เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน – ตอนที่ 18

ตอนที่ 18

18.กินลูกกวาด

หลิ่วเจินออกจะประหลาดใจอยู่เล็กน้อย หญิงสาวเงียบงันไป ชั่วครู่ แล้วจึงหยิบของขวัญที่ห่ออย่างดิบดีออกมาส่งให้ ข้า อ่านไม่ออกหรอก ทว่าเถ้าแก่ร้านหนังสือบอกว่า เป็นตำราที่ เมื่อเร็วนี้ๆ ทุก ๆ คนล้วนเสาะหามาอ่าน มีชื่อว่าหลักพิชัย สงครามรณรัฐ”

กู้หรูเฟิงหาได้ประหลาดใจแต่อย่างใด ก่อนเอามือลูบม้วน ตำราอย่างทะนุถนอม ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย ท่าทางที่ เงยหน้าขึ้นมา และการเคลื่อนไหวของมุมปาก เพียงพอให้ เอาชนะใจมหาชนแล้ว หลิ่วเจินถึงกับใจเต้นรัว คิดว่าช่างคุ้ม ค่าที่จ่ายไปจริง ๆ

ขณะที่โจวโยวอ๋อง[1]เพื่อให้ได้ครอบครองรอยยิ้มของ โฉมงาม ถึงกับใช้กลยุทธ์จุดไฟสัญญาณหยอกล้อเจ้าแห่งรัฐทั้ง หลาย จนพาแคว้นให้ล่มสลายในท้ายสุด ทว่าตนเองเพียงใช้ ม้วนตำรานี้ ก็สามารถครอบครองรอยยิ้ม ซึ่งสามารถข่มแคว้น ทั้งแคว้นให้ดูด้อยค่าลงได้

ถึงเขาจะชอบของขวัญมาก ทว่ากลับลูบคลำตำราในมือ เพียงครู่เดียว ก็ส่งคืน “บัณฑิตคือพวกไร้ประโยชน์ ตำรานี่ก็ไร้ ประโยชน์ เช่นนั้น…เอาไปคืนที่ร้านเถิด แล้วนำเงินไปซื้อเสื้อผ้า ให้เจ้า”

ต่อให้เขาอ่านหนังสือมามากมายเพียงใด ก็ไม่สามารถ เข้าสอบเป็นขุนนาง หรือร่ายโคลงกลอนกับสหายได้ ในเมื่อมาถึงหมู่บ้านเชิงเขาอันไกลโพ้นนี้แล้ว เช่นนั้น ก็ควรเปลี่ยน รูปแบบการใช้ชีวิตเสียเถิด

อาหารก็ไม่พอกิน จะอ่านตำราไปเพื่ออันใด?

เขาละอายใจนัก

“ไม่ใช่เช่นนั้นเลย สมองก็ต้องการอาหารนะ ในเมื่อท้อง อิ่มแล้ว แต่สมองยังไม่อิ่ม ดูท่าจะทำให้ทุกข์ทรมานทีเดียว” หลิวเจินหยิบตำราวางบนรถเกวียน ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดีร้ายอย่างไร นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ข้ามอบของขวัญให้ท่าน รับ ไปเถิดน่านะ”

“อิ่ม” กู้หรูเฟิงเปล่งเสียงครางในลำคอ น้ำเสียงค่อนข้าง ทุ้มนุ่ม ทว่าสีหน้ากลับดูหนักใจนัก

ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน หลังเอาข้าวของที่ซื้อมาไปเก็บ ในบ้านแล้ว ก็เอารถเกวียนเทียมลากลับไปคืนผู้ใหญ่บ้าน บ้าน ของผู้ใหญ่บ้านตั้งอยู่ด้านหลังบ้านของหลิ่วเจิน มีถนนสาย หนึ่งซึ่งนับว่าไม่กว้างนัก คั่นกลางระหว่าง 2 บ้านเท่านั้น

