มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2781 มกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคี

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2781 มกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคี

มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2781 มกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคี

ถูกพันธนาการโดยแดนผลการฝึกตน ทำให้หลัวซิวไม่สามารถยึดกุมความล้ำลึกของเกณฑ์พลังเต๋าที่ระดับขั้นเหนือกว่า อย่างมากสุดแค่สามารถตระหนักรู้เกณฑ์ที่อยู่ในระดับขั้นของราชาเทพระดับเก้า ก็ไม่สามารถตระหนักรู้ในระดับขั้นที่สูงกว่านี้ได้อีกแล้ว

แม้นจะเป็นเช่นนี้ เมื่อหลัวซิวออกมาจากปริศนาปริตรวันระยะเวลาในโลกภายนอกก็เพิ่งจะผ่านไปประมาณสิบปีเท่านั้น

สำหรับผู้แข็งแกร่งที่มีอายุขัยนับร้อยล้านปีแล้ว ระยะเวลาสิบปีก็เป็นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ทว่ากลับมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นบนมิติสมรภูมิกู่ไท่ติดต่อกันเยอะมาก

เมื่อสิบปีก่อน มีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานคนหนึ่งอุบัติขึ้นมากะทันหัน จักรพรรดิเทพระดับเก้าแห่งวังชิงเทียนที่ปกปักรักษาอยู่ในตำหนักกิ่งโยงพลังลงมือ แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารภายในฝ่ามือเดียว!

เดิมทีในมิติสมรภูมิกู่ไท่ก็มีสถานฝึกฝนที่ผนึกรวมมาจากกฎและเกณฑ์อัคคีเยอะมาก ๆ อยู่แล้ว และสถานฝึกฝนเหล่านี้ก็หล่อเลี้ยงอสูรจิตที่มีธาตุไฟออกมาหลากหลายประเภทเช่นกัน ปัจจุบันอสูรจิตเหล่านี้รวมไปถึงจอมยุทธ์ธาตุไฟจำนวนมากล้วนหนีไปพึ่งพิงฝ่ายตรงข้าม

ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา มิติสมรภูมิกู่ไท่ที่ถูกมองว่าเป็นสถานฝึกฝนมาโดยตลอดก็กลายเป็นสนามรบภายในชั่วพริบตาเดียว

“ว่าอย่างไรนะ?”

หลัวซิวก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีเหตุร้ายเช่นนี้เกิดขึ้น

โลกสวรรค์ลึกลับมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ภายใต้การควบคุมของเผ่าฟ้าทั้ง 12 โลกสวรรค์มีปฏิสัมพันธ์กับโลกมหาศักดิ์อีกเจ็ดโลกที่เหลือน้อยมาก ๆ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นหลัวซิวในภพชาติปัจจุบันหรือภพชาติก่อน ก็ทราบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับโลกสวรรค์ไม่มากจริง ๆ

ปัจจุบัน ไม่นึกเลยว่าจะมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานคนหนึ่งก่อตั้งกองกำลังของตัวเองในมิติสมรภูมิกู่ไท่ อีกทั้งยึดเขตพื้นที่ขนาดใหญ่ในมิติสมรภูมิกู่ไท่เป็นฐานที่มั่นของ ตน ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นการยั่วยุวังชิงเทียนอย่างไร้ข้อสงสัยเลย

อย่างไรเสียมิติสมรภูมิกู่ไท่ก็ถูกวังชิงเทียนมองว่าเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลตลอดมา

“สิบปีแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชิงชิงและแม่นางหนิงรวมตัวกันในตำหนักกิ่งโยงพลังหรือยัง”

เมื่อปีนั้นหลังจากต่างฝ่ายต่างแยกออกจากกันแล้ว พวกหลัวซิวทั้งสามคนก็นัดหมายกันว่าจะไปรวมตัวกันที่ตำหนักกิ่งโยงพลังในสิบปีภายหลัง แม้นยังห่างจากระยะเวลาที่นัดหมายไว้อีกระยะหนึ่ง แต่มีเหตุร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นในมิติสมรภูมิกู่ไท่ หลัวซิวจึงกังวลมาก ๆ ว่าพวกนางจะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในครั้งนี้หรือไม่

หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน หลัวซิวก็ออกมาจากตำแหน่งที่ตั้งของปริศนาปริตรวันแล้วมาถึงตำหนักกิ่งโยงพลัง ทว่าเขากลับไม่พบร่องรอยของฮู๋ชิงชิงและหนิงหานหลิงในตำหนักกิ่งโยงพลัง

