มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2774 Attrตรีภพบริสุทธิ์
ชายวัยกลางคนชุดคลุมยาวดำที่หุ่นร่างผอมบางนั่นกวาดตามองพวกจิ่งเฉินด้วยสายตาที่เยือกเย็น แล้วพูดอย่างเย็นชา: “เทพมารระดับแปดสามคน เทพมารระดับเจ็ดสามคน น่าจะได้รับหินตรีภพไม่น้อยเลยสินะ?”
ณ บัดนี้วินาทีนี้ หลัวซิวและฮู๋ชิงชิงรวมไปถึงหนิงหานหลิง เพิ่งจะทราบว่าสาเหตุที่พวกจิ่งเฉินพาพวกเขาทั้งสามคนมาที่นี่นั้น เพราะจะใช้วิญญาณและเลือดของพวกเขามาบูชาค่าย เมื่อทำเช่นนี้ถึงจะได้รับหินตรีภพ!
“ที่แท้ก็เป็นค่ายสังเวยญาณโลหิตตรีภพนี่เอง!”
หลัวซิวเข้าใจขึ้นมาภายในพริบตา อันที่จริงขณะที่เขาเห็นแท่นบูชาของที่นี่ เขาก็รู้สึกคุ้นตาเล็กน้อยแล้ว ทว่าเนื่องจากอดีตไม่เคยพบห็นสัมผัสมาก่อน ดังนั้นจึงมองไม่ออก
ในฎีกาค่ายของเขาได้มีบันทึกไว้ว่า ค่ายสังเวยญาณโลหิตตรีภพเป็นค่ายกลของเผ่าพันธุ์ยักษ์ตรีภพ ค่ายกลประเภทนี้สามารถดูดซับวิญญาณและเลือดของอสูรจิตทั้งปวง เพื่อใช้วิธีการนี้มาทำให้ผู้จัดวางค่ายได้รับพลังที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ซึ่งค่ายกลประเภทนี้ขาดการสืบสานมาตั้งแต่โบราณแล้ว เนื่องจากค่ายกลประเภทนี้โหดร้ายทารุณมากเกินไป แต่กลับเป็นวิธีการที่สามารถทำให้ยักษ์ตรีภพเลื่อนขั้นได้เร็วที่สุด
เผ่าพันธุ์ยักษ์กำเนิดจากตรีภพ ซึ่งแข็งแกร่งตั้งแต่กำเนิด เพราะฉะนั้นการยกระดับศักยภาพในภายหลังจึงทำได้ยากมาก ๆ และการปรากฏของค่ายสังเวยญาณโลหิตตรีภพก็ได้ทำลายหลักการแนวคิดนี้ ขอแค่สามารถดูดซับวิญญาณและเลือดจำนวนมากผ่านค่ายกล ยักษ์ตรีภพก็สามารถเจริญเติบโตเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือความเร็วในการฝึกตนยังรวดเร็วกว่าอัจฉริยะจอมยุทธ์เสียอีก
ในส่วนของเรื่องที่ว่าใช้มนุษย์บูชาค่ายแล้วจะได้รับหินตรีภพนั้น นี่เป็นอุบายประเภทหนึ่งที่เผ่าพันธุ์ยักษ์ตรีภพใช้อย่างไร้ข้อสงสัยเลย มีเพียงการทำเช่นนี้ ถึงจะสามารถดึงดูดให้มนุษย์มาบูชาค่ายอย่างไม่ขาดสาย
สีหน้าของหนิงหานหลิงยิ่งขาวซีดกว่ามาก หากนางไม่ได้รับบาดเจ็บละก็ แม้นนางจักไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพมารระดับเก้าช่วงกลางสองคน แต่ก็สามารถจากไปอย่างสุขุม ทว่าปัจจุบันผลการฝึกตนของนางร่วงหล่นลงไปที่แดนเทพมารระดับเจ็ด ต่อให้จะยังมีอุบายไพ่เด็ดอยู่บ้าง แต่ก็หนีการไล่ล่าของเทพมารระดับเก้าไม่พ้นแน่นอน
“ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว ลงมือ!”