บ้านที่ผู้ใหญ่บ้านพำนักอยู่ ใหญ่โตมโหฬารกว่ามาก ใน บริเวณลานบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด เลี้ยงสัตว์ไว้ใช้งานจำนวน มาก ครอบครัวนั้นมีลูกสะใภ้สองสามคน ซึ่งล้วนกำลังเร่งมือ ตระเตรียมของกิน ของใช้สำหรับฉลองเทศกาลปีใหม่อยู่

บ้านนี้มีลูกสะใภ้ 3 คน แต่มีลูกสาวเพียงคนเดียว คล้าย ว่าอายุราว 5 ถึง 6 หนาว หน้าตาน่ารักไร้เดียงสา น่า ทะนุถนอม แต่งกยในในชุดสีแดงเจิดจ้า มองดูก็รู้ว่าเป็นชุดที่ตัดมาใหม่เอี่ยม

แม้ว่าหลิ่วเจินดูอายุเพียง 16 หนาว ทว่าจิตใจก็คือผู้หญิง อายุ 30 ปี พอเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารัก ก็ยากจะห้ามใจ ไม่ให้รักใคร่เอ็นดูได้ นางหยิบลูกกวาดมากำมือหนึ่ง แล้วส่ง ให้เด็กน้อย “ข้าเพิ่งซื้อลูกกวาดมา ลองชิมดูไหม?”

แม่นางน้อยเม้มปากแน่น แล้ววิ่งหนีไป

ผู้ใหญ่บ้านทักทายพวกเขาที่เดินเข้ามาในบ้าน “อย่าไป ถือสาเด็กนั่นเลย นางถูกมารดาตามใจไปหน่อย ๆ ทว่าเวลา เขาพูด ใบหน้านั้นเปี่ยมด้วยความรักความเอ็นดู ดูท่าจะไม่ใช่ หญิงวัยกลางคนผู้เป็นมารดาเพียงคนเดียว ที่ตามใจนางเสีย แล้ว

หลังจากเข้าไปในตัวบ้าน ก็นั่งลงบนเตียงเตาอันอบอุ่น ทำให้หายหนาวเป็นปลิดทิ้ง

กู้หรูเฟิงกับผู้ใหญ่บ้านอยู่สนทนากันสองสามประโยค แล้วจึงหันกายเดินจากไป

หลิ่วเจินฉงนใจนิดหน่อย ทว่าไม่กล้าถามมากนัก ผู้ใหญ่ บ้านก็พูดแต่เรื่องที่ตนสนใจ “พอเห็นพวกเจ้าสองคนสามี ภรรยา รักใคร่ปรองดองกัน ข้าเองก็รู้สึกโล่งใจ บ้านช่องก็ ซ่อมแซมแล้ว ยามนี้ก็ซื้ออาหารตุนไว้มากอีก ดูท่าชีวิตคงดีขึ้น พอสมควร เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ภายหลังตายแล้ว ข้าพบบิดาเจ้า เมื่อไร ก็จะได้ไปบอกเขา เขาจากไปเร็วแบบนั้น..”

ระหว่างคุยสัพเพเหระกันหลายเรื่อง หญิงสาวถึงได้พบข้อมูลใหม่ ผู้ใหญ่บ้าน กับบิดาของหลิ่วเจ็นมีความสนิทสนม กันดี ถึงไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ ก็นับว่าดีกว่าพี่น้อง ผู้ใหญ่บ้านก็ พูดขี้แนะมากมาย ไม่มีอะไรอื่น เพียงขอให้หลิ่วเจินประพฤติ ตัวดี เลิกก่อปัญหา

หญิงสาวย่อมรับรองแข็งขัน “ก่อนหน้าข้านิสัยไม่ดี ชอบ ก่อเรื่อง ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ข้าจะคอยกวดขันตนเอง ท่านวางใจ เถิด”

ผู้ใหญ่บ้านลูบเคราตนเอง แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เช่นนั้น.ก็ดี เด็กสาวในหมู่บ้านเรา ไม่มีใครได้แต่งให้บัณฑิต เลย เมื่อมองดูผู้อื่นมีกิริยามรรยาทอ่อนโยน มีความรู้ มีการ ศึกษา พวกเราทุกคนที่นี่ ล้วนไม่อาจเทียบเคียงได้ แม้เขาจะ ประสบเคราะห์กรรมมา ชีวิตตกระกำลำบาก ทว่าชีวิตใคร มัน จะดีในชั่วข้ามคืนเล่า? เขาน่าสงสาร ไม่มีงานในมือ ข้าอยาก ให้เจ้าเกลี้ยกล่อมเขาให้มาสอนหนังสือเสี่ยวซานลูกชายข้า หน่อย ข้าจะมีเงินให้เขาตามสมควร ”

..

[1] โจวโยวอ๋อง หรือ โจวโยวหวาง (18] 44E) คือ กษัตริย์องค์สุดท้ายของโจวตะวันตก ถ้าจะบอกว่าเขาไร้ซึ่งสติ ปัญญาคงจะไม่เกินกว่าเหตุ ในขณะที่เขาครองอำนาจนั้น ได้ แต่งตั้งกว๋อสือฟู (#8 5%) ดำรงตำแหน่งช่างชิง (EE) (ตำแหน่งสูงสุดของขุนนาง มหาอำมาตย์) ขูดเลือดขูดเนื้อ ราษฎร เป็นเหตุให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า จนทำให้ เกิดการก่อจลาจลในช่วงปลายของราชวงศ์โจวตะวันตก

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาว บ้านในแถบหุบเขาต้าชานเลย หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้ เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คน แทบไม่กล้าเข้าไปเยือน แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง ก็ยัง ต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง บาง ครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปากของเหล่า หมาป่า ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อย เสียยิ่งกว่าน้อย บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยง ดูคนทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่ ก็ย่อมไม่มี กิน ถึงกระนั้น พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่ง ไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์ เมตตาเป็นสำคัญ อีกไม่ช้า ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อม หญ้า “ลองคิดดูสิ เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เรา จะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะเพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหว รี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ กู้หรูเฟิง…ท่านจะทำตัว เป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึงไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้นจนน้ำหมึก สาดกระเซ็นไปทั่ว มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็น เสี่ยงๆอีกด้วย บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรูเฟิง เขามีใบหน้าซูบ ขาวซีด แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมี ลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยัง ปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลงพื้น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลา นั้น ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่ง ถูกเข็มที่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดสุดแสน ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้า หล่อเหลาคมคายนั้นได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร ซึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้านชายขอบ แห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาต 2 ภาพนี้ แล้วจะ ลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้ บ้าง” หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้ “ภาพวาดนี่มี ประโยชน์อันใดรี? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้ ซ่างโง่เง่าเต่า ตุ่นอะไรเยี่ยงนี้! ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง ท่านได้นะ? !” กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยาม นี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อน เจ้าแต่งให้ข้า ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยัง สุขภาพไม่ดี “ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ ดีไปกว่ากันเลย ยังจะมาตำหนิข้าอีกรี?” ฝ่ายภรรยาทำหน้า นิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อน หวานน่ารักมาแต่กำเนิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตา จะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้ายข่างข่มขวัญ ผู้คนยิ่งนัก ชายหนุ่มก้มหน้า ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้าข้าก็จะให้เจ้าไป” “เพ้ย ท่านนี่..วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยัง กล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอน กับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรี?! ” หญิง สาวแสนคับแค้นใจนางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่าไห้เสียง ดัง “สวรรค์ข่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มา เป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้า แล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมือกินมื้อ! ซ้ายังจะทิ้ง ข้าไปอีก ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เชี ยงเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!” ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอน ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท