัตยกรรมในเมืองโบราณล้วนสูงตระหง่าน แม้ว่าร่างของลาร์จะสูงพันฟุตจะยังคงดูใหญ่โตที่นี่ แต่ก็ไม่ได้เด่นนัก
ในร้านอาหาร ฮวงหวูจี๋เชิญเขาไปดื่มเหล้าและสั่งให้คนจับอสูรขั้นแปดที่เลี้ยงไว้ให้เป็นอาหารกับลาร์
“หลายปีนี้มีเหตุการณ์ใหญ่ที่สำคัญในโลกร้างหรือไม่?” ขณะดื่มเหล่า หลัวซิวก็สอบถามเกี่ยวกับข่าวสารที่เป็นประโยชน์
“มีแน่นอน!”
ฮวงหวูจี๋ดื่มจนพอใจและพูดว่า “สหายหลัว เจ้ารู้โลกสวรรค์หรือไม่?”
“โลกสวรรค์?” หลัวซิวหรี่ตาเล็กน้อย สำหรับผู้แข็งแกร่งแห่งแห่งโลกยุทธ์จำนวนมาก โลกสวรรค์เป็นเรื่องต้องห้าม นักยุทธ์ทั่วไปไม่รู้สึกแบบนี้ แต่ถ้าพวกเขาไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า ไม่มีใครจะไม่หวาดกลัวโลกสวรรค์
เนื่องจากวังนภาสิบสองที่สืบทอดมาตั้งแต่ไท่ชูนั้นอยู่ที่โลกสวรรค์ คือเจ้าแห่งของโลกสวรรค์!
ในชาติที่แล้วของไท่ซ่างฉิง ในโลกมหาศักดิ์แปดทิศมีเพียงโลกสวรรค์เท่านั้นที่ไม่เคยไปมาก่อน เหตุผลเพราะกลัววังนภาสิบสองนั่นเอง
“ที่เรียกว่าวังนภาสิบสองนั้น พูดว่าเป็นสิบสองเผ่าฟ้าที่แยกออกมา เผ่าฟ้าเหมือนกับชนเผ่าฮวงของเรา ต่างเป็นลูกหลานของบรรพเทพ ชนเผ่าฮวงของเราสืบเชื้อสายมาจากสายเดียวกันตั้งแต่สมัยโบราณ แต่เผ่าฟ้ากลับมีสิบสองสายเลือด”
เกี่ยวกับคำพูดนี้ หลัวซิวเคยได้ยินเรื่องนี้ในชาติที่แล้ว ว่ากันว่าสวรรค์ทั้งสิบสองในยุคไท่ชูมาจากเผ่าฟ้า
มีเพียงสายเลือดของจ้าววัฏสงสารเท่านั้นที่ไม่ได้มาจากลูกหลานของบรรพเทพทั้งแปด แต่เป็นผู้แข็งแกร่งชื่อเยียนจวินเป็นผู้สร้างวิถียุทธ์วัฏสงสาร หลังจากสวรรค์ทั้งสิบสอง เขาสร้างยุควัฏสงสารและกลายเป็นจ้าววัฏสงสารรุ่นแรก
“ฮ่าฮ่า โลกสวรรค์ไม่ได้เปิดให้โลกภายนอกตลอดมา มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนนอกจะเข้าไปในโลกสวรรค์ แต่ชนเผ่าฮวงของเราได้รับข่าวว่าเมื่อสามร้อยกว่าปีที่แล้ว มีคนๆหนึ่งที่บุกเข้าไปในโลกสวรรค์!ได้” คำพูดของฮวงหวูจี๋นั้นน่าตกตะลึง
“คนๆหนึ่ง? !”
แม้แต่หลัวซิวก็ตกใจเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ แม้ว่าเขาเป็นไท่ซ่างฉิงในชาติก่อนจะฝึกฝนจนถึงแดนผู้สูงส่งแล้ว เขาก็ยังเคารพโลกสวรรค์อยู่ห่างๆ และไม่กล้าเข้าใกล้ แต่กลับมีคนกล้าเข้าไปในโลกสวรรค์ด้วยตัวคนเดียว?
“ถูกต้อง เป็นคนๆหนึ่งจริงๆ!” ฮวงหวูจี๋ดื่มเหล้าในถ้วยของเขาหมด และพูดว่า “ตอนนั้นผู้ชราของชนเผ่าฮวงเราก็ตกใจพอๆ กับสหายหลัวเมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้”
“แม้ว่าชนเผ่าฮวงของเราและเผ่าฟ้าจะเป็นลูกหลานของบรรพเทพ แต่เผ่าฟ้านั้นแข็งแกร่งกว่าชนเผ่าฮวงของเรานัก เคยมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานอย่างสวรรค์สิบสองที่ปกครองทวยเทว ในบรรดาแปดเผ่าของเรา เผ่าฟ้าก็มักจะถือว่าตนเองเป็นเผ่าอันดับหนึ่งตลอดนิรันดร์”
ในขณะที่พูด ฮวงหวูจี๋หยิบม้วนหนังสือออกมาและคลี่ออกโดยกล่าวว่า “บรรพอาจารย์คนหนึ่งของชนเผ่าฮวงเราได้เห็นศึกครั้งใหญ่ด้วยตาของเขาเอง และเดิมทีคิดที่จะวาดภาพของผู้แข็งแกร่งที่บุกเข้าไปในโลกสวรรค์ออกมา แต่ผู้แข็งแกร่งคนนั้นมีพลังเต๋าที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ล้อมรอบเขา ด้วยผลการฝึกฝนของบรรพอาจารย์ก็ไม่สามารถเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน มีเพียงแผ่นหลังเท่านั้นที่ถูกวาดออกมา”
หลัวซิวจ้องมองและมีเพียงแผ่นหลังบนม้วนภาพวาด รอบ ๆ แผ่นหลังนี้มีเศษของขลังศัสตราวุธจำนวนนับไม่ถ้วน อนัตตาที่ไร้ที่สิ้นสุดถูกทำลายและพังทลายลง มีคราบเลือดและซากศพของผู้แข็งแกร่งอยู่ทุกที่
แผ่นหลังนี้คลุมเครือ แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังเต๋าทรงพลังไหลเวียนอยู่รอบตัว
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลัวซิวรู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้กับพลังแห่งเต๋าลึกลับที่ไหลเวียนอยู่รอบแผ่นหลังของร่างนี้
เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิด ความทรงจำนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับชีวิตในชาติก่อนและชาติปัจจุบันท่วมท้นอยู่ในใจของเขา ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้และร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปในทันที
“หรือว่าเป็น…อาจารย์?”
หลัวซิวยืนขึ้นทันที เขาจำได้ว่าเมื่อชาติที่แล้วเขาเป็นเพียงมกุฎเทพเล็กๆที่อ่อนแอ เขาหลงเข้าไปในหุบเขาผนึกปีศาจ เขาได้พบกับที่อาจารย์คนแรกในชีวิตของเขาที่นั่น ภายใต้เการสั่งสอนของเขา จึงมีไท่ซ่างชิงที่เก่งกาจแข็งแกร่ง
เพียงแต่ว่าผลการฝึกฝนของไท่ซ่างฉิงในเวลานั้นไม่สูงนักและยังไกลจากการสัมผัสกับเกณฑ์พลังเต๋า บอกกับการปราบปรามของศิลาผนึกปีศาจ ทำให้อาจารย์มีออร่าที่อ่อนแอเล็ดลอดออกมา แต่เมื่อความทรงจำนี้ผุดขึ้นในสมองในชั่วพริบตา หลัวซิวมีสัญชาตญาณบอกเขาว่าเจ้าของแผ่นหลังของม้วนภาพคืออาจารย์ในชาติที่แล้วของเขา!
อาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีอาจารย์คนนี้ ก็จะไม่มี ไท่ซ่างฉิงในชาติที่แล้ว และหากไม่มีไท่ซ่างฉิง จะมีหลัวซิวในชาตินี้ได้อย่างไร?
ดังนั้นเขาจึงถือได้ว่าเป็นอาจารย์ของหลัวซิว ซึ่งเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในใจของเขา!
“สหายหลัว เจ้าเป็นอะไรไป?” เมื่อเห็นปฏิกิริยาแปลก ๆ ของหลัวซิว ฮวงหวูจี๋รู้สึกงงเล็กน้อย
หลัวซิวไม่ตอบ เพียงแค่ส่ายหัวและนั่งลงอีกครั้ง ความวุ่นวายในใจของเขาไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน
ฮวงหวูจี๋รู้สึกว่าหลัวซิวแปลกไปเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาจำสิ่งที่บรรพอาจารย์พูดเมื่อเขากลับมาว่าผู้แข็งแกร่งคนนั้นที่บุกเข้าไปในโลกสวรรค์นั้นน่าจะเป็นผู้ที่มีผลการฝึกฝนเหนือกว่าแดนผู้สูงส่ง!
อะไรคือแดนผู้สูงส่ง? ฮวงหวูจี๋ในฐานะเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองต้าฮวงโบราณก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน เฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งในระดับภูตสวรรค์และจ้าววัฏสงสารเท่านั้นถึงจะถูกเรียกว่าแดนผู้สูงส่ง และชื่อเรียกรวมสำหรับแดนนี้คือแดนบรรพเทพ ซึ่งเทียบเท่ากับบรรพบุรุษของชนเผ่าฮวง
“บูม!”
ทันใดนั้น ประตูห้องที่ฮวงหวูจี๋และหลัวซิวอยู่ก็ถูกถีบเปิดออก ชายหนุ่มสีหน้าเย็นชาผิวคล้ำคนหนึ่งเดินเข้ามา
เมื่อเห็นคนๆนี้ ฮวงหวูจี๋ก็ขมวดคิ้วทันที “พี่ถีบเปิดประตูห้องข้า รบกวนความสุขในการดื่มของข้า เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
คนที่ฮวงหวูจี๋เรียกว่าเป็นพี่ ชื่อว่าฮวงหวูเต้า เขาเป็นคนมีตัณหา หลงระเริง เสเพลคนหนึ่ง เขามักจะขัดแย้งกับฮวงหวูจี๋มาโดลตลอด
“หมายความว่าอะไร?”
ฮวงหวูเต้าส่งเสียงเย็นชาและชี้ไปที่หลัวซิว “ชายคนนี้เกือบฆ่าผู้เก่งกาจของสำนักเสว่หยูเกือบหมด ทั่วทั้งโลกร้างเขตกลาง ใครจะไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้สนับสนุนและช่วยเหลือสำนักเสว่หยูด้วยมือข้า?”
“สหายหลัวเป็นเพื่อนของข้า อีกอย่างพวกขยะอย่างสำนักเสว่หยูถูกสังหารก็สมควรถูกฆ่า ใครบอกให้พวกเขาอยากไปแย่งพาหนะของสหายหลัว?”
ฮวงหวูจี๋เย้ยหยัน “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ สำนักเสว่หยูอยากแย่งชิงพาหนะยักษ์อัสนีของสหายหลัวก็เพื่อที่จะแย่งไปแล้วมอบให้พี่?”
“ใช่แล้วไง? หรือว่าเจ้าจะช่วยเหลือคนนอกคนหนึ่งเป็นศัตรูกับพี่?”
ฮวงหวูเต้าโบกมือ ผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ห้าหกคนออกมาจากด้านหลังเขา แต่ละคนมีออร่าที่ทรงพลัง และพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับแปด
แม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นเทพมารระดับแปด แต่พวกเขาก็แย่กว่าฮวงหวูจี๋มาก
หลัวซิวยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ และเขาไม่ได้พูดแก้ต่างให้ตนเอง เขาได้รับเชิญจากฮวงหวูจี๋ ถ้ามีคนต้องการจัดการกับเขาในเมืองต้าฮวงโบราณ เขาก็อยากดูว่าฮวงหวูจี๋จะทำอย่างไร เพราะคนที่อยู่ข้างหน้าเขาคือพี่ชายของฮวงหวูจี๋
ถ้าฮวงหวูจี๋ยืนดูอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไร หลัวซิวจะไม่รังเกียจที่จะจัดการด้วยตนเอง แม้ว่าจะมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานอยู่ในเมืองต้าฮวงโบราณ แต่เขาก็ยังมีไพ่ตายเพื่อป้องกันปกป้องตนเอง
“จับตัวคนๆนี้!” ฮวงหวูเต้าออกคำสั่ง เทพมารระดับแปดหลายตัวที่อยู่ข้างหลังเขาก็พุ่งให้ไปหาหลัวซิว
“บังอาจ!”
สีหน้าของฮวงหวูจี๋เย็นเฉือก เขากำลังจะเคลื่อนไหว แต่ถูกฮวงหวูเต้าขวางไว้
“ไสหัวไป!”
มีฮวงหวูเต้าขวางกั้น หลัวซิวรู้ว่าฮวงหวูจี๋ไม่สามารถช่วยเขาได้ ดังนั้นเขาจึงโจมตีโดยไม่ลังเล ต่อยเทพมารระดับแปดคนหนึ่งที่เข้ามาใกล้กระเด็นออกไปด้วยหมัดเดียว
“ช่างบ้าและกล้านัก ยังกล้าต่อต้าน สังหารซะอย่าไว้ชีวิต!”
ในขณะที่ฮวงหวูเต้าออกคำสั่งอีกครั้ง ผู้คนอีกหลายคนก็พุ่งเข้าหาหลัวซิว ของขลังศัสตราวุธหลายชนิดถูกสังเวยออกมา ทำให้เขาจมอยู่ท่ามกลางอาวุธต่างๆ
“สหายหวูจี๋ อย่าตำหนิข้าที่ไม่ไว้หน้าเจ้า เจ้าเป็นคนเชิญข้ามาที่เมืองต้าฮวงโบราณ นี่เป็นวิธีที่เรียกว่าการต้อนรับหรือ?”
หลัวซิวส่งเสียงเย็นชา คำพูดเหล่านี้เข้าไปในหูของฮวงหวูจี๋ ทำให้สีหน้าของเขาดูไม่ดี
ในเวลาเดียวกัน ของขลังศัสตราวุธระดมมาทางเขา ร่างของหลัวซิวกระตุก ยันต์ค่ายมากมายปรากฏขึ้น เขาผายมือออก ทุบของขลังศัสตราวุธที่โจมตีเขาให้เป็นผง
“ผนึกว่านฟา!”
หลัวซิวบีบผนึกด้วยมือทั้งสองข้าง อนุมานด้วยวิถีไร้ลักษณ์ เขาได้สร้างวิชาพลังอมตะเพียงสองวิชาเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือผนึกว่านฟา ซึ่งแสดงให้เห็นแก่นแท้ของการเปลี่ยนแปลง สรรพสิทธิ์อย่างเต็มที่ของวิถีไร้ลักษณ์
ดูเหมือนว่าจะมีเพียงผนึกเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็มองเห็นว่ามีวิชาพลังอมตะนับไม่ถ้วนที่เกิดขึ้นในผนึกนี้ ผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับแปดห้าหกคนกระแทกกระเด็นออกไปพร้อมกระอักเลือด
“ฮวงหวูจี๋ เจ้าช่างกล้านัก เจ้ากล้าโจมตี!”
ในขณะนี้ หลัวซิวเห็นว่าฮวงหวูจี๋โจมตีแล้ว ด้วยหมัดเดียว ฮวงหวูเต้าก็กระเด็นลอยไป ร่างของเขาชนทะลุเข้ากับผนังห้อง ไม่รู้ว่ากระเด็นไปที่ไหนแล้ว
แม้ว่าฮวงหวูเต้าจะเป็นพี่ชายของเขา แต่ฮวงหวูจี๋เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของเมืองต้าฮวงโบราณ ดังนั้นเขาจึงเป็นเจ้าเมืองน้อย ไม่ใช่ฮวงหวูเต้าหรือพี่น้องคนอื่น ๆ
ฮวงหวูจี๋ถอนหายใจและกล่าวว่า “พี่ชายข้าไม่พอใจเสมอมาเกี่ยวกับการที่ข้ากลายเป็นเจ้าเมืองน้อย และเขาก็ขัดข้องกับข้าเสมอ ข้าคิดถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องและยอมอดทนเขาบ้างเล็กน้อยอยู่ทุกที่ แต่ไม่คาดคิดว่ากลับทำให้เขามีความเย่อหยิ่งมากขึ้นและยิ่งพูดหรือกระทำเกินขอบเขตมากขึ้นเรื่อย ๆ”
“สหายหลัวอย่ากังวล ตราบใดที่ข้า ฮวงหวูจี๋อยู่ที่นี่ จะไม่มีใครในเมืองต้าฮวงโบราณแห่งนี้สามารถหาเรื่องเจ้าได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฮวงหวูจี๋ด้วยความชื่นชม เขามีเพื่อนไม่มากนัก แต่ฮวงหวูจี๋คือคนที่สามารถเป็นเพื่อนได้อย่างแน่นอน