ชายวัยกลางคนชุดคลุมยาวดำที่หุ่นร่างเตี้ยเล็กค่อนข้างตรงไปตรงมา พลังออร่าของเขาได้กดอัดตัวจิ่งเฉินเอาไว้ ทำให้ร่างกายเขาเหมือนถูกตะปูตอกอยู่กับที่ แม้แต่นิ้วยังขยับไม่ได้เลย
ซึ่งนี่ก็คือความแตกต่างระหว่างเทพมารระดับเก้าและเทพมารระดับแปด นอกจากอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานจำนวนน้อยที่สามารถข้ามขั้นประลองแล้ว ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป เมื่อเทพมารระดับแปดอยู่ต่อหน้าเทพมารระดับเจ็ด ก็ไม่มีแรงที่จะขัดขืนเลยด้วยซ้ำ
แม้แต่จิ่งเฉินที่มีผลการฝึกตนสูงสุดยังตอบโต้อะไรไม่ได้ เมื่ออยู่ภายใต้พลานุภาพของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้า คนอื่นที่เหลือยิ่งเปราะบางกว่ามาก
ทันใดนั้นเอง ก็มีมือใหญ่สีดำข้างหนึ่งบดบังท้องฟ้า ทำการแผ่คลุมไปทางพวกหลัวซิวทั้งหกคนโดยตรง ฝ่ายตรงข้ามวางแผนที่จะจับกุมพวกเขาทีเดียว ทำการจับกุมตัวพวกเขาทั้งหกคนเอาไว้ จากนั้นค่อยใช้วิญญาณและเลือดของพวกเขาไปบูชาค่าย เพื่อที่จะได้รับหินตรีภพมา!
“แค่เทพมารระดับเก้าช่วงกลางกระจอก ๆ ก็บังอาจลงมือต่อหน้ากูอย่างนั้นรึ?”
และในเวลานี้เอง หลัวซิวเบื่อที่จะอำพรางต่อไปแล้ว เสี้ยววินาทีที่ถอนเคล็ดวิชาออก โฉมหน้าของเขาก็ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิม
“ตู้มม!”
ออร่าของผู้แข็งแกร่งที่มืดฟ้ามัวดินพรั่งพรูออกไปจากตัวเขาอย่างมโหฬารพันลึก ภายใต้การพุ่งชนของพลังออร่าดังกล่าว แรงกดอัดของเทพมารระดับเก้าช่วงกลางทั้งสองคนก็พังทลายลงไปภายในพริบตา สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
วิวัฒนาการวิถีไร้ลักษณ์ ก่อนจะมีเงาลวงวัฏจักรปรากฏด้านหลังหลัวซิว พลังเต๋าของวิถีการเวียนว่ายตายเกิดห้วงเวลาไหลเวียน แล้วประกอบเป็นพลานุภาพของอาณาจักรวัฏสงสาร ย้อนกลับไปสยบทั้งสามคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น วินาทีต่อไปเงาร่างของหลัวซิวก็หายไปทันที ก่อนจะปรากฏตรงหน้าชายวัยกลางคนชุดคลุมยาวดำที่หุ่นร่างเตี้ยเล็ก
“ฟึ่บ!”
หลัวซิวปล่อยหมัดออกไป ไม่จำเป็นต้องโคจรพลังอมตะมด ๆ แค่อาศัยแรงฮึดของร่างเนื้อ หมัดของเขาก็เทียบเท่าพลังโจมตีของภัณฑ์ราชาเทพระดับเก้าแล้ว แรงต้านทานทั้งปวงของฝ่ายตรงข้ามล้วนถูกทลาย ร่างกายแตกออกเป็นชิ้น ๆ ภายในพริบตา ระเบิดแตกเป็นหมอกเลือด
หลัวซิวยื่นมือออกไปคว้า แหวนเก็บของของฝ่ายตรงข้ามก็ตกลงกลางฝ่ามือ นอกจากฮู๋ชิงชิงแล้ว คนอื่นที่เหลือที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนรู้สึกตะลึงงันไปหมดแล้ว
โดยเฉพาะจิ่งเฉิน เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่เดินทางมาพร้อมตนเองและถูกชี้ขาดแล้วว่าเป็นของเซ่นไหว้ จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่น่าสยดสยองเช่นนี้
เทพมารระดับเก้าช่วงกลาง ถูกสังหารภายในหมัดเดียวอย่างนั้นหรือ? ……
วินาทีนี้จิ่งเฉินถือว่าเข้าใจแล้ว ต่อให้หรงเซียนไม่ได้พาอาจารย์อาทั้งสองคนของเขาปรากฏที่นี่ ไม่เร็วก็ช้าสุดท้ายเขาก็ต้องได้ตายอยู่ที่นี่อยู่ดี
เนื่องจากเขาถึงกับบังอาจโอหังคิดที่จะใช้ผู้แข็งแกร่งที่สามารถสังหารเทพมารระดับเก้าภายในพริบตามาบูชาค่าย แล้วนี่มันจะต่างอะไรจากการรนหาที่ตายเล่า?
หนิงหานหลิงก็รู้สึกตะลึงมากเช่นกัน แต่ทว่าเมื่อนางมองเห็นใบหน้าของหลัวซิวชัดเจนแล้ว สีหน้าอารมณ์ของนางก็ดูมึนงงไปทันที “หลัวซิว? คือเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
หลัวซิว ซิวหลัว……บัดนี้หนิงหานหลิงถึงจะเข้าใจสักที แล้วอดไม่ได้ที่จะด่าตัวเองในใจว่าปัญญาอ่อน ตนควรจะคิดได้ตั้งแต่แรกเลยสิ
แต่มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่อาจปิดบังความรู้สึกช็อกได้อยู่ดี ผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าช่วงกลางถูกสังหารภายในหมัดเดียว อีกทั้งยังเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เช่นนี้ และไม่ต้องเปลืองแรงมากด้วย แสดงว่าอย่างน้อยศักยภาพของหลัวซิวก็บรรลุถึงระดับราชาเทพระดับเก้าแล้ว
“เจ้า……”
ชายวัยกลางคนชุดคลุมยาวดำอีกคนที่ผอมบางเหงื่อแตกท่วมหน้าผาก ในส่วนของหรงเซียนนั้น ภายใต้พลานุภาพการกดอัดจากอาณาจักรวัฏสงสาร ตัวเขาได้คลานอยู่บนพื้นโดยสิ้นเชิงแล้ว แม้แต่หัวยังเงยขึ้นมาไม่ได้
หลัวซิวเบื่อที่จะพูดจาไร้สาระ ง้างมือขยำทีเดียว ยันต์ค่ายระดับเก้าก็ผนึกรวมกันอยู่ในมือเขา ชายวัยกลางคนชุดคลุมยาวดำนั่นต่อต้านไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถูกยันต์ค่ายของหลัวซิวผนึกโดยตรง
ถัดจากนั้น หลัวซิวก็จับกุมตัวจอมยุทธ์เทพมารระดับเก้าคนนี้ มาถึงหน้าแท่นบูชาตรีภพที่สูงหลายร้อยเมตรนั่น
“อย่า……อย่านะ!”
เมื่อเห็นกิริยาท่าทางของหลัวซิว ชายวัยกลางคนชุดคลุมยาวดำย่อมต้องทราบอยู่แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำอะไร นี่จึงทำให้เขากรีดร้องเสียงดังอย่างหวาดผวา เขายอมตายแต่ก็ไม่ยอมถูกนำมาบูชาค่าย
ทว่าร่างเนื้อและตัวสำนึกของเขาต่างถูกยันต์ค่ายผนึกไปแล้ว ไม่รอให้มีความคิดที่สองผุดขึ้นมาในหัว ร่างกายเขาก็ลอยขึ้นฟ้า ถูกหลัวซิวโยนไปทางแท่นบูชาตรีภพ
“เวิ่ง!”
แท่นบูชาสีเทาดำสั่นเทิ้ม สัญลักษณ์อันนับไม่ถ้วนที่โอบล้อมอยู่รอบแท่นบูชามีชีวิตชีวาขึ้นมา สัญลักษณ์ทั้งหลายผนึกรวมกัน ราวกับกลายเป็นปากที่ใหญ่โตมโหฬารของอสูรโหด กลืนกินจอมยุทธ์เทพมารระดับเก้าที่ถูกโยนไป
“อ๊ากก! ……”
เสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาดังก้องอยู่ในหุบเขาหมัวหลัว ในแท่นบูชาที่สูงใหญ่นี้ ราวกับมีอสูรจิตที่น่าสยดสยองตัวหนึ่งกำลังขบเคี้ยวคำใหญ่ ทำให้ผู้คนที่ได้ยินเสียงดังกล่าวขนหัวลุกซู่
“โครมคราม!”
ในขณะเดียวกัน แท่นบูชาก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง มีรอยร้าวปรากฏบนแท่นบูชาสีเทาดำหลายจุด เศษหินที่นับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาอย่างเสียงดัง สัญลักษณ์ที่โอบล้อมอยู่รอบแท่นบูชาก็หายเข้าไปในแท่นบูชาภายในพริบตาเช่นกัน
บัดนี้ผู้คนถึงจะสังเกตเห็นว่าแท่นบูชาดังกล่าว ล้วนประกอบมาจากหินตรีภพอย่างนั้นหรือ
“พวกเจ้าทั้งสองมาหลบด้านหลังข้า”หลัวซิวพูดกับฮู๋ชิงชิงและหนิงหานหลิง
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้นเขาก็ไม่ได้นิ่งเฉย ยื่นมือออกไปคว้าทีหนึ่ง เก็บหินตรีภพที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ตกลงมาจากแท่นบูชาเข้ามา ภายในหินตรีภพเหล่านี้มีพลังเกณฑ์ตรีภพซ่อนอยู่ ในยุคสมัยที่ตามหาสถานตรีภพได้ยาก หินตรีภพจึงเป็นสมบัติที่หายากมาก
พลานุภาพที่น่าสยดสยองแพร่กระจายออกไป นอกเหนือจากหลัวซิวทั้งสามคนแล้ว จิ่งเฉิน เหวินเฉิง สีเสว่เสวียนและหรงเซียนต่างถูกกดอัดจนล้มคลานอยู่บนพื้น ขยับไม่ได้เลย
มีเงาสูงใหญ่ร่างหนึ่งปรากฏในสายตาหลัวซิว นั่นคือยักษ์ที่สูงหลายร้อยเมตร ซึ่งเหมือนอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้เลย มียักษ์ตัวนอนหลับใหลอยู่ในแท่นบูชาตรีภพ และเจริญเติบโตผ่านค่ายสังเวยญาณโลหิตตรีภพอย่างต่อเนื่อง
เมื่อครู่หลัวซิวได้สำรวจระดับขั้นของค่ายสังเวยญาณโลหิตตรีภพแล้ว หากใช้จอมยุทธ์เทพมารระดับเจ็ดและระดับแปดมาบูชาค่าย ยักษ์ก็จะนอนหลับใหลอยู่ในแท่นบูชาตรีภพตลอด สั่งสมตกตะกอนพลัง
และทันทีที่มีคนใช้เทพมารระดับเก้ามาบูชาค่าย ยักษ์ที่นอนหลับใหลอยู่ก็จะตื่นตกใจ เนื่องจากผู้แข็งแกร่งที่สามารถใช้เทพมารระดับเก้ามาบูชาค่ายได้นั้น ถือเป็นการคงอยู่ที่เป็นภัยคุกคามต่อมันแล้ว จึงย่อมต้องตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับใหลเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
นี่คือยักษ์ที่ใบหน้าดุร้ายตัวหนึ่ง รอบกายมีออร่าที่เก่าแก่ลอยวนเป็นเกลียวขึ้นไป ทั้งร่างกายของมันล้วนถูกปกคลุมอยู่ในตรีภพ
ซึ่งสิ่งที่หลัวซิวสนใจมากกว่าคือธาตุพิเศษหรือAttrของยักษ์ตัวนี้ เพราะยักษ์ส่วนมากจะมีธาตุที่พิเศษมาตั้งแต่กำเนิด ยกตัวอย่างเช่นลาร์ก็คือยักษ์ตรีภพที่มีธาตุอัสนี ซึ่งสามารถควบคุมอัสนีตรีภพ
มียักษ์บางตัวที่สามารถควบคุมทอง ไม้ ดิน น้ำ ไฟหรือลมอัสนี และมียักษ์ที่สามารถควบคุมชีวิต ความตาย ตลอดจนเวลาและปริภูมิ
Attrประเภทตรีภพครอบคลุมจักรวาล ซึ่งไม่ด้อยกว่าวิถีวัฏสงสารและวิถีสวรรค์เลย แต่ทว่าตรีภพลึกซึ้งมากเกินไป ซึ่งยังไม่มีผู้ใดฝึกวิถีนี้ถึงแดนประมุขเต๋า ด้วยเหตุนี้จึงถูกผู้คนในโลกภายหลังมองว่ามันเทียบเคียงกับวิถีสวรรค์และวิถีวัฏสงสารไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นคือไม่ได้นำวิถีนี้มาจัดอยู่ในวิถีชั้นยอดด้วย
ตรีภพที่แท้จริงมีกฎและเกณฑ์ทุกประเภท เล่ากันว่าหมื่นจักรวาลก็วิวัฒนาการออกมาจากตรีภพนี่แหละ ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ความลึกซึ้งและความล้ำลึกของตรีภพ
แต่ยักษ์ที่อยู่ตรงหน้านี้กลับไม่มีออร่าของธาตุAttrใด ๆ ปรากฏเลย แต่เป็นตรีภพบริสุทธิ์
“ผู้ใดใช้เทพมารระดับเก้าบูชาค่าย ทำให้ข้าต้องฟื้นตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับใหล?”
ดวงตาที่กลมโตเบิกกว้าง มีแสงตรีภพยิงทะลุออกมา ภายในดวงตาคู่นั้นราวกับมีดินลมน้ำไฟวิวัฒนาการ จักรวาลเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทุกสรรพสิ่งเวียนว่ายตายเกิด
“ข้าเอง”หลัวซิวเอ่ยปากตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง
สายตาของยักษ์ร่วงลงบนตัวหลัวซิว ราวกับดวงตาแห่งตรีภพคู่นี้สามารถมองทะลุทุกสรรพสิ่ง ถัดจากนั้นเสียงของยักษ์ก็เหมือนดังเสียงฟ้าผ่า “ร่างที่กลับชาติมาเกิด? แดนเทพมารระดับแปดก็สามารถสังหารเทพมารระดับเก้าได้แล้ว ดูท่าชาติปางก่อนเจ้าก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่อ่อนเช่นกัน ขอแค่กลืนกินเจ้า เช่นนั้นต้องเป็นของบำรุงที่ยิ่งใหญ่ต่อร่างแยกนี้ของข้าแน่นอน!”
“โดยเฉพาะร่างเนื้อของเจ้านั้นเรียกได้เลยว่าสมบูรณ์แบบชัด ๆ ตอนกินต้องเคี้ยวหนุบหนับมากแน่นอน!”
ยักษ์ตรีภพยิ้มยิงฟัน ฟันเฉียบแหลม ชี่โหดที่บ้าระห่ำครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่แล้วกดอัดไปทางหลัวซิว
เพียงชั่วพริบตาเดียว ตรีภพที่ไร้ขอบเขตก็บดบังท้องฟ้า ทั้งฟ้าดินมืดสลัว มีเพียงดวงตาคู่นั้นของยักษ์เท่านั้นที่เหมือนดั่งตะวันสองดวง มีแสงตรีภพที่เร่าร้อนและรุนแรงพุ่งยิงออกมา
พลังดูดกลืนวิญญาณโหมกระหน่ำ นอกจากหลัวซิวที่ยังสุขุมเยือกเย็นเหมือนเคย แม้แต่ฮู๋ชิงชิงและหนิงหานหลิงก็ต่างรู้สึกทรงตัวไม่อยู่ ร่างกายลอยขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
หลัวซิวง้างมือเรียกของขลังออกมาหนึ่งชิ้น เก็บร่างของทั้งสองคนเข้าไปภายใน ในส่วนของพวกจิ่งเฉินนั้น เขาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ปล่อยให้คนเหล่านั้นลอยขึ้นฟ้า ตะโกนร้องอย่างตะลึงแล้วตกเข้าไปในปากของยักษ์ตรีภพ
“โครม!”
ยักษ์ตรีภพลงมือแล้ว กำปั้นของมันเหมือนดั่งภูเขาที่สูงใหญ่ ความเร็วในการโจมตีก็รวดเร็วมากเช่นกัน มาตรแม้นว่าจากระดับความเร็วในการตอบสนองของหลัวซิว ก็ยังไม่ทันได้หลบหลีกอะไรเลยด้วยซ้ำ กำปั้นข้างนั้นก็มาถึงเหนือศีรษะเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แค่มองจากจุดนี้ หลัวซิวก็สามารถยืนยันได้แล้วว่ายักษ์ตรีภพที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ เป็นการคงอยู่ระดับเทพมารระดับเก้าอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคือต่อให้ลาร์บรรลุถึงเทพมารระดับเก้า ก็อ่อนกว่ายักษ์ตรีภพที่มีAttrตรีภพบริสุทธิ์นี่หลายเท่าตัวเลย!
ซึ่งนี่เป็นศัตรูตัวฉกาจที่เขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน! ทำให้หลัวซิวรู้สึกกดดันกว่าการต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งราชาเทพระดับเก้าคนหนึ่งเสียอีก!