มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2899 ทะลวงแดนจักรพรรดิเทพ

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2899 ทะลวงแดนจักรพรรดิเทพ

มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2899

ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่อยู่ตรงนี้ต่างมีผลการฝึกตนในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดขึ้นไป แต่หลายคนในจำนวนนี้กลับไม่เคยเผชิญสงครามที่เหี้ยมโหดเช่นนี้มาก่อน

ในกาลเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าแต่ละตระกูลสำนักในโลกร้างอาจมีการปะทะกันอยู่บ้าง หรือกระทั่งสงครามล้มล้างก็ยังมี แต่สงครามเช่นนั้นเมื่อเทียบกับในตอนนี้แล้ว พูดได้ว่าเป็นเหมือนเด็กน้อยตีกันไม่ควรค่าแก่การพูดถึง

นอกเหนือจากความสูญเสียด้านบุคลากร เรือรบอสูรร้างก็ถูกทำลายไปสองลำ

แต่ความสูญเสียของหุบเขาอสูรฟ้าก็ใช่ย่อย หุ่นเชิดมังกรอสูรถูกทำลายไปหนึ่งตัว ความสูญเสียโดยรวมของทั้งสองฝ่ายพอ ๆ กัน

เมื่อเทียบกันแล้ว ทางด้านหุบเขาอสูรฟ้ามีความเสียหายมากกว่าเล็กน้อย แต่ความสูญเสียโดยส่วนใหญ่เป็นราชาเทพวัฏจักรห้ากับมกุฎเทพวัฏจักรหกเป็นหลัก ในขั้นของจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดกับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด ทั้งสองฝ่ายมีความเสียหายพอ ๆ กัน

แต่ในการต่อสู้หยั่งเชิงในครั้งแรกนี้ ฝีมือที่หลัวซิวได้แสดงออกมา มันทำให้พวกเจ้าเมืองต้าฮวงตกตะลึงยิ่งนัก

เพราะพวกเขาต่างก็ทราบเป็นอย่างดี ผลการฝึกตนของหลัวซิวยังไม่ทันบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด ทว่าอาศัยผลการฝึกตนเช่นนี้ เขากลับสามารถรับมือมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดสามคนเพียงลำพังได้แล้ว แถมยังสามารถต้านทานการลงมือติดต่อกันถึงสองครั้งของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าอย่างจ้าวปีศาจเสวียนหยินได้อีกด้วยซ้ำ!

“เพื่อผู้ยุทธ์หลัว อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เจ้าเมือต้าฮวงหันไปถามหลัวซิว

อย่างไรเสียจ้าวปีศาจเสวียนหยินก็เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ถึงแม้จะครอบครองหอคอยฮวง แต่ถูกจำกัดเพราะหลัวซิว พลังหอคอยฮวงที่หลัวซิวเรียกใช้ได้ก็เลยมีขีดจำกัด ย่อมต้องได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว

มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าหลายคนที่อยู่ตรงนี้ ต่างไม่มีใครมีคุณสมบัติพอให้เจ้าเมืองต้าฮวงเรียกเพื่อนผู้ยุทธ์ จึงทำให้สายตาของใครหลายคนจับจ้องมาที่หลัวซิว

“ทำให้ท่านเจ้าเมืองต้องกังวลแล้ว อาการบาดเจ็บของข้าไม่เป็นอะไรมาก” หลัวซิวกล่าวอย่างเรียบ ๆ

กระดูกแขนข้างขวาที่หักไปมันฟื้นฟูได้ง่ายมาก มีเพียงพลังอสูรฟ้าที่เข้าสู่ร่างกายค่อนข้างยุ่งยาก แต่อาศัยพลังของหอคอยฮวงกับพลังแห่งวิถีเซียน แค่ต้องรักษาตัวปรับปรุงร่างกายสักหน่อย ก็สามารถกลั่นแปรให้หมดไปได้

อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นนี้หลัวซิวไม่ใส่ใจเลยสักนิด ตรงกันข้ามอาศัยแรงกดดันจากจ้าวปีศาจเสวียนหยิน ทำให้เขารู้สึกเหมือนผลการฝึกตนมีท่าทีว่าจะเพิ่มขึ้น ใกล้จุดคอขวดของจักรพรรดิเทพขึ้นมาเรื่อย ๆ

ตอนนี้ได้ประสบชัยชนะในศึกครั้งแรก ทั้งสองฝ่ายต่างพากันประเมินส่วนได้ส่วนเสียตามฝีมือที่อีกฝ่ายได้แสดงออกมา เมืองโบราณซึ่งตั้งตระหง่านกับหุบเขาอสูรฟ้าที่อึมครึมลอยอยู่ในอนัตตา เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความสงบเป็นการชั่วคราว

แต่ทุกคนต่างก็ทราบเป็นอย่างดี นี่เป็นเพียงความสงบก่อนลมพายุจะโหมกระหน่ำเท่านั้นเอง

หลังจากหารือกันอย่างคร่าว ๆ แล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายจากไป ส่วนหลัวซิวก็ได้เสนอข้อเรียกร้องว่าตนเองต้องการสถานที่สำหรับปิดขังฝึกตนต่อเจ้าเมืองต้าฮวง

ทั่วทั้งเมืองต้าฮวงโบราณล้วนอยู่ในการควบคุมของฮวงเจิ้นเทียน จัดเตรียมสถานที่อันเงียบสงบไม่มีผู้คนรบกวนแห่งหนึ่ง ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายมากอยู่แล้ว

เหตุที่ร้องขอปิดขังฝึกตน นั่นเป็นเพราะหลัวซิวสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน

ในสนามรบที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายส่งออกมาเพียงผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด หากไม่ใช่เพราะเขาทำตัวโดดเด่นเกินไป ทางหุบเขาอสูรฟ้าก็คงไม่ให้ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าลงมือเร็วเช่นนี้

หลังจากการหยั่งเชิงในครั้งนี้ ทั้งสองผ่านก็จะมีการหยั่งเชิงอยู่ไม่ขาดสาย แต่หลัวซิวกลับรู้ว่าตนเองได้ตกเป็นเป้าสายตาของหุบเขาอสูรฟ้าเข้าเสียแล้ว

จ้าวปีศาจเสวียนหยินไม่อาจเอาชีวิตของตนเองได้ในครั้งนี้ เช่นนั้นในสงครามครั้งต่อไปเขาจักต้องหาโอกาสลงมือกับตนเองอย่างแน่นอน

และนี่ ก็คือเหตุผลที่มกุฎเต๋าหวูจี๋ต้องการให้หลัวซิวมาขัดเกลาตัวเองที่นี่ มีเพียงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความตาย ถึงจะสามารถบีบรัดพลังงานแฝงที่อยู่ในร่างของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ตนเองเลื่อนขั้นได้เร็วขึ้น

สำหรับหลัวซิวแล้ว เขาในตอนนี้ไม่ขาดแคลนทรัพยากรในการฝึกตน ตราบใดที่เขาไม่ตาย เช่นนั้นความสามารถของเขามีเพียงจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

“แต่อย่างไรก็ตามข้ายังคงต้องระวังไม่ให้ตัวตนที่แท้จริงถูกเปิดโปง พวกเขาไม่รู้สถานะที่แท้จริงของข้า ดังนั้นจ้าวปีศาจเสวียนหยินถึงได้ลงมือเพียงคนเดียว หากให้พวกเขารู้ตัวตนของข้าเข้า เกรงว่าแม้แต่ผู้สูงส่งคงต้องลงมือด้วยตนเองแล้ว”

หลัวซิวทราบดีว่าหลังจากตนเองสังหารเทพธิดาเสวียนหวงก็ได้กลายเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันไม่ได้กับสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ในเมื่อสงครามครั้งนี้มีสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง เช่นนั้นชื่อของเขาจักต้องอยู่ในรายชื่อล่าสังหารของพวกเขาอย่างแน่นอน

ห่างจากการบรรลุแดนจักรพรรดิเทพอีกเพียงน้อยนิดเท่านั้น หลัวซิวได้หันไปฝึกฝนเคล็ดเซียนแปรเก้า

เขามีวัฏจักรเก้าจำนวนมากอยู่ในมือ หากฝึกฝนเคล็ดเซียนแปรเก้าให้ถึงแดนแปรที่หกได้ เช่นนั้นร่างเนื้อร่างเทวของเขาจักต้องถอดคราบอีกครั้ง บรรลุถึงระดับที่ทัดเทียมได้กับเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างแน่นอน

พอถึงตอนนั้น เขาก็สามารถไม่ต้องเห็นการโจมตีของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดธรรมดาทั่วไปอยู่ในสายตาอีก ต่อให้ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าลงมือ ต้องการจะเอาชีวิตเขามันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

วันเวลาที่แสนสงบดำรงอยู่ได้ไม่นานนัก ผ่านไปเพียงแค่สี่วัน หุบเขาอสูรฟ้าก็ได้เป็นผ่ายจุดชนวนสงครามขึ้นมา

กองกำลังหลักของสงคราม ยังคงเป็นจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดกับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดเช่นเดิม มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าของหุบเขาอสูรฟ้าไม่ได้เคลื่อนไหว ดังนั้นทางเมืองต้าฮวงโบราณก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเหมือนกัน เฝ้าสังเกตการณ์อยู่อย่างสงบ

กองทัพนับแสนคนต่อสู้กันอยู่ในอนัตตา พลังอมตะวิชาอาถรรพณ์มากมายนับไม่ถ้วน ศัสตราวุธของขลังลอยขวักไขว่ ส่งแสงเจิดจรัส กระแทกอนัตตาแตกกระจายเป็นวงกว้าง

หลัวซิวยังคงปิดบังตัวตนเข้าสู่สนามรบเช่นเดิม ทว่าเมื่อสักครู่เขาเพิ่งจะสังหารจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดไปไม่กี่คน แสงเลือดมหาศาลก็ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า ครอบคลุมเขาเอาไว้ด้านใน

“ค่ายโลหิตมารฉกรรจ์?”

หลัวซิวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าหากปรากฏตัวในสนามรบเป็นไปได้ว่ามากมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าของหุบเขาอสูรฟ้าจะลงมือ หรือไม่ก็ถูกผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดร่วมมือล้อมโจมตี แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายได้เตรียมวิธีการที่ร้ายกาจยิ่งกว่าเอาไว้แต่แรกแล้ว

ค่ายโลหิตมารฉกรรจ์มีที่มาไม่ธรรมดา เป็นสิ่งที่ชนเผ่าเฉว่ซ่าได้มาจากซากโบราณสถานที่เก่าแก่มากแห่งหนึ่ง

อานุภาพของมหาค่าย ถูกกำหนดตามความแข็งแกร่งของผู้ตั้งค่าย ค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ที่กักขังหลัวซิวเอาไว้ในเวลานี้ มีจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลายสองคนเป็นผู้นำในการตั้งค่าย

แสงเลือดไร้ขอบเขต รวมกันเป็นธารโลหิตไหลทะลัก ธารโลหิตกวาดล้างทุกสิ่งในอนัตตา ร้องคำรามม้วนเข้าหาหลัวซิว

“ครืนนนน!”

ระลอกคลื่นลูกหนึ่งของธารโลหิตซัดสาดลงมา หลัวซิวขับเคลื่อนตราสรรพสิทธิ์ทันที พลังอมตะมากมายพึ่งจะแปรผันกลับถูกคลื่นของธารโลหิตซัดสลายไปทันที พลังอันร้ายกาจถึงขีดสุดโหมกระหน่ำเข้ามา กระแทกร่างของหลัวซิวลอยออกไป

“ช่างทรงพลังยิ่งนัก!”

หลัวซิวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แสงเทวกะพริบขึ้นมาที่ตรงกลางระหว่างคิ้ว เตาอลวนหวูจี๋ลอยออกมา

แต่เพื่อปิดบังตัวตน รูปลักษณ์ภายนอกของเตาอลวนหวูจี๋จึงเปลี่ยนไปมาก ในสายตาของคนอื่นมันไม่ใช่เตาใบหนึ่ง แต่เป็นของขลังที่มีรูปร่างคล้ายหอคอยมากกว่า

“ครืนนนน!”

คลื่นลูกใหญ่ของธารโลหิตซัดกระหน่ำเข้ามา พลังที่แฝงอยู่ด้านในเพียงพอซัดร่างเนื้อของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดให้แหลกเป็นผุยผง

ในขณะเดียวกัน ยังมีการโจมตีในรูปแบบต่าง ๆ นานาที่เกิดจากการรวมตัวของไอสังหารไม่สิ้น บ้างก็เป็นปราณกระบี่ บ้างก็เป็นดวงแสงดาบ มืดฟ้ามัวดิน

อยู่ในใจกลางของค่าย ภายใต้การโจมตีบดขยี้ที่ทรงพลังเช่นนี้ ต่อให้มีเตาอลวนหวูจี๋คุ้มครองกายอยู่ก็ตาม หลัวซิวก็ยังคงได้รับบาดเจ็บติดต่อกัน เลือดไหลอาบไปทั่วร่าง

“คนผู้นี้ใกล้ตายแล้ว ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าต่อกรกับผู้ต่อสู้ในระดับนี้ ทำไมท่านทูตต้องให้พวกเราสองคนร่วมมือกัน แถมยังใช้ผังค่ายค่ายโลหิตมารฉกรรจ์อีกด้วย”

ในค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลายทั้งสองคนมองดูหลัวซิวที่ถูกพลังโจมตีหลายสายปกคลุมอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ท่านทูตบอกแล้วมิใช่หรือว่า สิ่งใดก็ตามที่อาจเป็นภัยคุกคามล้วนต้องถูกกำจัด ได้ยินว่าในโลกร้างมียอดอัจฉริยะคนหนึ่งที่ชื่อหลัวซิวปรากฏตัวขึ้นแล้ว แถมยังเป็นร่างกลับชาติมาเกิดของผู้สูงส่งไท่ซ่าง ว่ากันว่าเป็นอัจฉริยะที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะกลายเซียน ถูกโลกาฟ้าดินหลิงหลงกับโลกาเทพมังกรไท่ชูจัดเอาไว้ในรายชื่อที่จักต้องสังหารให้ได้”

หนึ่งในจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดกล่าวอย่างเฉยชา “ส่วนคนนี้ต่อให้ไม่ใช่หลัวซิว แต่ก็ไม่แตกต่างกันสักเท่าไรนัก อัจฉริยะเช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน ย่อมจักต้องกำจัดอยู่แล้ว”

“แต่เจ้าหมอนี่ก็ดวงแข็งเสียจริง คิดไม่ถึงว่าจะต้านรับการโจมตีบของค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ได้อย่างต่อเนื่อง

“มันทนได้ไม่นานแล้วล่ะ”

ในค่ายกล เนื่องจากสูญเสียพลังผลการฝึกตนไปจำนวนมาก ทำหน้าสีหน้าของหลัวซิวค่อย ๆ ซีดเซียวลง

เขามิได้เคลื่อนใช้หอคอยฮวง ทว่าต่อให้ขับเคลื่อนเตาอลวนหวูจี๋มาคุ้มครองกาย ก็ยังคงทำให้ผลการฝึกตนของเขาถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ต้านรับเอาไว้ไม่ไหวแล้ว

แม้ว่าเขาจะมียาเซียนวัฏจักรเก้าจำนวนมากมาประคับประคอง แต่ความเร็วในการชดเชยนั้นเทียบไม่ได้กับความเร็วของการสูญเสียเลยสักนิด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาทนได้นานสุดแค่ประมาณสามชั่วยาม พลังผลการฝึกตนของเขาก็จะถูกใช้ไปจนหมด ถึงตนนั้นจักต้องถูกอานุภาพของค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ระเบิดร่างกลายเป็นเศษเนื้อแน่

“หากข้าต้องการพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ ในสถานการณ์ที่ไม่มีพลังช่วยเหลือที่แข็งแกร่ง เช่นนั้นก็มีเพียงวิธีเดียวแล้ว!”

หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย ต่อให้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย สมองของเขาก็ยังคงรักษาความมีสติและตื่นตัวเอาไว้

มาเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ หลัวซิวก็ทำไปเพื่อต้องการอาศัยความกดดันของช่วงเวลาแห่งความเป็นตายมาขัดเกลาตนเอง และค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ในเวลานี้ เหมือนว่าจะกดดันเขาให้ถึงขีดสุดได้พอดี

อาศัยวิกฤติของความเป็นตายเพื่อทะลวงแดน นี่เป็นวิธีที่นักยุทธ์หลายคนต่างก็ใช้กัน แต่ก็จักต้องประเมินขอบเขตไว้ให้ดี หากคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไปสามารถเอาชีวิตของตนได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว หรือไม่ก็คู่ต่อสู้ไม่แข็งแกร่งพอไม่สามารถสร้างความกดดันให้ตนเองอย่างเพียงพอได้ เช่นนั้นก็จะไม่อาจบรรลุเป้าหมายทะลวงขีดจำกัดและกฎเกณฑ์ได้

แต่วินาทีนี้สำหรับหลัวซิวแล้ว มีเพียงคำเดียวที่สามารถอธิบายได้ นั่นก็คือประจวบเหมาะพอดี!

อานุภาพของค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ไม่อาจสังหารเขาได้ในทันที แต่ขณะเดียวกันนั้นก็ทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามและแรงกดดันจากความตาย นี่ไม่เรียกว่าประจวบเหมาะแล้วเรียกว่าอะไร?

เขาถึงกับรู้สึกโชคดีที่อีกฝ่ายเห็นว่าเขามีผลการฝึกตนต่ำจึงไม่ได้ส่งคนที่แข็งแกร่งกว่ามาต่อกรกับเขา หากคนที่ขับเคลื่อนค่ายโลหิตมารฉกรรจ์เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าสองคน หลัวซิวเชื่อว่าต่อให้เขาใช้หอคอยฮวง ก็ยังต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

มีเตาตรีภพหวูจี๋คุ้มครองกาย แม้ว่าอานุภาพของค่ายโลหิตมารฉกรรจ์จะยังสามารถผ่านการป้องกันของเตาเทวเข้ามาทำให้หลัวซิวได้รับบาดเจ็บได้ แต่การโจมตีเช่นนี้กลับไม่อันตรายถึงชีวิต

ทานยาเซียนวัฏจักรเก้าลงไป หลัวซิวเติมเต็มพลังผลการฝึกตนที่สูญเสียไปของตนเอง พลางอาศัยแรงกดดันที่ค่ายโลหิตมารฉกรรจ์นำมาให้เขาเพิ่มระดับผลการฝึกตนของตัวเอง

แรงกดกดดันจากวิกฤตแห่งความตายไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ยาเซียนวัฏจักรเก้าหนึ่งเม็ดที่เดิมทีต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อกลั่นแปร อยู่ที่นี่หลัวซิวกลับใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ก็กลั่นแปรเสร็จไปหนึ่งเม็ด

ส่วนฤทธิ์ของยาเซียนวัฏจักรเก้าหนึ่งเม็ดนั้น ทำให้พลังผลการฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นมาหนึ่งขั้น ขยับใกล้ขีดสุดของมกุฎเทพขั้นสูงขึ้นมาอีกก้าว

ทว่าหลัวซิวกลับไม่ได้พอใจในสิ่งนี้ ที่เขาต้องการคือบรรลุแดนจักรพรรดิเทพอยู่ที่นี่ ทันทีที่ระดับผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงขั้นเทียบเท่าจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด เช่นนั้นอาศัยความแข็งแกร่งของวิถีแห่งเซียน ความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาก็จะเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก!

พอถึงตอนนั้น เขาก็จะมีพลังการต่อสู้ที่เทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า!

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท