มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2775 มุ่งหน้าไปยังมิติสมรภูมิกู่ไท่
“ตราสรรพสิทธิ์!”
ในเมื่อไม่สามารถหลบเลี่ยง หลัวซิวจึงเลือกที่จะฝืนต้านทานโดยตรง รัศมีของยันต์ค่ายทั้ง 99 ยันต์ที่อยู่บนร่างกายสว่างวาบ ภายในยันต์ค่ายทุกยันต์ล้วนมีความล้ำลึกของธรรมดั้งเดิมอย่างหงและฮวงสลักอยู่
ในดวงตาทั้งสองข้างของเขามีสรรพวิชาวิวัฒนาการ บุกเบิกหมื่นจักรวาล กำเนิดอสูรจิตทั้งปวง พลังอมตะที่นับไม่ถ้วนเดือดพล่านอยู่กลางฝ่ามือเขา ปรากฏการณ์แปลกประหลาดนับหมื่นแสน
“ตู้มม!”
เพียงชั่วพริบตาเดียว ตราสรรพสิทธิ์ของหลัวซิวก็ประสานงากับกำปั้นของยักษ์ตรีภพ พลังควันหลงที่น่ากลัวประกอบเป็นระลอกคลื่นที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สั่นกระเพื่อมออกไปทั่วทุกสารทิศ
ร่างกายของหลัวซิวกระเด็นออกไปภายในพริบตา พลังอมตะนับหมื่นแสนที่วิวัฒนาการออกมาจากตราสรรพสิทธิ์ล้วนพังทลาย ต้านทานอานุภาพหนึ่งหมัดของยักษ์ไม่ได้เลย ถึงแม้จะได้รับการปลุกเสกจากลักษณะพิเศษอย่างการเวียนว่ายตายเกิดของพลังแห่งชิงเทียน สุดท้ายก็ถูกโจมตีจนพังยับเยินอยู่ดี
ทว่ายักษ์ตรีภพก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก ฝืนต้านทานพลังโจมตีที่ทุ่มสุดกำลังสามารถของตราสรรพสิทธิ์ ตรีภพที่ลอยวนอยู่บนกำปั้นมันก็ถูกทลายเช่นกัน มีเลือดไหลนองออกมาจากกำปั้น มีเสียงกระดูกแตกหักสะท้อนออกมา
“ช่างเป็นพลังอมตะที่ทรงพลังยิ่งนัก!”
ยักษ์ตรีภพตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว ฝืนต้านทานพลังโจมตีของตราสรรพสิทธิ์เต็ม ๆ การที่มันต้านทานได้นั้นก็ทำให้มันเจ็บปวดไม่น้อยเช่นกัน
“ข้าจักกลืนกินเจ้า!”ทันใดนั้นเอง ยักษ์ตรีภพก็ง้างมือแล้วขยำมา
“ตราต้าฮวง!”
ความเร็วในการลงมือของยักษ์ตรีภพรวดเร็วมากเกินไป หลัวซิวเพิ่งปลดปล่อยตราสรรพสิทธิ์ ลมปราณในร่างกายยังไม่แน่นิ่ง ด้วยเหตุนี้เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้หลบเลี่ยงอยู่เช่นเคย ทำได้เพียงฝืนต้านทาน!
พลังอมตะอย่างตราต้าฮวง เป็นพลังอมตะที่ระเบิดพลังแห่งร่างเนื้อร่างเทวออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย แม้นจักไม่ลึกลับและมหัศจรรย์เท่าตราสรรพสิทธิ์ แต่ก็ดุดันมากกว่าตราสรรพสิทธิ์อยู่ พลานุภาพไม่อ่อนกว่าเลยแม้แต่น้อย!
ตราต้าฮวงประสานงากับมือใหญ่ของยักษ์ตรีภพอีกครั้ง ยักษ์ตรีภพร้องเฮือกทีหนึ่ง ร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่งสั่นคลอนขึ้นมา รู้สึกแค่ว่ามีแรงฮึดที่มากมายมหาศเคลื่อนผ่านกำปั้นตัวเอง แล้วไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย จักทำให้ร่างกายที่แข็งแรงนี้ของมันสั่นสะเทือนจนแตกสลาย
“ปั้ง!”
แขนของยักษ์ตรีภพระเบิดแตก เมื่อเผชิญหน้ากับพลังโจมตีที่ดุดันของตราต้าฮวง ร่างกายมันก็ถอยหลังกลับ ทุกครั้งที่ก้าวถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว แผ่นดินใหญ่ก็จะสั่นสะเทือนจนเสียงดังเลื่อนลั่นไปด้วย
ทว่าหลัวซิวก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก ร่างกายเขากระเด็นลอยออกไปอีกครั้ง เตากลั่นนภาจื่อเซียวปรากฏเหนือศีรษะ มีเกณฑ์อัคคีเทพพรสวรรค์สาดส่องลงมาแผ่คลุมร่างกายเขาเอาไว้
“ตู้มม!”
ทันใดนั้นเอง ชี่อลวนทั้งหุบเขาหมัวหลัวก็จราจลขึ้นมา ตรีภพที่ไร้ขอบเขตประกอบเป็นภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ก่อนจะกดอัดไปทางหลัวซิว
ยันต์ค่ายความเร็วทั้ง 33 ยันต์แย้มบาน ได้รับการปลุกเสกจากพลังเกณฑ์ปริมภูมิและความเร็ว ทำให้หลัวซิวระเบิดความเร็วขั้นสุดยอดออกมาภายในพริบตา แล้วพุ่งหนีออกไปจากหุบเขาหมัวหลัว
“อย่าคิดที่จะหนี!”
เสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวดังก้องอยู่ในหุบเขาหมัวหลัว แท่นบูชาตรีภพทั้งหลายที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้พังทลายแตกสลาย ก่อนจะมีเงาร่างของยักษ์ตรีภพที่สูงตระหง่านปรากฏหลักร้อยร่าง
หลัวซิวบินหนีด้วยความเร็วที่เร็วสุดขีด เมื่อเขาหันหน้ากลับไปเห็นภาพฉากดังกล่าว สีหน้าก็เปลี่ยนไปหนักมากอย่างควบคุมไม่ได้!
แท่นบูชาตรีภพหลักร้อยที่อยู่ในหุบเขาหมัวหลัวล้วนมียักษ์นอนหลับใหลอยู่ในทุก ๆ แท่นบูชา อีกทั้งยักษ์ทั้งหมดนี้ล้วนมีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้า Attrตรีภพที่บริสุทธิ์ยิ่งทำให้พวกมันมีกำลังรบที่เทียบทัดราชาเทพระดับเก้า และยิ่งสามารถข้ามขั้นสังหารราชาเทพระดับเก้าได้อีกด้วย!
ยักษ์ตรีภพหลักร้อยตัว นั่นเท่ากับราชาเทพระดับเก้าหลักร้อยคนเลยนะ ในกองกำลังใหญ่ขั้นสุดยอดจำนวนมากก็ใช่ว่าจะมีผู้แข็งแกร่งที่มากมายเช่นนี้เสมอไป
ยักษ์ตรีภพหลักร้อยตัวปรากฏ ขอแค่อยู่ในขอบเขตของหุบเขาหมัวหลัว พวกมันก็ล้วนสามารถใช้สอยชี่อลวนที่อยู่ในนี้ได้ ภายใต้การผนึกจากชี่อลวนที่แน่นหนา หลัวซิวรู้สึกว่าความเร็วที่ตัวเองระเบิดจนถึงขีดสุดแล้วยังได้รับผลกระทบไปด้วย
“สยบ!”
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น มีแสงทองที่แวววาวจับตาถึงขั้นสุดพุ่งออกมาจากหว่างคิ้ว ก่อนจะมีหอคอยฮวงบินออกมา เสียบตู้มดังขึ้น ทำการสยบตรีภพที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ทลายการผนึกจากตรีภพที่แน่นหนา
ชิ่ว!
ณ เสี้ยววินาทีนี้ ความเร็วของหลัวซิวถูกระเบิดให้เร็วถึงขีดสูงสุดอีกครั้ง ในที่สุดก็บินออกไปจากหุบเขาหมัวหลัวได้สักที
ยังคงมีเสียงคำรามของยักษ์ดังก้องอยู่ในหุบเขาหมัวหลัวที่อยู่ด้านหลังเช่นเคย นี่จึงทำให้หลัวซิวยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย หากฝ่ายตรงข้ามปลุกให้ยักษ์ตรีภพหลักร้อยตัวนั่นฟื้นตื่นขึ้นมาตั้งแต่แรก เขาก็อาจจะไม่มีทางมีชีวิตรอดออกมาจากหุบเขาหมัวหลัวแห่งนี้ได้แล้ว
แม้แต่ช่วงสุดท้ายที่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เขาก็ต้องใช้ไพ่เด็ดอย่างหอคอยฮวงเช่นกันถึงจะหนีรอดออกมาได้
มีแสงทองดวงหนึ่งบินกลับเข้ามาในหว่างคิ้วเขา มีออร่าที่ล้ำลึกของธรรมเวชกาลร้างไหลเวียน เมื่อครู่หลัวซิวก็มองเห็นพลานุภาพของหอคอยฮวงแล้ว หอคอยฮวงหลังนี้ยังไม่ใช่หอคอยฮวงที่แท้จริง แต่เป็นเพียงความล้ำลึกที่แฝงซ่อนอยู่ในชั้นห้าของหอคอยฮวง และถ้าเกิดเขาสามารถตระหนักรู้และยึดกุมมันได้โดยสิ้นเชิง เช่นนั้นก็หมายความว่าตัวเองสามารถปลดปล่อยพลานุภาพที่ทรงพลังเช่นนี้ออกมาได้อย่างง่ายดายเลยมิใช่หรือ?
หลัวซิวไม่กล้าเสียเวลาอยู่ที่นี่ ก่อนจะบินจากไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด
ในหุบเขาหมัวหลัว มีดวงตาที่มีแสงตรีภพเป็นประกายเพ่งมองแผ่นหลังของหลัวซิวที่จากไป และด้านหลังของยักษ์ตรีภพตัวนั้น ก็มียักษ์ที่เหมือนมันทุกประการยืนอยู่หลายร้อยตัว
บนตัวยักษ์เหล่านี้มีตรีภพที่เก่าแก่ลอยวนเป็นเกลียวขึ้นไป ออร่าพลังเต๋าเหมือนกันทุกประการ
“หอคอยทองในเมื่อครู่นี้ คือหอคอยฮวงหรือ?”
เสียงที่เข้มงวดดังก้องอยู่ในหุบเขาหมัวหลัว “การที่ได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวงนั้น หากไม่มีอะไรผิดพลาด อนาคตคนดังกล่าวจักกลายเป็นเจ้าแห่งหอคอยฮวงในภพชาตินี้แน่นอน……”
“บรรพยักษ์ตรีภพข้านอนหลับใหลมายาวนานมากแล้ว ชาตินี้ข้าต้องอยู่เหนือเทียนเต้าให้ได้ แล้วก้าวเข้าสู่แดนบรรพเทพในตำนาน!”
ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่รู้ว่าอยู่ห่างจากหุบเขาหมัวหลัวไกลเท่าไหร่ หลัวซิวสัมผัสได้ว่าไม่มีออร่าใด ๆ ตามสะกดรอยมาแล้ว ดังนั้นเขาถึงจะตามหาสถานที่ที่ซ่อนเร้นเพื่อปิดขังฟื้นฟูตัว
แม้นเขาและยักษ์ตรีภพจักปะทะกันเพียงสองกระบวนท่า ดูเหมือนเขาจะเป็นฝ่ายทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บ แต่แท้จริงแล้วตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเช่นกัน ทว่ากลับถูกเขายับยั้งมาโดยตลอด สภาพอาการบาดเจ็บจึงไม่กำเริบตลอดมา
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งเดือน สภาพอาการบาดเจ็บของหลัวซิวถึงจะฟื้นฟูกลับคืนมาโดยสิ้นเชิง จากนั้นเขาก็ปล่อยหนิงหานหลิงและฮู๋ชิงชิงออกมาจากปริภูมิของขลัง
พวกนางอยู่ในปริภูมิของขลัง ซึ่งไม่ทราบแต่อย่างใดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในโลกาภายนอก ทว่าผ่านไปนานเช่นนี้หลัวซิวถึงจะปล่อยตัวพวกนางออกมา จากสติปัญญาของสตรีทั้งสองนาง ย่อมคาดเดาได้ไม่ยากอยู่แล้วว่าหลัวซิวต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน ซึ่งช่วงนี้เขาก็อยู่ในสภาวะฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บมาโดยตลอด
เมื่อได้ฟังหลัวซิวบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหุบเขาหมัวหลัวแล้ว หนิงหานหลิงก็รู้สึกตะลึงอย่างยิ่งเช่นกัน ก่อนจะพูดอย่างช็อก: “ต่อให้เป็นตระกูลหนิงของเรา ในช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดก็มีราชาเทพระดับเก้าสองร้อยกว่าคนเท่านั้น แต่ในหุบเขาหมัวหลัวแห่งหนึ่งกลับมียักษ์ตรีภพที่เทียบเท่าราชาเทพระดับเก้าหกร้อยกว่าตัวอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อพูดถึงตระกูลหนิงของตนเอง สีหน้าลงของหนิงหานหลิงจึงดูหม่นหมองลงไปอย่างควบคุมไม่ได้ สีหน้าก็ขาวซีดมากกว่าเดิม นางกระแอมสองทีแล้วมีเลือดปนออกมาด้วย
“แม่นางหนิง สภาพอาการบาดเจ็บของเจ้าสาหัสมาก ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าควรจะอยู่โลกเสวียนสิ เหตุใดจึงมาโลกสวรรค์ได้เล่า?”หลัวซิวถามความสงสัยในใจตัวเองออกมา
“เพราะตระกูลหนิงของเราไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว……”
หนิงหานหลิงน้ำตาคลอเบ้า แม้นางจะพยายามบอกกับตัวเองมาโดยตลอดว่าต้องเข้มแข็ง แต่การล่มสลายของตระกูล ก็กระตุ้นส่วนที่เปราะบางที่สุดในจิตใจนางอยู่ดี
อ้างอิงจากคำบรรยายของหนิงหานหลิง หลังจากนางฝึกฝนในหอคอยฮวงเสร็จ ก็วางแผนที่จะย้อนกลับไปยังตระกูลหนิงแห่งโลกเสวียนเพื่อปิดขัง หวังว่าจะสามารถอาศัยธรรมเวชกาลร้างที่ตระหนักรู้ได้ในหอคอยฮวง ทำให้ตัวเองฝึกตนถึงแดนเทพมารระดับเก้ารวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ทว่านางเพิ่งกลับไปถึงตระกูลหนิงได้ไม่นาน ภัยพิบัติก็บังเกิด ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากราวกับปรากฏกลางอากาศที่ว่างเปล่ายังไงอย่างนั้น บุกเข้าไปในตระกูลหนิง ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งค่ำคืน ทั้งตระกูลหนิงก็ไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว
และสาเหตุที่หนิงหานหลิงสามารถหลบหนีออกมาได้นั้น เป็นเพราะท่านพ่อนางทุ่มสุดชีวิตเพื่อฉีกกระชากพื้นโลกอนัตตา มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ นางก็ถูกคู่ต่อสู้ของท่านพ่อโจมตีจนฐานยุทธ์ได้รับความเสียหายอยู่ดี
นางก้าวข้ามผ่านพื้นโลกปริภูมิมาถึงโลกสวรรค์ เนื่องจากวรยุทธ์ตระกูลหนิงของพวกเขาพิเศษ อดีตครั้นเมื่อผลการฝึกตนของนางยังต่ำ ยังไม่เจอวิธีการอื่น ๆ ที่สามารถฟื้นฟูฐานยุทธ์ที่ได้รับความเสียหาย แต่ถ้าเกิดได้รับหินตรีภพละก็ จักสามารถอาศัยพลังแห่งเกณฑ์ตรีภพที่แฝงซ่อนอยู่ในหินตรีภพ และนางก็จะฟื้นฟูฐานยุทธ์ที่เสียหายได้แล้ว
อันที่จริงต่อให้หนิงหานหลิงไม่พูด หลัวซิวก็สามารถสัมผัสพลังของAttrตรีภพได้จากตัวนางเช่นกัน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าสิ่งที่หนิงหานหลิงฝึกน่าจะเป็นวิถีตรีภพ ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว นางก็แตกต่างจากยักษ์ตรีภพที่เขาปะทะในหุบเขาหมัวหลัวไม่น้อยเลย ซึ่งออร่าตรีภพของยักษ์ร้อยกว่าตัวนั่นบริสุทธิ์มากกว่า
“ข้าเก็บหินตรีภพมาได้เล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าจะพอใช้หรือไม่”
หลัวซิวยกมือโบกทีหนึ่ง หินตรีภพขนาดใหญ่ทั้งหลายก็ถูกเขาเอาออกมา แท่นบูชาตรีภพในตอนนั้นสูงหลายร้อยเมตร หลัวซิวเก็บเศษหินตรีภพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมา ซึ่งปริมาณที่เก็บมาได้ก็น่าดูมากเลยทีเดียว
“เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ!”
เมื่อหนิงหานหลิงเห็นหินตรีภพเหล่านี้ แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “พระเจ้า เกณฑ์พลังเต๋าที่แฝงซ่อนอยู่ในหินตรีภพเหล่านี้บริสุทธิ์เช่นนี้เลยอย่างนั้นหรือ ราวกับตรีภพดั้งเดิมยังไงอย่างนั้น!”
“หลัวซิวขอบพระคุณนะ ท่านช่วยชีวิตข้าไว้อีกครั้งแล้ว”หนิงหานหลิงพูดกับหลัวซิวอย่างตื้นตันใจ
“หากเจ้ามองข้าเป็นสหายละก็ อย่าพูดคำพูดเกรงใจเหล่านี้เลย เจ้าฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บในฐานยุทธ์ก่อนเถิด มีข้าและฮู๋ชิงชิงคอยคุ้มกันเจ้า เจ้าสามารถวางใจได้เลย”หลัวซิวพูด
“ขอบพระคุณแม่นางชิงชิงอย่างยิ่ง”หนิงหานหลิงก็ทำท่าคารวะไปทางฮู๋ชิงชิงเช่นกัน
เนื่องจากหินตรีภพที่หลัวซิวได้รับจากหุบเขาหมัวหลัวไม่เพียงมีจำนวนที่น่าทึ่ง อีกทั้งคุณภาพยังบริสุทธิ์มากด้วย สภาพอาการบาดเจ็บในฐานยุทธ์ของหนิงหานหลิงจึงได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่สภาพอาการบาดเจ็บของหนิงหานหลิงฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ผลการฝึกตนของนางก็ฟื้นฟูกลับคืนสู่แดนเทพมารระดับแปดขั้นสูงใหม่อีกครั้ง แต่ทว่าเนื่องจากมีเรื่องทุกข์ใจอย่างตระกูลหนิงล่มสลาย สีหน้าอารมณ์นางจึงดูทุกข์ตรมใจมาโดยตลอด
สำหรับการล่มสลายของตระกูลหนิงนั้น หลัวซิวก็ไม่ทราบเช่นกันว่าควรจะปลอบใจนางอย่างไรดี อีกอย่างเขาก็พอเข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหนิงอยู่บ้าง นั่นคือตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในโลกเสวียน แม้จะเทียบเคียงกับเผ่าดำไม่ได้ แต่ก็เป็นกองกำลังใหญ่ที่มีอิทธิพลในภูมิภาคแห่งหนึ่ง
ในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของตระกูลหนิงมีผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพระดับเก้าคอยปกปักรักษา ถึงแม้ปัจจุบันจะไม่ได้รุ่งโรจน์อย่างในอดีต แต่ก็มีบรรพอาจารย์มกุฎเทพระดับเก้าคงอยู่หลายท่านมาก
การที่กองกำลังใหญ่ประเภทนี้ถูกล้มล้างนั้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญและเรื่องไม่คาดคิดแน่นอน
“ข้าและชิงชิงวางแผนที่จะไปตามหาสหายคนหนึ่งที่พลัดจากกันที่มิติสมรภูมิกู่ไท่ แม่นางหนิงมีแผนการอะไรหรือไม่?”หลัวซิวถาม
“ข้าไม่มีสถานที่ใดให้ไปเลย หากท่านชายไม่รังเกียจละก็ ข้าจะไปพร้อมพวกท่านเจ้าค่ะ”หนิงหานหลิงตอบกลับ
หลัวซิวทั้งสามคนต่างไม่ทราบตำแหน่งที่แม่นยำของมิติสมรภูมิกู่ไท่เลย แต่ทว่าในเมืองทรายดูดมีเรืออนัตตาที่บินไปสู่มิติสมรภูมิกู่ไท่อยู่ ดังนั้นหลัวซิวทั้งสามคนจึงย้อนกลับไปยังเมืองทรายดูด
เรืออนัตตาของที่นี่ใหญ่โตกว่าเรืออนัตตาในมหาโลกาพันสามมาก ๆ อีกทั้งระดับขั้นยังสูงกว่าด้วย เพียงพอที่จะสามารถต้านทานพลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้า ยิ่งกว่านั้นคือบนเรืออนัตตายังมีลายค่ายโจมตีสลักอยู่ด้วย บรรทุกค่ายกลอาวุธที่ทรงพลัง ต่อให้ถูกผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าจู่โจม ก็สามารถตอบโต้หรือสังหารฝ่ายตรงข้ามได้เช่นกัน!
พื้นที่ภายในเรืออนัตตาก็กว้างใหญ่มาก หลังจากทุกคนชำระค่าใช้จ่ายแล้ว ก็จะได้รับห้องพักเดี่ยวบนเรือ
ในเมื่อเรืออนัตตาลำนี้บินไปยังมิติสมรภูมิกู่ไท่ เช่นนั้นคนส่วนมากที่อยู่บนเรือก็ล้วนวางแผนที่จะไปตามหาสมบัติโอกาสในมิติสมรภูมิกู่ไท่เช่นกัน
บนเรืออนัตตามีสถานที่ที่ขายม้วนหยกมิติสมรภูมิกู่ไท่โดยเฉพาะ ม้วนหยกหนึ่งชิ้นแค่โอสถแก่นแท้ระดับแปดหนึ่งหมื่นเม็ดเท่านั้น ซึ่งไม่ถือว่าแพงเท่าไหร่นัก
หลังจากขึ้นเรือแล้ว หลัวซิวก็ทำการซื้อม้วนหยกประเภทนี้หนึ่งชิ้นเป็นเวลาแรก เขารู้อยู่ว่ามิติสมรภูมิกู่ไท่ที่อยู่ในโลกสวรรค์เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ปัจจุบันในเมื่อจะเดินทางไป ก็ย่อมต้องทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้มาก ๆ อยู่แล้ว