มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2811 แหล่งเต๋าสามสิบสองภู
สถานที่ตั้งของสถานแหล่งเต๋าซ่อนเร้นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นความลับที่วังนภาทั้งสิบสองต่างยึดกุม
มีผู้อาวุโสคนหนึ่งของวังชิงเทียนปรากฏ โบกมือเรียกเรือรบออกมาหนึ่งลำ สายตากวาดมองพวกหลัวซิวแล้วพูดอย่างเสียงดัง: “ผู้ที่ได้รับโควต้าเข้าไปในสถานแหล่งเต๋าสามารถขึ้นไปได้เลย”
พอสิ้นเสียงผู้อาวุโสวังชิงเทียนคนดังกล่าว วัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศแต่ละคนก็ต่างพากันกระโดดขึ้นฟ้า แล้วร่วงลงบนดาดฟ้าของเรือรบ
ความคิดในใจถูกหลัวซิวปล่อยวางลงชั่วคราว อันที่จริงเขารู้ตั้งนานแล้วว่าเหตุใดเรื่องราวต่าง ๆ จึงถูกปกคลุมอยู่ในชั้นบรรยากาศที่ขมุกขมัว ทำให้เขาไม่สามารถมองทะลุได้ตลอดมา
สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะศักยภาพของเขายังไม่บรรลุถึงระดับขั้นนั้น มีเพียงหลังจากศักยภาพบรรลุถึงระดับขั้นที่แน่นอนแล้ว ความสับสนและสิ่งที่ขมุกขมัวนั่นถึงจะได้รับการคลี่คลาย
คอยหลังจากทุกคนเดินขึ้นเรือแล้ว เรือรบลำนี้ก็ทะลุฟ้าพุ่งออกไปภายในพริบตา
เนื่องจากเรือรบบินลอยอยู่ระหว่างปริภูมิที่แคบเล็ก เมื่ออยู่ในสถานที่ประเภทนี้ ก็ไม่สามารถระบุพิกัดได้เลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นเมื่ออยู่บนเรือรบ แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเรือรบบินไปยังสถานที่ใด
สถานที่ตั้งของสถานแหล่งเต๋าซ่อนเร้นมากถึงมากที่สุดเลย แม้ผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพระดับเก้าแห่งวังชิงเทียนจะควบคุมเรือรบ แต่ก็ใช้เวลาสองวันกว่าเช่นกัน เรือรบถึงจะหยุดลง
เมื่อเรือรบหยุดลง เหล่าวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่อยู่ในห้องโดยสารก็ต่างพากันลืมตาขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย จากนั้นต่างก็พากันเดินออกมา มาถึงชั้นดาดฟ้าของเรือรบ
หลังจากขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าแล้ว ทุกคนถึงจะพบว่าเรือรบอยู่ในอนัตตาห้วงหนึ่ง บริเวณรอบ ๆ ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย มีเพียงความมืดและความเย็นเยือกที่ไร้ขอบเขต
“ที่นี่ก็คือทางเข้าของสถานแหล่งเต๋า พวกเจ้าโปรดจงจำไว้ด้วยว่าหลังจากข้าเปิดทางเข้าแล้ว พวกเจ้าจำเป็นต้องรีบเข้าไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หากพลาดโอกาสเพราะตนเอง ก็ต้องแบกรับผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วยตนเอง!”
น้ำเสียงของผู้อาวุโสแห่งวังชิงเทียนเย็นชา ขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็หยิบม้วนหนังสือสมัยโบราณออกมาหนึ่งม้วน
“เวิ่ง!”
จากการที่มีพลังเวทย์ผลการฝึกตนสั่นกระเพื่อมออกไป ม้วนหนังสือก็ถูกผู้อาวุโสวังชิงเทียนกางออก เห็นเพียงบนหนังสือม้วนดังกล่าวตราประทับ 12 ตรา!
ตราประทับทั้ง 12 ตรานี้มีกระบี่เทพ หอคอยเทว ระฆังเซียน ศิลาเทว รูปร่างลักษณะแตกต่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับพลังเต๋าสวรรค์ทั้ง 12 ประเภท
พลังเต๋าสวรรค์ทั้ง 12 ประเภทบินไปยังอนัตตา จากนั้นก็มีประตูปริภูมิบานหนึ่งเปิดออกตรงหน้า
วินาทีนี้ไม่ต้องให้ผู้อาวุโสวังชิงเทียนพูด เหล่าวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศก็ต่างพากันบินขึ้นไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด มุ่งหน้าตรงไปยังประตูปริภูมิ!
ขณะที่เงาร่างของหลัวซิวเข้าไปในประตูปริภูมิ เขาก็สัมผัสได้ว่าตัวสำนึกของผู้อาวุโสวังชิงเทียนนั่นวนเวียนอยู่ในละแวกใกล้เคียงของตัวเองตลอดเวลา อ้างอิงจากเบาะแสต่าง ๆ ที่เขายึดกุม ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์เมื่ออดีตชาติของเขาและวังชิงเทียนจักไม่ดีเท่าไหร่นัก ยิ่งกว่านั้นคือสามารถพูดได้เลยว่าอาจารย์เขาเป็นศัตรูคู่แค้นของทั้งเผ่าฟ้า
สิ่งที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกโชคดีคือผู้อาวุโสวังชิงเทียนคนนั้นไม่ได้ลงมือต่อเขาแต่อย่างใด ครั้นเมื่ออยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ชิงเทียน เจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งวังนภาสิบสองก็ไม่ได้ลงมือต่อเขาเช่นกัน
ในระหว่างที่นึกคิดอยู่นั้น หลัวซิวก็ทะลุผ่านประตูปริภูมิ ต่อมาสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขาคือทางปริมภูมิที่มืดมนหนึ่งเส้น
สำรวจดูบริเวณรอบ ๆ หลัวซิวยังมองเห็นคนอื่น ๆ ด้วย นอกเหนือจากโควต้าสิบที่ที่ได้รับจากการคัดเลือกประลองยุทธ์แล้ว วังนภาสิบสองก็ต่างมีโควต้าไม่น้อยเช่นกัน เมื่อรวมโควต้าทั้งหมดที่เข้ามาในสถานแหล่งเต๋าแล้ว ก็มีทั้งสิ้น 33 คน
เนื่องจากเคยผ่านพ้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหอคอยนภากาศ หลัวซิวจึงค่อนข้างละเอียดอ่อนกับตัวเลข 33 เพราะลู่ยู่จื่อเคยบอกว่าธรรมที่ดั้งเดิมที่สุดของดาราจักรวาลมีทั้งหมด 33 ประเภท!
ในตำนานที่เก่าแก่มาก ๆ ธรรมดั้งเดิมทั้ง 33 ประเภทได้วิวัฒนาการ 33 สวรรค์ออกมา และโควต้าที่ได้เข้ามาในสถานแหล่งเต๋าก็มี 33 คนเช่นกัน จึงแสดงให้เห็นเลยว่านี่น่าจะสอดคล้องกับธรรมดั้งเดิม
อย่างไรเสียหากสามารถส่งจำนวนคนที่มากกว่านี้เข้ามาในสถานแหล่งเต๋าได้ละก็ วังนภาสิบสองย่อมไม่มีทางมีโควต้าแค่ 33 คนโดยบังเอิญมากขนาดนี้อยู่แล้ว หากสามารถเพิ่มโควต้าหนึ่งที่ได้ตามอำเภอใจ เช่นนั้นก็ต้องมีผู้คนแก่งแย่งกันอย่างเลือดตกยางออกแน่นอน
ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็สัมผัสได้ว่ามีจิตสังหารหนึ่งที่ดุดันอย่างยิ่งร่วงลงบนตัวตนเองโดยที่ไม่มีการปิดบังเลยแม้แต่น้อย ฝ่ายตรงข้ามคือชายที่หน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่ง เมื่อหลัวซิวมองเห็นคนดังกล่าว สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือจอมเทพทมิฬที่ถูกเขากำจัดทิ้งบนเวทีประลองยุทธ์
หลังจากวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั้ง 33 คนข้ามผ่านประตูปริภูมิเข้ามาแล้วไม่ได้เกิดความขัดแย้งกันแต่อย่างใด ทุกคนล้วนมุ่งหน้าไปข้างหน้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แม้แต่ชายอัปลักษณ์ที่แสดงจิตสังหารต่อหลัวซิวก็ไม่ได้ลงมือทันทีเช่นกัน
ทุกคนที่อยู่ภายในทางเหนือนภาที่มืดมนล้วนนิ่งเงียบ ภายในทางเหนือนภาไม่มีพลังรวมไปถึงออร่าเกณฑ์ใด ๆ ที่เข้มข้น ดังนั้นทุกคนจึงเข้าใจดีมาก ๆ ว่ายังไม่ถึงสถานที่ตั้งที่แท้จริงของสถานแหล่งเต๋า
เส้นทางดังกล่าวยาวมาก หลังจากเดินอยู่เกือบสองชั่วโมง แท่นบูชาวาร์ปที่เก่าแก่แท่นหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า
สถานแหล่งเต๋าซ่อนเร้นอย่างยิ่ง ซึ่งได้รับการปลุกเสกผนึกด้วยมหาอิทธิฤทธิ์ของประมุขเต๋าสวรรค์ทั้ง12 แห่งเผ่าฟ้าตั้งแต่ช่วงแรก ๆ แล้ว และมีเพียงใช้แท่นบูชาวาร์ปดังกล่าว ถึงจะสามารถมุ่งไปยังสถานแหล่งเต๋าที่แท้จริงได้
ค่ายวาร์ปที่อยู่บนแท่นบูชานี้ลึกซึ้งมาก ความล้ำลึกของปริภูมิที่แฝงซ่อนอยู่ภายในบรรลุถึงแดนที่สูงมาก ๆ แล้ว หลัวซิวก็มองเงื่อนงำอะไรไม่ออกเช่นกัน
เขาไม่ได้ทำอะไรผลีผลาม เนื่องจากเขาไม่ค่อยทราบเรื่องราวที่เกี่ยวกับสถานแหล่งเต๋า และในเมื่อเขาไม่ได้ขยับไปที่ใด ฮู๋ชิงชิงก็ย่อมยืนนิ่งอยู่ข้างกายเขาอยู่แล้ว
มีคนบางส่วนที่มีความคิดเช่นเดียวกับเขา เห็นเพียงเหล่าอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศแห่งวังนภาสิบสองต่างพากันเดินขึ้นแท่นบูชา บนแท่นบูชาดังกล่าวมีช่องสี่เหลี่ยมทั้งหมด 33 ช่อง ซึ่งตรงกลางของทุกช่องล้วนเป็นหลุมยุบลงไป ศิษย์วังนภาแต่ละคนต่างทยอยหยิบหินบรรพไท่ชูออกมาคนละก้อน แล้วใส่เข้าไปในช่องหลุมดังกล่าว
“ต้องใช้หินบรรพไท่ชูถึงจะสามารถวาร์ปได้หรือ?”หลัวซิวหรี่ตาลง
สามารถพูดได้เลยว่าหินบรรพไท่ชูเป็นทรัพยากรการฝึกตนที่ระดับขั้นสูงที่สุดแล้ว โดยเฉพาะมันมีความสำคัญต่อมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าที่จะบรรลุสู่ผู้สูงส่งสูงมาก
แม้อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจำนวนมากจะมีหินบรรพไท่ชูไม่มาก แต่ถ้าเกิดต้องการหินบรรพไท่ชูเพียงก้อนเดียวละก็ พวกเขาก็สามารถเอาออกมาได้อยู่
เดิมทีหลัวซิวคิดที่จะเอาหินบรรพไท่ชูให้ฮู๋ชิงชิงหนึ่งก้อน แต่กลับเห็นฮู๋ชิงชิงพลิกฝ่ามือหยิบหินบรรพไท่ชูออกมาหนึ่งก้อน
แสดงให้เห็นเลยว่าฮู๋ชิงชิงก็ได้รับโอกาสของตัวเองเช่นกัน นางไม่มีทางมีสมบัติอย่างหินบรรพไท่ชูแค่ก้อนเดียวแน่นอน
เมื่อจอมยุทธ์ส่วนมากย่างกรายสู่แดนเทพมารระดับเก้า ต่างก็จะเริ่มสะสมหินบรรพไท่ชูกันแล้ว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ทำเพื่อเตรียมตัวบรรลุสู่แดนผู้สูงส่งในอนาคต
“เวิ่ง!”
หลังจากใช้หินบรรพไท่ชูเปิดค่ายวาร์ปสำเร็จ ก็มีความรู้สึกที่วิงเวียนศีรษะเกิดขึ้นทันที เมื่อหลัวซิวฟื้นตื่นขึ้นมาจากอาการวิงเวียนศีรษะ เขาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนค่ายวาร์ปอีกค่ายหนึ่ง
นาทีนี้เท้าเขากำลังย่ำอยู่บนค่ายวาร์ป ซึ่งน่าจะเชื่อมต่อกับค่ายวาร์ปที่เขามองเห็นในทางเหนือนภา อีกทั้งเขายังไม่ได้สำรวจดูบริเวณรอบ ๆ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานเต๋าที่เข้มข้นหมุนเวียนแล้ว นี่จึงทำให้เขาสามารถยืนยันได้แล้วว่าตัวเองอยู่ในสถานแหล่งเต๋าแล้ว
สูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง พลังงานเต๋าที่อยู่รอบกายไม่ได้เข้มข้นอย่างเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังบริสุทธิ์มาก ๆ ด้วย พลังงานเต๋าที่บริสุทธิ์ไม่มีธาตุใด ๆ ปนอยู่ ซึ่งนี่ก็หมายความว่าจอมยุทธ์ทุกคนที่ฝึกเกณฑ์ใด ๆ ที่นี่ล้วนสามารถดูดซับพลังประเภทนี้มาฝึกตน
“ที่นี่ก็คือสถานแหล่งเต๋าในตำนานหรือ? แกนกลางของโลกสวรรค์”
หลัวซิวลืมตาขึ้นมาสำรวจดูบริเวณรอบ ๆ ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงขีดจำกัดของเทพมารระดับแปดช่วงปลายแล้ว ซึ่งห่างจากเทพมารระดับแปดขั้นสูงอีกเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น เขายังไม่ได้เริ่มฝึกตนอย่างเป็นทางการ ก็สัมผัสได้ลาง ๆ แล้วว่าผลการฝึกตนของตัวเองมีท่าทีที่ทลายพันธนาการแล้ว
“หึ ไอ้บ้านนอกหูตาแคบ ที่นี่เป็นเพียงเขตพื้นที่ที่อยู่รอบนอกสุดของสถานแหล่งเต๋าเท่านั้น”น้ำเสียงที่แหบแห้งไม่เป็นมิตรสะท้อนมา หลัวซิวมองไปทางต้นตอของเสียง ก่อนจะพบว่าผู้พูดก็คือผู้ที่มีจิตสังหารต่อเขานั่นเอง
ต่างมีใบหน้าที่อัปลักษณ์เหมือนกัน ต่อให้หลัวซิวใช้หัวแม่เท้าคิดก็สามารถคาดเดาได้เช่นกันว่าคนดังกล่าวน่าจะกำเนิดจากสำนักดำทมิฬเหมือนจอมเทพทมิฬ
เมื่อนั้นเขาได้กำจัดจอมเทพทมิฬบนเวทีประลองยุทธ์ บางทีอาจเป็นเพราะเหตุผลนี้นี่เอง ชายหนุ่มที่กำเนิดจากสำนักดำทมิฬนี่ถึงได้มีจิตสังหารต่อเขา
หลัวซิวไม่ได้สนใจเจ้าหมอนั่นที่น่ารำคาญ เขาแผ่ขยายตัวสำนึกของตัวเองออกไป พบว่าทั้งสถานแหล่งเต๋ามีภูเขาทั้งหมด 33 ลูก
สถานแหล่งเต๋า 33 ยอดเขา!
ยอดเขาทั้ง 33 ลูกนี้มีทั้งสูงต่ำ บ้างก็มีรูปสวยพริ้มเพรา บ้างก็สูงและตรง บ้างก็เฉียบแหลม บ้างก็เป็นหนึ่งไม่เป็นรอง
อีกทั้งตำแหน่งที่ตั้งของยอดเขาทั้ง 33 ลูกนี้ก็เป็นสถานที่ที่มีพลังงานเต๋าเข้มข้นที่สุดในสถานแหล่งเต๋าด้วย แถมพลังงานเต๋าของยอดเขาทั้ง 33 ลูกก็แตกต่างกัน มีบางลูกที่เข้มข้นมากกว่า และมีบางลูกที่ค่อนข้างเบาบาง
วินาทีนี้หลัวซิวก็เข้าใจขึ้นมาได้ภายในพริบตา ดูท่าหลังจากเข้ามาในสถานแหล่งเต๋าแล้ว ใช่ว่าทั้ง 33 คนจะได้ดื่มด่ำกับสิ่งที่เหมือนกัน จะได้รับอะไรจากยอดเขาทั้ง 33 ลูกที่แตกต่างกันนั้น ก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพส่วนบุคคลแล้วล่ะ
ผู้ที่มีศักยภาพยิ่งแข็งแกร่ง ย่อมต้องสามารถยึดครองสถานฝึกตนที่ดีเลิศกว่าอยู่แล้ว แต่ทว่าแม้นผู้ที่มีศักยภาพอ่อนแอที่สุดจะเลือกยอดเขาที่มีพลังงานเต๋าน้อยที่สุด นั่นก็สามารถทำให้ความเร็วในการฝึกตนพุ่งพรวดได้อย่างแน่นอน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพลังงานเต๋าของที่นี่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง มีปัจจัยที่สามารถผนึกรวมกงล้อเทพชั้นสูงออกมาได้ ทว่าแม้นจะเป็นกงล้อเทพที่คุณภาพอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ก็ต้องดูระดับการผนึกรวมของแต่ละคนเช่นกัน ยิ่งผนึกรวมได้ใกล้เคียงกับสมบูรณ์แบบมากเท่าไหร่ กงล้อเทพย่อมต้องทรงพลังมากกว่าอยู่แล้ว ศักยภาพในอนาคตก็จะสูงกว่าด้วย
หลังจากใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจไปรอบหนึ่ง สายตาของหลัวซิวก็ร่วงลงบนยอดเขาที่อยู่ใจกลางสถานแหล่งเต๋า ยอดเขาดังกล่าวอยู่ในเขตพื้นที่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของสถานแหล่งเต๋า และเป็นสถานที่ที่พลังบริสุทธิ์ทั้งหมดในสถานแหล่งเต๋ารวมตัวกันด้วย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดีต่อการผนึกรวมกงล้อเทพยกระดับผลการฝึกตนมากที่สุด
ไม่เพียงแค่หลัวซิวคนเดียวเท่านั้น คนอื่นที่เหลือก็ล้วนจ้องมองไปทางยอดเขาลูกนั้นด้วยแววตาที่ร้อนผ่าว เนื่องจากทุกคนล้วนคาดหวังที่จะได้ดื่มด่ำกับทรัพยากรการฝึกตนที่ดีเลิศที่สุด เพื่อผนึกรวมกงล้อเทพที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าออกมา
ฮู๋ชิงชิงก็ค้นพบจุดนี้เช่นกัน ทว่านางกลับดึงสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนางทราบอยู่ว่าท่านชายต้องเลือกยอดเขาที่ดีที่สุดแน่นอน เช่นนั้นนางก็ไม่มีทางไปแย่งชิงกับท่านชายได้แล้ว
“ค้นพบแล้วสินะ มึงวางแผนที่จะเลือกภูเขาแหล่งเต๋าลูกใดล่ะ?”
ชายอัปลักษณ์แห่งสำนักดำทมิฬนั่นจ้องมองหลัวซิวด้วยสายตาที่เยือกเย็น “บางทีมึงอาจจะไม่มีโอกาสได้เลือกเลยด้วยซ้ำ เพราะมึงจะได้ตายอยู่ที่นี่”
“ภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่งเป็นของข้า”
ชายหนุ่มที่ร่างกายกำยำคนหนึ่งก้าวเท้าเดินอยู่กลางอากาศที่ว่างเปล่า เสียงของเขาเฉียบคมและดุดันมาก น้ำเสียงก็ให้ความรู้สึกที่แข็งกร้าวราวกับคัดค้านไม่ได้
ตรงหว่างคิ้วของชายหนุ่มคนดังกล่าวมีตราอัสนีหนึ่งตรา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป็นอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่กำเนิดจากวังสิงเทียน
คนดังกล่าวมีนามว่าสิงซา บางทีฐานะตำแหน่งของวังสิงเทียนอาจจะต่ำกว่าวังชิงเทียนหนึ่งระดับ ทว่าในหมู่วัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศ กำลังรบของสิงซากลับเป็นอันดับหนึ่งที่ผู้คนต่างยอมรับ!
มาตรแม้นว่าเป็นนักพรตชิงชานในตอนนั้น ก็ทำได้เพียงอาศัยคุณสมบัติพิเศษที่เวียนว่ายตายเกิดของพลังแห่งชิงเทียน ถึงจะสามารถต้านทานพลังโจมตีของสิงซาได้ ทว่าหากเป็นศึกการต่อสู้ที่เกี่ยวเนื่องถึงความเป็นความตายละก็ สิงซากลับมีพลังที่สามารถทำลายเกราะป้องกันของนักพรตชิงชานได้ ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่แดนผลการฝึกตนแตกต่างกันไม่มาก สิงซามีศักยภาพที่สามารถสังหารนักพรตชิงชาน!
ผลการฝึกตนของสิงซาก็เป็นเทพมารระดับเก้าช่วงปลายเช่นกัน แต่เขากลับไม่ได้ผนึกรวมกงล้อเทพออกมาแม้แต่วงเดียว สาเหตุที่ยับยั้งศักยภาพของตัวเองมาโดยตลอดนั้น ก็เพื่อเข้ามาในสถานแหล่งเต๋า แล้วเลือกภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่งเพื่อผนึกรวมกงล้อเทพสามวงที่มีคุณภาพสูงที่สุดออกมาในรวดเดียว!
หากไม่มีอะไรผิดพลาด ภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่งนี่ต้องเป็นของสิงซาอย่างแน่นอน จากระดับความเข้มข้นและบริสุทธิ์ของพลังบนภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่ง การที่จะผนึกรวมกงล้อเทพคุณภาพชั้นสูงออกมาสามวงนั้น เป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างแน่นอน หากได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ละก็ ไม่แน่อาจจะสามารถผนึกรวมกงล้อเทพที่มีคุณภาพสมบูรณ์แบบออกมาได้หนึ่งถึงสองวงด้วย!