มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2890
สงครามครั้งนี้ คือสงครามระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ ชนเผ่าเฉว่ซ่าและเมืองต้าฮวงโบราณ
แดนศักดิ์สิทธิ์สำนักตระกูลอย่างตระกูลเทียนฮวง สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ อาณากระบี่หวูจี๋ที่พากันหลังไหลมายังที่แห่งนี้ นั่นคือการแสดงจุดยืน ว่าจะมาร่วมมือ
พูดให้ชัดคือ สงครามครั้งนี้เป็นของเมืองต้าฮวงโบราณ ดังนั้นชนเผ่าฮวงย่อมจึงจำเป็นต้องจัดเตรียมตัวช่วยเบื้องหลังเอาไว้บ้าง เพื่อให้ผู้ที่สนับสนุนชนเผ่าฮวงรู้สึกสบายใจ
เรือรบอสูรฮวงหนึ่งร้อยลำ เมื่อเปิดใช้งาน มันสามารถเทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดชั้นยอดหนึ่งร้อยคน เมืองต้าฮวงโบราณสามารถนำมันออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้ ก็ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งโลกยุทธ์จากสำนักตระกูลต่าง ๆยอมรับจากใจจริง
แต่คำถามต่อไปคือ จะจัดสรรเรือรบอสูรฮวงร้อยลำได้อย่างไร?
ท้ายที่สุดแล้ว จำนวนนักยุทธ์ที่จำเป็นในการควบคุมเรือรบอสูรฮวงเป็นจำนวนที่น่าตกใจมาก นักยุทธ์จากฝ่ายต่าง ๆ ไม่ให้ความร่วมมือ ดังนั้นจะรวมการจัดกำหนดการได้อย่างไร?
นอกจากนี้ หากเรือรบอสูรฮวงตกอยู่ในเงื้อมมือของกองกำลังอื่น โครงสร้างของเรือรบและการจัดเรียงรูปแบบจะรั่วไหลหรือไม่?
อาวุธสงครามเช่นนี้ ทุกคนในที่แห่งนี้ต้องยอมรับว่าในใจของตนก็เกิดความโลภขึ้นมา
“สหายหลัว เรือรบอสูรฮวงของพวกเราชนเผ่าฮวงเก่งกาจใช่หรือไม่?” ฮวงหวูจี๋นั่งอยู่ข้าง ๆ หลัวซิว พูดพร้อมกับสีหน้าภาคภูมิใจ
“ไม่เลวเลย” หลัวซิวพูดพร้อมพยักหน้า สำหรับคนทั่วไปแล้วนั้น เรือรบอสูรฮวง เรือรบอสูรฮวงอาจเป็นอาวุธที่ทรงพลังในการกวาดล้างสนามรบ
อย่างไรก็ตามอาวุธสงครามนี้ กลับยังไม่สามารถมีบทบาทชี้ขาดในมหาทัณฑ์ครั้งนี้
เพียงแค่สามารถสำแดงพลังระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดชั้นยอด ก็ทำได้แค่จัดการกับผู้แข็งแกร่งโลกยุทธ์ลำดับล่างเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ระดับผู้สูงส่ง รวมถึงระดับประมุขเต๋าเหล่านั้น เรือรบอสูรฮวงขนาดมหึมาก็จะกลายเป็นเป้าที่มีชีวิตเท่านั้น
แต่ถ้าหากต้องการจัดการเพียงแค่แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่า การมีเรือรบอสูรฮวงก็ถือว่าเพียงพอแล้ว สงครามครั้งนี้กวาดล้างโลกร้างส่วนใหญ่ แต่มันยังห่างไกลจากมหาทัณฑ์ที่แท้จริงอยู่อย่างมาก
อภิมหาสงครามมหาทัณฑ์ของสามหาพื้นโลกดารา มันยังห่างไกลจากจุดเริ่มต้นอยู่มาก
“เรือรบอสูรฮวงหนึ่งร้อยลำนี้จะจักสรรอย่างไร ข้าก็ได้วางแผนเอาไว้แล้ว……”
ในขณะนี้ เจ้าเมืองต้าฮวงเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง โดยกล่าวถึงปัญหาการจัดสรรเรือรบอสูรฮวงพอดี
ทุกคนเงียบลงและฟังอย่างตั้งใจ อาวุธสงครามที่ทรงพลังเช่นนี้ ไม่มีใครไม่ตาร้อน หากสามารถหาเรือสักลำเพื่อทำความเข้าใจความลึกลับของมัน นั่นจะกลายเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
“ก่อนอื่น นอกจากตระกูลเทียนฮวง สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ และอาณากระบี่หวูจี๋ ทั้งสามแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดนี้แล้ว ผู้เพื่อนยุทธ์จากกองกำลังต่าง ๆ ที่มาเพื่อยื่นมือช่วยเหลือนั้น ต่างก็ต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพวกเราเมืองต้าฮวงโบราณ”
“ดังนั้นแล้วจึงจะมีสี่กองทัพใหญ่ นั่นคือกองทัพต้าฮวง กองทัพเทียนฮวง กองทัพอัมพรเทว และกองทัพหวูจี๋”
“เรือรบอสูรฮวงหนึ่งร้อยลำ พวกเราเมืองต้าฮวงโบราณควบคุมสี่สิบลำ กองทัพใหญ่อีกสามกองทัพแบ่งกันควบคุมกองทัพละยี่สิบลำ เป็นเช่นไร?”
เมื่อสิ้นเสียง สายตาของเจ้าเมืองต้าฮวง ก็เหลืบมองไปยังผู้รับผิดชอบของทั้งสามแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอด
ตระกูลเทียนฮวง คือเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงเดินทางมาด้วยตนเอง สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่มาเข้ารวมประชุมก็คือจั่วชิว ทางอาณากระบี่หวูจี๋ผู้ที่เป็นผู้รับผิดชอบก็คือหลัวซิว
ว่ากันตามหลักแล้ว จั่วชิวและหลัวซิวผู้น้อยวัยเยาว์เช่นนี้ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะพูดคุยกับเจ้าเมืองต้าฮวงได้ แต่สถานะของทั้งสองนั้นค่อยข้างพิเศษ จั่วชิวคือศิษย์เอกของฮวงจวินในปัจจุบัน หลัวซิวคือเจ้าสำนักน้อยแห่งอาณากระบี่หวูจี๋ มีสถานะเป็นรองเพียงเจ้าแดนเท่านั้น จึงถืออำนาจของเจ้าแดนได้
“เพื่อนยุทธ์น้อยทั้งสอง พวกเจ้าพาคนมาไม่มาก คนที่จะบังคับเรือรบอสูรฮวงเกรงว่าจะมีไม่พอ?”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวง ใบหน้ายิ้มแย้ม สายตาจ้องมองมายังจั่วชิวและหลัวซิว
หลัวซิวได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าเปลี่ยนไป เหตุใดเขาจึงจะไม่เข้าใจความหมายของเจ้าเมืองต้าฮวงกันเล่า นำเรือรบอสูรฮวงออกมายี่สิบลำ คือต้องการให้สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์และอาณากระบี่หวูจี๋ส่งยอดฝีมือมาให้มากกว่านี้
การมาเยือนในครั้งนี้ อาณากระบี่หวูจี๋อย่างหลัวซิวไม่ได้พาใครมาด้วยแม้แต่คนเดียว สำนักตระกูลต่าง ๆ ที่ตามติดมากับอาณากระบี่หวูจี๋ ถึงแม้จะมีจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดมาอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อรวมกันแล้วก็แค่สองสามร้อยคนเท่านั้น
กำลังคนเพียงเท่านี้ แม้แต่เรือรบอสูรฮวงลำเดียวยังไม่สามารถควบคุมได้ แล้วจะพูดถึงยี่สิบลำได้อย่างไร?
และถ้าหากต้องการยื้อเรือรบยี่สิบลำนี้ไว้ ก็จำเป็นต้องระดมผู้คนจากทุกฝ่ายมาให้มากขึ้น
ในส่วนของตระกูลเทียนฮวง ถือเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของเมืองต้าฮวงโบราณ ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวง ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งเช่นนี้ยังมาที่นี่ด้วยตนเองเลย?
สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์หากต้องการการสนับสนุนเมืองต้าฮวงโบราณ ถึงแม้ฮวงจวินจะไม่ได้มาด้วยตนเอง อย่างน้อยเจ้าศักดิ์สิทธิ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าก็ต้องมา เหตุใดจึงให้ผู้น้อยอย่างจั่วชิวมาเป็นผู้แทนเช่นนี้?
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงล้อข้าเล่นแล้ว เหตุที่ผู้น้อยมาในครั้งนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้าแดนฝึกตนปิดขังอยู่ พวกเราอาณากระบี่หวูจี๋ย่อมสนับสนุนเมืองต้าฮวงโบราณอย่างเต็มที่ การรวบรวมกองกำลังให้เพียงพอกับเรือรบอสูรฮวงยี่สิบลำ แน่นอนว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ฮ่า ๆ ดี ผู้เพื่อนยุทธ์หลัวช่างเป็นคนคิดเร็วทำเร็วจริง ๆ!” เจ้าเมืองต้าฮวงหัวเราะเสียงดัง มือลูบเครา แสดงออกถึงความพอใจอย่างมาก
การสนับสนุนและการสนับสนุนอย่างเต็มที่ถือเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันมาก เมื่อมีคำพูดนี้ของหลัวซิว เจ้าเมืองต้าฮวงจะไม่ดีใจได้เช่นไร?
ส่วนคำเรียกว่าผู้เพื่อนยุทธ์นั้น นั่นก็เป็นเพราะเจ้าเมืองต้าฮวงรู้ถึงที่มาในชาติก่อนของหลัวซิว จึงไม่ได้ดูถูกเขาเพียงเพราะว่าในตอนนี้เขามีผลการฝึกตนที่ไม่สูง
แต่เมื่อเจ้าเมืองต้าฮวงมองมายังจั่วชิว ท่าทีก็เปลี่ยนไปเป็นคนละแบบทันที “หลานยุทธ์จั่วชิว เจ้าว่าอย่างไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา ส่วนจั่วชิวนั้นก็อดกลั้นจนสีหน้าแดงเถือก เขาโกรธแต่ไม่กล้าพูดมาก
ในเมื่อตอนแรกเขายังมีความคิดที่จะยั่วยุหลัวซิว ในตอนนี้คำที่ออกจากปากเจ้าเมืองต้าฮวง หลัวซิวคือผู้เพื่อนยุทธ์ ส่วนจั่วชิวกลับกลายไปหลานยุทธ์ไปได้?
แต่เขาก็เก็บความอัดอั้นนี้ไว้ในใจ จั่วชิวไม่กล้าที่จะก่อเรื่องต่อหน้าเจ้าเมืองต้าฮวง ตอบกลับไปด้วยความเคารพ “เรื่องนี้ ข้าน้อยไม่อาจตัดสินได้”
เรือรบอสูรฮวงยี่สิบลำ จำเป็นต้องจัดการผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดนับหมื่นคน จั่วชิวเพียงคนเดียวก็เป็นแค่เพียงผู้น้อยแดนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดเท่านั้น ต่อให้เป็นศิษย์เอกของฮวงจวิน ก็ไม่ได้มีอำนาจถึงเพียงนี้
“เช่นนั้นสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์คิดไว้ว่าจะให้คนกี่คนเข้าร่วมในสงคราม?” เจ้าเมืองต้าฮวงขมวดคิ้วถามต่อ
เพราะสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ฮวงจวินในปัจจุบันสร้างขึ้น ดังนั้นในช่วงหลายล้านปีนี้ สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์จึงเรียกตนเองว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลกร้าง
สำหรับเรื่องนี้ชนเผ่าฮวงไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะสำหรับชนเผ่าฮวงที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องไปแย่งชิงกันเพื่อชื่อปลอมเช่นนี้
แต่ในวันนี้มหาทัณฑ์กำลังมาเยือน ท่าทีของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ยังคงไม่ชัดเจนมาตลอด สิ่งนี้จึงได้ดึงดูดความสนใจของชนเผ่าฮวงขึ้นมา
เมื่อใดก็ตามที่สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์แอบไปเข้าร่วมกับโลกาฟ้าดินหลิงหลงหรือโลกาเทพมังกรไท่ชูฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เช่นนั้นสิ่งที่ชนเผ่าฮวงจะทำเป็นสิ่งแรก นั่นก็คือเรียกคืนหอคอยฮวง!
ผู้สูงส่งทุกรุ่นของโลกร้างควบคุมสิ่งล้ำค่าหอคอยฮวง นั่นเป็นสิ่งที่ชนเผ่าฮวงยอมรับโดยไม่ต้องเอ่ยพูด ชนเผ่าฮวงสามารถเรียกคืนหอคอยฮวงกลับมาได้ตลอดเวลา ไม่ว่าใครก็รั้งไว้ไม่ได้!
ในโลกร้างท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่นี้ ชนเผ่าฮวงถึงจะเป็นเจ้าของที่แท้จริง!
“เงื่อนไขของเจ้าเมือง ข้าตอบรับแล้ว!”
ในขณะที่จั่วชิวไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร ห้วงจักรของเขาก็พลันแยกออก เหมือนกับห้วงจักรเป็นออกเป็นตาที่สาม ลำแสงหนึ่งบินออกจากรอยแยกนั้น เผยให้เห็นเงาลวงมนุษย์ ออร่าแผ่กระจาย
เงาลวงนี้ ก็คือฮวงจวิน
เห็นได้ว่าถึงแม้ฮวงจวินจะไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่เขาก็ฝากตัวสำนึกมาในห้วงจักรตัวหยั่งรู้ของศิษย์จั่วชิว รับรู้ทุกเรื่องราวที่ผ่านมา
เมื่อตัวสำนึกเงาลวงของฮวงจวินปรากฏขึ้น หลัวซิวเรียกได้ว่ามีลางสังหรณ์ จั่วชิวเริ่มยั่วยุตน มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นคำแนะนำจากตาแก่ฮวงจวินผู้นี้!
“เคารพผู้สูงส่ง!”
จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดหลายคนที่นั่งอยู่ใกล้จั่วชิวก็ลุกขึ้นทำความเคารพ เงาลวงฮวงจวินด้วยความเคารพ
แม้ว่าจะเป็นเพียงตัวสำนึกเงาลวง แต่ก็เป็นตัวแทนของฮวงจวิน จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดเหล่านี้ล้วนเกิดจากสำนักตระกูลที่มีอยู่ซึ่งขึ้นอยู่กับสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์
ฮวงจวิน คือผู้สูงส่งของโลกร้าง เป็นตัวแทนของผู้แข็งแกร่งคนแรกของโลกร้างที่เผยตนในยุคปัจจุบัน
นอกจากผู้แข็งแกร่งหลานคนพึ่งพาเมืองต้าฮวงโบราณรวมถึงตระกูลเทียนฮวงแล้ว ผู้แข็งแกร่งโลกยุทธ์คนอื่น ๆ ที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ พวกเขาทั้งหมดลุกขึ้น ทำความเคารพ
ผู้ที่นั่งใกล้หลัวซิวล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งสำนักตระกูลที่พึ่งพาอาณากระบี่หวูจี๋ พวกเขาเห็นว่าหลัวซิวไม่ลุกขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงนั่งอย่างนิ่งสงบ
“ฮวงจวินช่างเปิดตัวเอิกเกริกเหลือเกิน”
เจ้าเมืองต้าฮวงกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ ในตอนที่หอคอยฮวงเปิด เขายังไม่ประสบความสำเร็จเป็นผู้สูงส่ง ดังนั้นต่อหน้าฮวงจวิน เขายังคงต้องเรียกตัวเองว่าผู้น้อย แต่หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในการเป็นผู้สูงส่ง เขาก็สามารถเรียนรู้ความลับเพิ่มเติมจากสถานบรรพบุรุษชนเผ่าฮวง ไม่รู้สึกกลัวสิ่งที่เรียกว่าผู้สูงส่งโลกร้างอีกต่อไป
“กำลังคนสำหรับบังคับเรือรบอสูรฮวงทั้งยี่สิบลำ ข้าสามารถส่งคนมาช่วยรบได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขหนึ่ง”
ฮวงจวินไม่ได้สนใจท่าทีของเจ้าเมืองต้าฮวง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“เงื่อนไขใดกัน?” เจ้าเมืองขมวดคิ้ว
“ข้าต้องการสิ่งของอย่างหนึ่ง ต้องเอากลับมาจากตัวของเพื่อนยุทธ์น้อยท่านนี้”
ระหว่างที่พูด ฮวงจวินก็ค่อย ๆ หันมา สายตาจับจ้องมายังหลัวซิวที่นั่งอยู่ไม่ไกล
ในช่วงเวลาที่ฮวงจวินจ้องมองไป แสงที่คมกริบก็วาบขึ้นในดวงตาของหลัวซิว แม้ว่าฮวงจวินจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่หลัวซิวจะไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่า ฮวงจวินผู้นี้เกือบจะแน่ใจว่าเส้นใยดั้งเดิม ที่ได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวงนั้น อยู่บนตัวหลัวซิว!
เรื่องมีคนบังคับเรียกหอคอยฮวงนั้น ฮวงหวูจี๋ก็ได้บอกกับหลัวซิวแล้ว เห็นได้ชัดว่าชนเผ่าฮวงนั้นรู้มาตั้งนานแล้ว ดังนั้นเมื่อฮวงจวินพูดถึงเงื่อนไขนี้ขึ้นมา สีหน้าของเจ้าเมืองต้าฮวงก็พลันเปลี่ยนตามไปด้วย
“ฮวงจวิน เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
เจ้าเมืองต้าฮวงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผู้เพื่อนยุทธ์หลัวเป็นตัวแทนอาณากระบี่หวูจี๋มาสนับสนุนเมืองต้าฮวงโบราณของพวกเราอย่างเต็มที่!”
เจ้าเมืองไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ความหมายนั้นไม่ต้องพูดก็เข้าใจได้ หลัวซิวคือคนของเขา หากเจ้าคิดจะลงมือ ข้าไม่ยินยอม!
เพียงพริบตา บรรยากาศภายในตำหนักหลักของตำหนักหลักเมืองแห่งนี้ก็พลันตรึงเครียดขึ้นมา
ฮวงจวินขมวดคิ้วมองไปทางเจ้าเมืองต้าฮวง “ข้าในฐานะผู้สูงส่งโลกร้าง หอคอยฮวงก็ควรอยู่ในมือของข้า เจ้าเด็กคนนี้ขโมยหอคอยฮวงดั้งเดิม มีเจตนาร้ายเป็นแน่!”
“แต่ข้าจะเห็นแก่หน้าเจ้า จะไว้ชีวิตไม่ให้เขาตาย แต่หอคอยฮวงดั้งเดิมยังไงก็ต้องเรียกกลับมา!”
น้ำเสียงของฮวงจวินเย็นชา ถ้อยคำที่พูดยังมีน้ำเสียงที่แน่นอน
เจ้าเมืองต้าฮวงเหมือนกำลังจะพูดอะไร แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงส่งเข้ามาในหูของเขา ทำให้เขากลืนสิ่งที่เขาต้องการจะพูดลงไป กระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจ นั่งลงและไม่พูดอะไรต่อ
หอคอยฮวง มันเป็นของชนเผ่าฮวงมาตั้งแต่โบราณกาล ที่บอกว่าผู้สูงส่งโลกร้างควบคุมไว้นั้น ก็เป็นแค่เพียงการที่ชนเผ่าฮวงฝากไว้กับผู้สูงส่งโลกร้างในยุคก่อน ๆ สามารถเรียกกลับคืนมาได้ทุกเมื่อ
แต่ในวันนี้หอคอยฮวงได้ยอมรับหลัวซิวเป็นผู้สืบทอดแล้ว เช่นนั้นในอนาคตหากหลัวซิวบรรลุแดนผู้สูงส่งควบคุมหอคอยฮวง เช่นนั้นคือจะเป็นเจ้าของหอคอยฮวงตามความหมายที่แท้จริง ถึงแม้จะต้องอาศัยเคล็ดวิชาของชนเผ่าฮวง ก็เกรงว่าจะไม่สามารถเรียกเอากลับคืนมาได้
และเพราะเหตุนี้ เมื่อครู่บรรพอาจารย์ของชนเผ่าฮวงจึงได้ส่งเสียงมาห้ามการกระทำของเจ้าเมืองต้าฮวงเอาไว้ ถ้าหากฮวงจวินเรียกหอคอยฮวงดั้งเดิมกลับไป เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่งเลยทีเดียว
ถึงแม้การตัดสินใจนี้ของบรรพอาจารย์ เจ้าเมืองต้าฮวงจะไม่เห็นด้วยนัก แต่เขาก็ไม่อาจคัดคำสั่งของบรรพอาจารย์ได้