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวสังเกตเห็นว่ามีคนรวมตัวกันที่จุดแบ่งภารกิจเยอะมาก นี่จึงทำให้เขานึกขึ้นมาได้กะทันหันว่าเมื่อสิบปีก่อน เขาเคยประกาศภารกิจในการตามหาเบาะแสของลู่เมิ่งเหยาที่นี่

พลิกมือทีหนึ่ง หยิบไข่มุกสื่อสารออกมาจากแหวนเก็บของ ก่อนจะมีรอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏบนใบหน้าหลัวซิวอย่างควบคุมไม่ได้ เนื่องจากไข่มุกสื่อสารยังเป็นประกายระยิบระยับอยู่ ซึ่งนี่ก็หมายความว่าตลอดช่วงเวลาที่เขาเพ็ญตนอยู่ในปริศนาปริตรวันมีคนเคยส่งข้อมูลให้เขา

และเขาก็ได้รับไข่มุกสื่อสารเม็ดนี้มาจากจุดแบ่งภารกิจ หรือว่ามีข่าวคราวของลู่เมิ่งเหยาแล้ว?

ปริศนาปริตรวันตัดขาดกับโลกาภายนอก ขณะที่เขาอยู่ในแดนปริศนา เขาไม่ได้รับข่าวคราวอะไรเลย และหลังจากที่เขาออกมาจากแดนปริศนาแล้ว ก็ลืมเรื่องของไข่มุกสื่อสารไปอีก ดังนั้นกระทั่งบัดนี้เขาถึงจะนึกขึ้นมาได้

เดินตรงไปทางจุดแบ่งภารกิจ หลัวซิวมองเห็นภารกิจหนึ่งบนหน้าจอเงาสะท้อนค่ายกล

มกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคี?

หลัวซิวพบว่าเนื้อหาที่อยู่ภายในได้กล่าวถึงผู้แข็งแกร่งที่มีนามว่ามกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคี ส่วนรายละเอียดความเป็นมาของผู้แข็งแกร่งคนนั้นกลับไม่มีการบรรยายอย่างละเอียด แค่บรรยายไว้โดยคร่าว ๆ ว่าคนดังกล่าวน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในยุคสมัยที่เก่าแก่กว่ายุคไท่ชู

ซึ่งผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่ปรากฏในมิติสมรภูมิกู่ไท่ก็คือมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีคนนี้นี่แหละ ปัจจุบันมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีได้ยึดครองอณาอัคคีอิมเอี๊ยงก่อสร้างอณาอัคคีแห่งนั้นให้กลายเป็นฐานที่มั่น แล้วเรียกมันว่าแดนเทวบรรพอัคคี ปัจจุบันมันกำลังค่อย ๆ กลืนกินเขตพื้นที่อื่น ๆ ในมิติสมรภูมิกู่ไท่ ราวกับมีแนวโน้มที่จะครอบครองทั้งมิติสมรภูมิกู่ไท่ให้อยู่ในกำมือ

ซึ่งวังชิงเทียนย่อมไม่มีทางอดกลั้นต่อการกระทำดังกล่าวของฝ่ายตรงข้ามได้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงระดมกำลังจากผู้แข็งแกร่งจำนวนมาก เพื่อเร่งเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น อีกทั้งประกาศภารกิจในตำหนักกิ่งโยงพลัง รับสมัครจอมยุทธ์อื่น ๆ เพื่อเข้าร่วมกองกำลังต่อต้านมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคี

“ได้ยินมาว่ามกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีคนนั้นตบจักรพรรดิเทพระดับเก้าคนหนึ่งของวังชิงเทียนจนตายภายในฝ่ามือเดียว ผลการฝึกตนแค่นี้ของเราจะไปต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับนั้นอย่างนั้นรึ นั่นมันเป็นการรนหาที่ตายไม่ใช่หรือ?”

“ต่อให้รางวัลตอบแทนของภารกิจจักมากมายมากเพียงใด แต่ก็ต้องมีชีวิตให้ได้ดื่มด่ำก่อน แล้วผู้ใดจักยินดีทุ่มเทชีวิตให้แก่วังชิงเทียนเล่า?”

“……”

มีจอมยุทธ์จำนวนมากที่มาฝึกฝนในมิติสมรภูมิกู่ไท่รวมตัวอยู่บริเวณรอบจุดแบ่งภารกิจ วินาทีนี้ทุกคนล้วนกำลังพากันวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งจำนวนคนที่เข้ารับภารกิจดังกล่าวมีไม่มากเท่าไหร่นัก

คำบรรยายบนหน้าจอเงาสะท้อนจากค่ายกลไม่ละเอียดแต่อย่างใด ทว่าหลัวซิวกลับได้รับข้อมูลที่ละเอียดมากกว่าจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่น

มกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีโผล่พรวดพราดขึ้นมาอย่างแข็งกร้าวภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสิบปี และพัฒนาแดนเทวบรรพอัคคีจนมีอำนาจตำแหน่งที่มั่นคง ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น มกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคียังมีมหาอิทธิฤทธิ์อัญเชิญจิตเศษของเหล่าผู้แข็งแกร่งที่เคยติดตามเขาเมื่อหลายแสนล้านปีก่อนกลับมาได้ด้วย แล้วประกอบเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ศักยภาพของมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้ และถึงแม้กองกำลังในบังคับบัญชาของเขาจะเป็นเพียงจิตเศษของเหล่าผู้แข็งแกร่ง ศักยภาพก็น่าสยดสยองมาก ทุกคนล้วนมีศักยภาพที่ไม่ต่ำกว่ามกุฎเทพระดับเก้า มากกว่านั้นคือผู้ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งยิ่งเป็นจักรพรรดิเทพระดับเก้า ตลอดจนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า!

การที่สามารถพัฒนากองกำลังจนมีขนาดระดับนี้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสิบปี แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็ปฏิเสธความแข็งแกร่งของมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีคนนั้นไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็ไม่มีทางใช้มหาอิทธิฤทธิ์อย่างการอัญเชิญจิตเศษทำให้คนฟื้นคืนชีพได้อย่างแน่นอน

อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นผู้แกร่งเลิศก็ทำไม่ได้ นี่จึงทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะคาดคะเนว่าความเป็นมาของมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีนั่นคงจะยิ่งใหญ่จนน่ากลัวเลย ซึ่งอาจเป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋า หรืออาจเป็นการคงอยู่ที่อยู่เหนือประมุขเต๋าก็เป็นได้……

บรรพเทพ? หรือจะเป็นเซียนในตำนาน?

มกุฎเทพระดับเก้าที่ลงมือบัญชาการอยู่ ณ จุดแบ่งภารกิจมีนามว่ามกุฎเทพเฟิงเหลียงเห็นเพียงจู่ ๆ เขาก็เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “ขอแค่เป็นผู้ที่ยินดีรับภารกิจ ก็จะได้รับกรองแก้วโลหิตดั้งเดิมสิบล้านก้อนเป็นของรางวัล หากมีคนสามารถทำลายแท่นบูชาที่เป็นฐานค่ายในแดนเทวบรรพอัคคีได้หนึ่งแท่น ก็จะได้รับหินบรรพไท่ชูสิบก้อนเป็นของรางวัล อีกทั้งมีโอกาสได้ตระหนักรู้คัมภีร์เต๋าชิงเทียน! และยิ่งสามารถฝึกพลังอมตะระดับประมุขเต๋าที่เป็นการถ่ายทอดสืบสานของวังชิงเทียนของข้าด้วย!”

เมื่อพ่นคำพูดดังกล่าวออกมา ทั้งที่เกิดเหตุก็ฮือฮาขึ้นมาทันที เพื่อเป็นการต่อต้านมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคี เห็นได้ชัดเจนเลยว่าวังชิงเทียนทุ่มสุดตัวแล้วจริง ๆ

ต้องท้าวความก่อนว่ากรองแก้วโลหิตดั้งเดิมสิบล้านก้อน เพียงพอที่จะสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพระดับเก้าคนหนึ่งบรรลุหนึ่งแดนเล็กแล้ว ในส่วนของหินบรรพไท่ชูนั้น ยิ่งเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่ถูกยึดกุมอยู่ในมือของผู้แข็งแกร่งที่อยู่ไม่ต่ำกว่ามกุฎเทพระดับเก้า

เมื่อเปรียบเทียบกับของเหล่านี้แล้ว ของรางวัลที่ได้ตระหนักรู้คัมภีร์เต๋าชิงเทียนรวมไปถึงฝึกพลังอมตะระดับประมุขเต๋ายิ่งอยู่เหนือการจินตนาการของทุกคน

ชิงเทียน นั่นมันประมุขเต๋าสวรรค์คนแรกที่ได้รับการยอมรับในยุคไท่ชูเชียวนะ การคงอยู่ของเขาอยู่เหนือประมุขเต๋าสวรรค์คนอื่น ๆ และยิ่งไม่ใช่ผู้แกร่งเลิศในยุคปัจจุบันสามารถเทียบเคียงได้ด้วย แล้วพลานุภาพและความลึกลับมหัศจรรย์ของพลังอมตะระดับประมุขเต๋าที่เขาทิ้งไว้จักแข็งแกร่งมากเพียงใด?

แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าวังชิงเทียนจะใจป้ำขนาดนี้ ทว่าเมื่อลองคิดในอีกมุมหนึ่งละก็ การที่สามารถทำให้วังชิงเทียนทุ่มทุนมากขนาดนี้ได้นั้น แสดงให้เห็นเลยว่ามกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีนั่นไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งธรรมดาทั่วไปแน่นอน

ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่อยู่ในยุคสมัยที่เก่าแก่กว่ายุคไท่ชู กาลเวลาผ่านพ้นมายาวนานเช่นนี้ ประวัติศาสตร์จำนวนมากที่ได้รับการบันทึกดับสลายหายไปในสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ตั้งนานแล้ว บางทีก็มีเพียงแปดเผ่าตระกูลโบราณที่มีความเป็นมาเก่าแก่เท่ากันถึงจะมีการบันทึกอยู่บ้าง

ในขณะที่หลัวซิวกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น จุดแบ่งภารกิจกลับคึกคักเจี๊ยวจ็าวขึ้นมา เดิมทีผู้คนที่ไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมภารกิจก็ต่างพุ่งเบียดเสียดกันเข้าไป แย่งกันสมัคร

เนื่องจากขอแค่สมัครก็จะได้รับกรองแก้วโลหิตดั้งเดิมสิบล้านก้อนแล้ว ผลประโยชน์ที่ได้มาง่ายเช่นนี้ ก็มีเพียงคนโง่เท่านั้นแหละที่ไม่เอา!

แต่วังชิงเทียนก็ไม่ใช่ผู้ที่จะยอมเสียเงินเปล่าเช่นกัน หลังจากภารกิจสิ้นสุดลงแล้ว ถึงจะสามารถมารับรางวัลได้ที่จุดแบ่งภารกิจ

หลังจากได้ยินมกุฎเทพเฟิงเหลียงชี้แจงกฎเกณฑ์ในการรับภารกิจใหม่อีกครั้ง ก็ยังมีคนจำนวนมากเลือกที่จะสมัครอยู่เช่นเคย มาตรแม้นว่าจะทำประโยชน์อะไรบนสนามรบไม่ได้ ขอแค่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ ก็จะได้รับกรองแก้วโลหิตดั้งเดิมสิบล้านก้อน นี่จึงทำให้คนจำนวนมากที่มีความมั่นใจในอุบายการรักษาชีวิตของตนต่างพากันเข้าร่วม

หลัวซิวเห็นว่าความกระตือรือร้นของเหล่าจอมยุทธ์จำนวนมากกำลังพุ่งสูงขึ้น จึงหัวเราะเยือกเย็นในใจอย่างควบคุมไม่ได้ หากได้รับทรัพยากรของวังชิงเทียนมาง่ายดายเช่นนั้นละก็ วังชิงเทียนก็ไม่มีทางเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบันหรอก รางวัลตอบแทนของภารกิจยิ่งสูง ก็แสดงว่าระดับความยากของภารกิจในครั้งนี้ก็ยิ่งมาก ความอันตรายก็ยิ่งสยดสยองเช่นกัน!

เขาเบียดอยู่ในกลุ่มคนจนไปถึงด้านหน้า ก่อนจะพูดกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งตรงจุดแบ่งภารกิจ: “ข้าต้องการตรวจสอบภารกิจ”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็หยิบไข่มุกสื่อสาร รวมไปถึงสิ่งยืนยันที่ได้รับมาจากการประกาศภารกิจเมื่อครั้นนั้นออกมา

ขณะที่ประกาศภารกิจ หลัวซิวก็จ่ายรางวัลตอบแทนของภารกิจไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งมีคนส่งข่าวคราวมาตั้งแต่เมื่อแปดปีก่อน ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ข่าวคราวถูกฝากเก็บไว้ในตำหนักกิ่งโยงพลังมาโดยตลอด

ผู้ที่ทำภารกิจดังกล่าวสำเร็จไม่เจอตัวลู่เมิ่งเหยาแต่อย่างใด แค่เสนอเบาะแสที่มีความเกี่ยวข้อง มีคนเคยเจอลู่เมิ่งเหยาในสถานที่ที่มีนามว่าทุ่งฮวงแตกสลาย เขาเห็นว่ามีจอมยุทธ์สิบกว่าคนกำลังเข่นฆ่ากันอยู่ในทุ่งฮวงแตกสลาย ตอนนั้นเขารู้สึกว่าสนุกดี จึงทำการบันทึกภาพฉากขณะเข่นฆ่ากันเอาไว้

และในภาพฉากที่เขาบันทึกไว้ก็มีเงาร่างของลู่เมิ่งเหยาปรากฏพอดี!

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ผู้ที่ส่งมอบภารกิจก็บันทึกภาพฉากดังกล่าวไว้เมื่อแปดปีก่อนนี่เอง ซึ่งนี่ก็หมายความว่าปีที่สองที่หลัวซิวเพ็ญตนอยู่ในปริศนาปริตรวันลู่เมิ่งเหยาก็ปรากฏในทุ่งฮวงแตกสลายแล้ว!

“สหาย ไม่ทราบว่าเจ้าจักประกาศภารกิจอื่น ๆ หรือจักเลือกภารกิจอื่น ๆ อีกหรือไม่?”เจ้าหน้าที่จุดแบ่งภารกิจสอบถาม

“ข้าจะรับภารกิจโจมตีแดนเทวบรรพอัคคีขอรับ”หลัวซิวพยักหน้าแล้วตอบกลับ

เดิมทีแดนเทวบรรพอัคคีมีนามว่าอณาอัคคีอิมเอี๊ยงและถ้าเกิดจะมุ่งหน้าไปยังเขตพื้นที่ดังกล่าวละก็ จำเป็นต้องผ่านทุ่งฮวงแตกสลาย

เนื่องจากมูลเหตุของมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคี ทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากที่ฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ด้านนอกย้อนกลับมายังตำหนักกิ่งโยงพลัง เพราะว่าแดนเทวบรรพอัคคีกำลังขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเกิดการปะทะกับกองกำลังของวังชิงเทียนอยู่เป็นประจำ ซึ่งหากไม่ทันได้ระวังก็อาจจะโดนลูกหลงไปด้วย

จอมยุทธ์ทั้งหลายที่รับภารกิจเริ่มพากันออกเดินทาง ส่วนบนสนามจัตุรัสนอกตำหนักกิ่งโยงพลัง มีเรือรบหลายลำลอยอยู่กลางนภา ผู้แข็งแกร่งแห่งวังชิงเทียนก็กำลังรวมพลอยู่เช่นกัน เตรียมพร้อมที่จะยกทัพไปปราบปรามโจมตีแดนเทวบรรพอัคคี

พลานุภาพที่มากมายมหาศาลตลบฟุ้งไปทั่วท้องฟ้า เงาลวงร่างหนึ่งที่สูงใหญ่บดบังท้องฟ้า อานุภาพมโหฬารพันลึก กลางเรือรบที่นับไม่ถ้วน มีผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าคนหนึ่งของวังชิงเทียนเดินทางมาลงมือบัญชาการด้วยตนเอง

ในยุคสมัยที่มีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งบังเกิดขึ้นมาน้อยมาก ๆ มหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าจึงแทบจะเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่สามารถมองเห็นได้จากภาพภายนอกแล้ว

อีกทั้งผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งทุกคนล้วนเป็นภูมิฐานและรากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดทั้งหลาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจอย่างเด็ดขาด พวกเขาย่อมไม่มีทางลงมืออย่างง่ายดายอยู่แล้ว

ศึกสงครามในมิติสมรภูมิกู่ไท่ก็ทำให้สภาพจิตใจของหลัวซิวตึงเครียดขึ้นมาเช่นกัน ดูเหมือนศึกสงครามในครั้งนี้จะเป็นลางมหันตภัยแห่งยุคมหาศักดิ์ บางทีชนวนที่จะทำให้มหันตภัยนี้ปะทุ ก็อาจจะเริ่มตั้งแต่ตรงนี้นี่แหละ……

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท