มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2894
ในสุดยอดแดนศักดิ์สิทธิ์ของโลกร้าง สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์มีประวัติความเป็นมาสั้นสุด แต่เนื่องจากฮวงจวินคนปัจจุบัน สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์จึงมีตำแหน่งสูงมากในโลกร้าง
ตำแหน่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้มาจากฮวงจวิน และการกระทำกับคำพูดทุกอย่างของฮวงจวิน จึงกลายเป็นกฤษฎีกาสูงสุดในสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์
คำสั่งถูกถ่ายทอดออกไป มีสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์เป็นจุดศูนย์กลาง บนปฐพีที่มีอาณาเขตกว้างขวางซึ่งอยู่ในการควบคุมของสำนักศักดิ์สิทธิ์ บรรดาตระกูลสำนักต่าง ๆ ล้วนพากันเคลื่อนตัว เพื่อไปรวมกันที่สำนักศักดิ์สิทธิ์
ไม่พูดไม่ได้ว่า สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ควบคุมอาณาบริเวณผืนนี้ได้เป็นอย่างดี กองกำลังต่าง ๆ มารวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว
ในธรณีสำนักของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ มีจัตุรัสขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง หอคอยเทวสีทองเหลืองอร่ามลอยอยู่เหนือจัตุรัส มันคือสมบัติในตำนานของโลกร้าง หอคอยฮวงนั่นเอง!
บนจัตุรัสในเวลานี้ มีนักยุทธ์ที่มาจากกองกำลังต่าง ๆ รวมตัวกันอยู่จำนวนมาก เงาคนตะคุ่ม ๆ มากมายหนาแน่น มีผลการฝึกตนในแดนราชาเทพวัฏจักรห้าเป็นอย่างน้อย ผู้คนล้นหลาม กระทั่งที่ว่ามองไม่เห็นท้าย
“ฮวงจวินได้ถ่ายทอดคำสั่งด้วยตนเอง เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
“เรียกให้นักยุทธ์มารวมตัวกันมากมายเช่นนี้ สำนักศักดิ์สิทธิ์จะทำศึกกับกองกำลังใดเช่นนั้นหรือ?”
“หอคอยฮวงในตำนาน มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคของโลกร้างเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติควบคุม”
นี่คือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มาจากนักยุทธ์จากกองกำลังต่าง ๆ ในจัตุรัส
ขณะเดียวกัน ด้านหน้าจัตุรัส มีตำหนักสูงตระหง่านตั้งอยู่ ตำหนักแห่งนี้ก็คือตำหนักศักดิ์สิทธิ์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
เวลานี้มีจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดนับพันคนนั่งขัดสมาธิอยู่ ซึ่งมาจากกองกำลังต่าง ๆ ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์
สำนักตระกูลที่พึ่งพิงสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์มีนับร้อยนับพัน บางกองกำลังมีจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดหนึ่งคน บางกองกำลังมีสองคน หรือมากกว่านั้น
นี่ก็คือรากฐานของสุดยอดสำนักศักดิ์สิทธิ์ กำลังที่แท้จริงนั้นไม่ใช่แค่ตัวสำนักศักดิ์สิทธิ์เอง ยังมีกองกำลังต่าง ๆ ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ส่วนสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ควบคุมทั้งหมด ให้กองกำลังต่าง ๆ ก้มฟังคำสั่ง ล้วนเพราะอาศัยอานุภาพของฮวงจวิน!
บนบัลลังก์ที่ตั้งอยู่ตำแหน่งสูงสุดในตำหนัก เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์กำลังนั่งอยู่อย่างน่าเกรงขาม ด้านข้างของเขามีเงาร่างสิบสองเงา แต่ละคนล้วนเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าสี่คน มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดแปดคน!
สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่ง ในสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์มีเพียงฮวงจวินคนเดียวเท่านั้น สืบทอดมาเป็นเวลานาน อัจฉริยะที่บ่มเพาะเลี้ยงดูมานั้นมีไม่น้อย แต่ก็ไม่มีผู้ใดก้าวเข้าสู่แดนผู้สูงส่งได้เลย
แม้จะเป็นเช่นนี้ รากฐานของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงแข็งแกร่งมาก เพราะอย่างไรเสียในที่แจ้งเมืองต้างฮวงโบราณก็มีเพียงฮวงเจิ้นเทียนเท่านั้นที่เพิ่งบรรลุแดนผู้สูงส่ง ตระกูลเทียนฮวงก็มีเพียงเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงที่เป็นผู้สูงส่งแค่คนเดียว แม้ว่าจะยังมีผู้สูงส่งคนอื่น ๆ เมื่อรวมกันแล้วยังไงก็เทียบกับแดนผู้แกร่งเลิศและยังครอบครองหอคอยฮวงอย่างฮวงจวินไม่ได้
ทันใดนั้นเอง แสงสีทองเจิดจรัสได้รวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้าเหนือธรณีสำนักของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าสีทองอร่ามขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาให้ทุกคนได้เห็น
ในขณะเดียวกัน พลังกดดันอันแรงกล้าของผู้สูงส่งแพร่กระจายไปทั่ว ทำให้คนเกิดความหวั่นเกรง “น้อมพบผู้สูงส่ง!”
ในตำหนักใหญ่ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ บริเวณจัตุรัส นักยุทธ์นับแสนได้พากันคุกเข่าข้างหนึ่งลง พลางตะโกนเสียงดัง คุกเข่าด้วยความเคารพยำเกรง
“โลกในตอนนี้ มหาทัณฑ์กำลังจะบังเกิด ตัวข้าครอบครองหอคอยฮวงประจำการบนผืนปฐพีแห่งนี้ คุ้มครองตระกูลสำนักของพวกเจ้าไม่ให้ได้รับเคราะห์กรรมจากมหาทัณฑ์ ทว่าตอนนี้กลับมีคนคิดแย่งชิงหอคอยฮวงดั้งเดิม มันช่างสมควรตายยิ่งนัก!”
“พวกเจ้ายินดีออกรบกับข้าหรือไม่?”
“พวกข้ายินดี!” ทุกคนตะโกนอย่างพร้อมเพรียง
“ดีมาก จัดขบวนเตรียมออกรบ ระดมปืนใหญ่มกุฎอัมพรเทวหนึ่งแสนกระบอก โจมตีอาณากระบี่หวูจี๋” เสียงดังกังวานของฮวงจวินดังก้องไปทั่วปฐพี
นับตั้งแต่หลัวซิวได้สังหารเขาตอนประทับร่างโจว๋ชิวในตำหนักหลักเมืองต้าฮวง ฮวงจวินก็ได้ตัดสินใจทำเช่นนี้โดยไม่ลังเลเลยสักนิด เขาจะโจมตีอาณากระบี่หวูจี๋ ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม หลัวซิวก็จักต้องตาย!”
แม้ว่าสงครามในครั้งนี้จะไม่อาจทำลายล้างอาณากระบี่หวูจี๋ได้อย่างจริงจัง แต่กลับสามารถเพิ่มความกดดันให้กับอาณากระบี่หวูจี๋ ให้พวกเขายอมมอบตัวหลัวซิวออกมาเอง!
แต่น่าเสียดาย ความคิดของฮวงจวินนั้นดีมาก ทว่าเขากลับประเมินตัวเองสูงเกินไป และประเมินรากฐานของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์สูงเกินไปจริง ๆ
“เหตุใดต้องวุ่นวายเช่นนั้นด้วย? ข้ามาแล้วนี่ไงเล่า!”
ทันใดนั้นเอง เสียงที่แฝงไปด้วยแววเหยียดหยามดังลอยมาจากด้านนอกธรณีสำนักของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์
สายตากับตัวสำนึกลอยไปตามเสียงสายแล้วสายเล่า จากนั้นก็พบว่ากลางอากาศที่ด้านนอกธรณีสำนักของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ ตู๋กูกับหลัวซิวได้พาจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสองร้อยกว่าคนปรากฏตัวขึ้นที่ตรงนี้
ตอนที่มาถึงสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสองร้อยกว่าคนต่างพากันตะลึงอ้าปากค้าง ภายในใจของแต่ละคนได้มีความคิดที่เหมือนกันผุดขึ้นมา เจ้าแดนบ้าไปแล้วหรือ? คิดจะมาท้าทายสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยคนเพียงเท่านี้อย่างนั้นหรือ?
ฮวงจวินผู้นั้นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งโลกร้างของยุคนี้เชียวนะ!
“ใครกันบังอาจมาสามหาวในธรณีสำนักของสำนักศักดิ์สิทธิ์ของข้า?”
เสียงตวาดดังขึ้น จากนั้นก็มีแสงกลสิบกว่าสายลอยออกมา เป็นผู้แข็งแกร่งที่รับผิดชอบเฝ้าประตูธรณีสำนักได้ค้นพบพวกหลัวซิวเข้า
“สำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ นับจากนี้ไปจะไม่มีอยู่อีกแล้ว แล้วจะมีธรณีสำนักได้อย่างไร?”
ตู๋กูส่งเสียงเย้ยหยัน บางทีคำพูดเช่นนี้ในสายตาของใครหลายคนอาจจะยโสโอหังถึงขีดสุด แต่มีเพียงหลัวซิวที่ไม่คิดเช่นนั้น
“สวบ!”
แสงกระบี่สายหนึ่งกวาดผ่านแผ่นฟ้า แสงกลที่ลอยออกมาจากสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ ได้กลายเป็นผุยผงไปภายใต้แรงสยบของแสงกระบี่ไปภายในพริบตา
อานุภาพของแสงกระบี่ไม่ลดลง แพรวพราวประดุจเสา เฉกเช่นเขากระบี่ที่ทอดยาว ฟันสยบลงไปยังธรณีสำนักของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านล่าง
“พรึบ!”
ค่ายป้องกันของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ถูกเปิด ค่ายกลค่ายนี้นั้นเป็นค่ายกลระดับผู้สูงส่ง ต่อให้ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งมากมายหลายคนลงมือจู่โจมพร้อมกัน ก็ยากที่จะทำลายการป้องกันของค่ายกลนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น
ทว่าค่ายกลที่ทรงอานุภาพเช่นนี้ เมื่ออยู่ใต้แรงสยบของแสงกระบี่ กลับสั่นสะท้านเพียงเล็กน้อย เกราะป้องกันม่านแสงได้พังทลายลงภายในชั่วพริบตา!
“นี่……เป็นไปไม่ได้!……”
ด้านในสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งผู้อาวุโสผู้คุมกฎ ทุกคนต่างพากันหน้าถอดสี แววความไม่อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นมาในดวงตา
มหาค่ายคุ้มกันเขา ถูกทำลายลงได้ง่ายเช่นนี้เชียวหรือ?
“ครืนนน!”
ตามด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หลัวซิวมองอยู่ไกล ๆ ในอนัตตาที่ห่างออกไปนับหมื่นลี้ มองเห็นอย่างชัดเจนว่าเพียงกระบี่เดียวของศิษย์พี่ตู๋กูคนนี้ของเขา ก็ได้ทำให้ธรณีสำนักของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ ถูกลบล้างออกไปจากโลกนี้!
“เจ้าเป็นใครกันแน่!”
เสียงตวาดดังลอยมา ร่างแสนจะโมโหของฮวงจวิน ลอยอยู่เหนือยอดหอคอยฮวง โกรธจัดจนลูกตาแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ จ้องมองตู๋กูด้วยความอาฆาตที่ลุกโชน
เพียงกระบี่เดียว ผู้แข็งแกร่งจากกองกำลังต่าง ๆ ที่มารวมตัวกันในสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ ในนั้นมีราชาเทพวัฏจักรห้า และมกุฎเทพวัฏจักรหกนับหมื่น มีจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดนับพัน มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดวัฏจักรเก้าหลายสิบคน!
ทว่าผู้แข็งแกร่ง ลูกศิษย์ และอนาคตของมากมายหลายสำนัก กลับถูกสังหารตายภายในดาบเดียว!
“ก็แค่ตัวตลกที่ครอบครองหอคอยฮวงมาเพียงไม่กี่ปี ก็คิดว่าตนเองเป็นหนึ่งในโลกร้างแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ตู๋กูยิ้มอย่างดูถูก ร่างเดินเหาะไปในอากาศ หันกลับไปมองหลัวซิวแวบหนึ่ง “ศิษย์น้องเล็ก เดี๋ยวศิษย์พี่จะจัดการกับเจ้าคนนี้ ช่วยเจ้าเอาหอคอยฮวงกลับมา”
ระหว่างที่พูดนั้น เงาร่างของตู๋กูได้กลายเป็นแสงกระบี่พุ่งเข้าหาฮวงจวิน
มาจนถึงเวลานี้ อย่าว่าแต่จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดทั้งสองร้อยกว่าคนเลย แม้แต่หลัวซิวเองยังเบิกตาโพลง แอบกล่าวในใจ ความสามารถของศิษย์พี่คนนี้ของตนจะร้ายกาจเกินไปหน่อยไหม?
เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่า ศิษย์พี่ตู๋กูคนนี้ของตนเพิ่งจะบรรลุถึงแดนผู้สูงส่งขั้นสูงสุด นั่นก็คือแดนผู้แกร่งเลิศนั่นเอง
แต่ต่อให้เป็นผู้แกร่งเลิศ แต่อานุภาพหนึ่งกระบี่คงไม่ควรจะทรงพลังถึงขนาดนี้หรอกกระมัง?
หลัวซิวไม่รู้ว่าการปิดขังฝึกตนครั้งนี้ของตู๋กู ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนผู้แกร่งเลิศนั้นเป็นเพียงสิ่งรองลงมา ความก้าวหน้าที่ใหญ่ที่สุด คือวิถีกระบี่ของเขา ได้บรรลุถึงแดนขั้นสูง!
สำเร็จแรก สำเร็จน้อย บรรลุผล ขั้นสูง บริบูรณ์ ห้าแดนใหญ่ของธรรมดั้งเดิม แดนขั้นสูงนั้นสอดคล้องกับประมุขเต๋า!
อาศัยพลังวิถีกระบี่ในระดับขั้นสูง อานุภาพหนึ่งกระบี่ของตู๋กู แทบจะทัดเทียมได้กับการลงมือของผู้แข็งแกร่งแดนประมุขเต๋า
ตอนนั้นเขาสามารถสังหารทูติชุดคลุมดำผู้แข็งแกร่งขั้นปฐมภูมิได้ ก็เพราะตอนนั้นวิถีกระบี่ของเขาอยู่ในแดนบรรลุผล อานุภาพการสังหารทัดเทียมได้กับผู้แกร่งเลิศ
ฮวงจวินเองก็เป็นผู้แกร่งเลิศ แต่การสัมผัสรู้และควบคุมที่เขามีต่อธรรมดั้งเดิม อยู่แค่ในระดับที่ก้าวผ่านธรณีประตูแดนบรรลุผลเท่านั้น ยังห่างจากแดนขั้นสูง ไกลแสนไกลยิ่งนัก
กระทั่งที่ว่ามีผู้แกร่งเลิศมากมายที่เพียงแค่ผลการฝึกตนบรรลุถึงเท่านั้น แต่แดนของธรรมดั้งเดิมกลับไม่ได้สูงถึงขนาดนั้น
เพื่อป้องกันไม่ให้ควันหลงจากการต่อสู้ส่งผลกระทบต่อพวกหลัวซิว ตู๋กูได้เลือกสนามรบเป็นส่วนลึกของอนัตตาที่ห่างออกไปนับแสนลี้
หลัวซิวกับจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสองร้อยกว่าคนมองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยความตกตะลึง ด้วยเฉพาะบรรดาจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าแดนผู้ลึกลับ ทำตัวเป็นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหางแต่ไหนแต่ไรมา จะเป็นผู้สูงส่งที่ร้ายกาจเช่นนี้
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวลอยออกมาจากอนัตตาอย่างไม่ขาดสาย คลื่นพลังเต๋าที่ลึกล้ำมิอาจคาดเดา ทำให้คนหวาดหวั่น ทำให้คนเคารพยำเกรง ความโกลาหลแพร่กระจาย
เวลาผ่านเลยไป หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย แอบกล่าว: “ฝีมือของศิษย์พี่แข็งแกร่งกว่าฮวงจวินก็จริง แต่ฮวงจวินควบคุมหอคอยฮวง ด้วยความสามารถของศิษย์พี่ยังไม่อาจทำลายเกาะป้องกันของหอคอยฮวงได้”
จับจ้องมองไป สถานการณ์ในสนามรบตู๋กูกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ ฮวงจวินที่สีหน้าดำคล้ำได้แต่ใช้หอคอยฮวงป้องกัน ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ
แต่หลัวซิวกลับรู้ว่า หากตู๋กูไม่มีวิธีทำลายการป้องกันของหอคอยฮวง เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจทำอะไรฮวงจวินได้
แต่การต่อสู้ที่ดูเหมือนจะเสมอกันนี้ กลับถูกกำหนดไว้ว่ามันต้องมีจุดจบที่แตกต่าง เพราะมีหลัวซิวอยู่ที่นี่
“สหายยุทธ์ทุกท่านโปรดคุ้มกันข้าด้วย!”
หลัวซิวพลันกล่าวขึ้นมาหนึ่งประโยค จากนั้นมือสองข้างของเขาก็วาดวิชาตราประทับออกมาด้วยความเร็วจนตาลาย ความเร็วในการวาดตราประทับของเขา เร็วจนมองเห็นมือทั้งสองข้างของเขาได้เพียงเลือนราง ปรากฏเศษเงาขึ้นมามากมาย
จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสองร้อยกว่าคนได้ยินเสียงที่ดังลอยมาเข้าหู จึงต่างพากันได้สติกลับมาทันที เอาหลัวซิวเป็นจุดศูนย์กลางโดยไม่ลังเล ล้อมรอบเอาไว้ กลายเป็นค่ายป้องกัน
“แย่แล้ว!”
ฮวงจวินที่กำลังต่อสู้อยู่กับตู๋กูสีหน้าเปลี่ยนไปทันควัน เพราะเขาสัมผัสได้ว่ามีพลังอัญเชิญบางอย่างอยู่ในความมืดทำให้หอคอยฮวงมีท่าทีว่าจะหลุดจากการควบคุมของเขา
“หลัวซิวผู้สมควรตาย!”
ฮวงจวินโกรธจนดวงตาแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ เผชิญหน้ากับผู้ต่อสู้ที่แข็งแกร่งวิถีกระบี่แดนขั้นสูงคนหนึ่ง เขาทราบดีว่าหากสูญเสียหอคอยฮวงไป เขาต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นี้แน่
หากไม่มีคู่ต่อคนนี้ อาศัยผลการฝึกตนแดนผู้แกร่งเลิศของเขา ย่อมสามารถสยบหอคอยฮวงได้ ทำให้หลัวซิวมิอาจอัญเชิญ
หลัวซิวก็มิได้เพ้อฝันว่าจะสามารถอัญเชิญหอคอยฮวงออกมาได้ เป้าหมายของเขานั้นง่ายมาก ก็คืออาศัยวิธีอัญเชิญหอคอยฮวง เพื่อทำให้การควบคุมหอคอยฮวงของฮวงจวินอ่อนแอลง
เช่นนี้แล้ว ฮวงจวินก็จะไม่อาจแสดงอานุภาพที่หอคอยฮวงควรจะมีออกมาได้ เป็นการสร้างโอกาสให้กับศิษย์พี่ตู๋กูของเขา
“ผลัวะ!”
อนัตตาถูกฉีกขาด แสงกระบี่เจิดจรัสอย่างไม่เคยมีมาก่อนสายหนึ่งทะลุผ่านเกราะป้องกันม่านแสงหอคอยฮวง นำเอาคราบเลือดสีแดงสดออกมาจากร่างของฮวงจวิน
หลัวซิวบรรลุเป้าหมายของตนเอง ภายใต้การก่อกวนของเขา การป้องกันของหอคอยฮวงได้แสดงจุดอ่อนออกมา โอกาสเช่นนี้ ตู๋กูย่อมจะไม่พลาดอย่างแน่นอน