มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2900 การเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2900 การเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2900

สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงไปร้อยแปดพันเก้า ภายใต้ความที่คนมีใจคิดร้ายคนที่ไม่ป้องกัน หลัวซิวได้ถูกกักขังเอาไว้ในค่ายโลหิตมารฉกรรจ์

“แย่แล้ว!”

หลังจากหลัวซิวได้ถูกค่ายโลหิตมารฉกรรจ์กักขังเอาไว้ เจ้าเมืองต้าฮวงฮวงเจิ้นเทียนก็สูญเสียกระแสสัมผัสต่อลมหายใจของเขาไป

“ท่านเจ้าเมือง เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”

ผู้สูงส่งหกท่านที่อยู่ข้างกายเจ้าเมืองต้าฮวงต่างมีความสงสัยเล็ดลอดออกมาในสายตา

“หลัวซิวถูกลอบเล่นงานเสียแล้ว รีบไปช่วยเขา!”

เจ้าเมืองต้าฮวงกล่าวเสียงเข้ม จากนั้นก็กลายร่างเป็นแสงกล พุ่งเข้าไปในสนามรบอย่างไม่ลังเล

ตลอดเวลามา การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายยึดการหยั่งเชิงเป็นหลัก ไม่มีฝ่ายใดลงมืออย่างจริงจัง ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าก็ลงมือบ้างเป็นบางครั้งคราวเท่านั้น มิได้มีการต่อสู้อย่างเด็ดขาดในทุกรอบด้านระเบิดขึ้นมา

แต่เนื่องจากหลัวซิวได้ถูกกักขังเอาไว้ในค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ เจ้าเมืองต้าฮวงถึงกับเป็นคนจุดชนวนการต่อสู้อย่างเด็ดขาดขึ้นมาเอง

ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งได้เคลื่อนไหวทั้งหมด แบบนี้ไม่เรียกว่าต่อสู้ขั้นเด็ดขาดแล้วเรียกว่าอะไร?

“พวกเขาเป็นฝ่ายจุดชนวนการต่อสู้ขั้นเด็ดขาดขึ้นเองอย่างนั้นหรือ?”

ในหุบเขาอสูรฟ้า ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งที่มีทูตชุดขาวเป็นผู้นำ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน

“หรือว่าจะเป็นเพราะคนผู้นั้น?”

ทูตชุดขาวนึกถึงหลัวซิวขึ้นมาเป็นอันดับแรก แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลัวซิว แต่เนื่องจากฝีมือและกำลังแฝงที่หลัวซิวแสดงออกมา เขาก็ไม่ลังเลและสั่งให้ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลายสูงคนนำค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ เพื่อปลิดชีวิตหลัวซิวมาให้ได้

และหลังจากค่ายโลหิตมารฉกรรจ์เพิ่งกักขังเขาเอาไว้นั่นเอง ผู้สูงส่งของเมืองต้าฮวงโบราณก็ได้ลงมือ ต่อให้ทูตชุดขาวใช้หัวแม่เท้าก็สามารถจินตนาการได้ว่า ผู้ที่ถูกค่ายโลหิตมารฉกรรจ์กักขังเอาไว้คนนั้น ต้องเป็นคนที่มีฐานะพิเศษมากแน่!

“หึหึ สองกองทัพประจันหน้า ใช้วิธีการทุกอย่างไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกล ยิ่งพวกเจ้าอยากจะช่วยผู้ใด เช่นนั้นข้าก็ยิ่งต้องกำจัดมันเสีย!”

ลำแสงเย็นยะเยือกที่แทบจะกลืนกินวิญญาณผู้คนได้แผ่ซ่านออกมาจากดวงตาของทูตชุดขาว “ลงมือ! ไปประมือกับคนชนเผ่าฮวงพวกนั้นกันหน่อย!”

“โลกะศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหลือง!”

ทูตชุดขาวเดินออกมาจากหุบเขาอสูรฟ้า เห็นเพียงเขาสะบัดมือก็ได้แสดงเคล็ดวิชาแขนงหนึ่งออกมา ชี่แห่งดำเหลืองไร้ขีดสุดเหมือนดั่งมังกรลอยทะยานอยู่ในอนัตตา

โลกะศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหลืองไม่ได้เป็นเพียงพลังอมตะแขนงหนึ่งเท่านั้น มีทูตชุดขาวเป็นผู้นำ บวกกับผู้สูงส่งหน้าคนในบังคับบัญชาของเขา ได้ขัดขวางผู้แข็งแกร่งทั้งเจ็ดคนที่มีเจ้าเมืองต้าฮวงเป็นผู้นำเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

เดิมทีแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจกับชนเผ่าเฉว่ซ่า ไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งอยู่ ผู้สูงส่งทั้งหกคนนี้ต่างมาจากโลกาฟ้าดินหลิงหลงและโลกาเทพมังกรไท่ชู

“ตั้งค่าย! ต้าฮวงเดชานุภาพ!”

เจ้าเมืองต้าฮวงตวาดขึ้นมา รวมทั้งเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงและคนอื่น ๆ ต่างพากันขยับมือวาดตราประทับ แสงสีทองเจิดจรัสสะดุดตาแผ่ซ่านออกมาจากร่างของทุกคน

ลำแสงสีทองมากมายพัวพันเข้าด้วยกัน เงาร่างของผู้แข็งแกร่งแดนผู้สูงส่งอันตรธานหายไป ที่ปรากฏขึ้นมาแทนนั้น เป็นยักษ์สูงหมื่นจั้งที่เคลือบสีทองทั่วทั้งร่าง

ค่ายกลที่สามารถให้ผู้แข็งแกร่งแดนผู้สูงส่งตั้งค่ายพร้อมกับเพิ่มความแข็งแกร่งได้นั้น ระดับของมันพูดได้ว่าสูงมากแล้ว ค่ายต้าฮวงเดชานุภาพได้ก่อตัวขึ้นเป็นที่เรียบร้อย อสูรฟ้าเดชานุภาพที่ผนึกรวมออกมา ต่อให้เป็นระดับผู้แกร่งเลิศก็ได้แต่หนีเอาชีวิตรอด ไม่อาจรับมือได้

มหาค่ายโลกะศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหลืองได้แปรเป็นปฐพีผืนหนึ่ง เห็นเพียงอสูรฟ้าเดชานุภาพหมื่นจั้งพุ่งสังหารไปมาอยู่ในโลกะศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหลือง กระแทกจนอนัตตาแตกสลายอยู่ไม่ขาดสาย

“ฆ่า!”

“ฆ่าพวกมันให้หมด!”

“……”

ผู้สูงส่งของทั้งสองฝ่ายได้ลงมือแล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้ามากมายที่อยู่ใต้บังคับบัญชาต่างพากันเข้าสู่สนามรบเช่นเดียวกัน

ไม่เพียงเท่านี้ สองป้อมปราการศึกขนาดใหญ่ของเมืองโบราณต้าฮวงกับหุบเขาอสูรฟ้าต่างได้แสดงความน่าสะพรึงกลัวของทันออกมา

“ครืน! ครืน! ครืน! ……”

เห็นเพียงลำแสงต้นเสาใหญ่หนาลอยพุ่งออกมาจากเมืองโบราณต้าฮวงเป็นบางครั้งคราว ลำแสงต้นเสาทุกสายต่างแฝงไปด้วยพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขต มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดคนหนึ่งของโลกาฟ้าดินหลิงหลงไหวตัวไม่ทัน ร่างและวิญญาณจึงแหลกสลายไป ภายใต้การโจมตีของลำแสงต้นเสา

เดิมทีเมืองต้าฮวงโบราณก็เป็นของขลังที่มีอานุภาพล้ำเลิศอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ชนเผ่าฮวงสร้างขึ้นเพื่อทำสงครามโดยเฉพาะ

หุบเขาอสูรฟ้าเองก็ไม่ธรรมดา หมอกดำที่ลอยอยู่รอบหุบเขาอสูรฟ้าปลิวตลบขึ้นมา กลายเป็นหนวดปลาหมึกสีดำเส้นแล้วเส้นเล่า ผุดขึ้นมาในสนามรบเป็นบางครั้งคราว หากถูกหนวดรัดเอาไว้โดยไม่ทันระวัง แก่นแท้ชีวีกับวิญญาณดั้งเดิมล้วนต้องถูกดูดไปจนหมด

ตกอยู่ในใจกลางค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ หลัวซิวยังคงสัมผัสเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอกได้อย่างเลือนราง แม้แต่ตัวเขาเองยังคิดไม่ถึงว่าเพราะตนเองถูกกักขังเอาไว้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเด็ดขาดขึ้นมา

เวลาล่วงเลยไป จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องคำรามดังลอยออกมาจากค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ เดชานุภาพส่องแสงเจิดจรัสที่ทรงพลังอย่างไม่อาจคาดเดากลุ่มหนึ่งได้ปกคลุมทั่วทั้งอนัตตาสนามรบนับล้านลี้

จู่ ๆ ท้องฟ้าก็มืดสนิทลง อัสนีสายแล้วสายแล้วสายเล่าพาดผ่านอยู่บนท้องนภา กระจายไปด้วยรัศมีพลังอันน่าเกรงขาม

ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ!

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ปรากฏขึ้น ภายในใจของทุกคนก็นึกถึงจุดนี้ขึ้นมา เพราะพวกเขาต่างก็เคยผ่านบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธมาแล้วทั้งนั้น สำหรับกลิ่นอายของทัณฑ์สายฟ้า ย่อมต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดี

แต่ทว่า ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือสนามรบ ใครกันที่กำลังข้ามผ่านทัณฑ์?

“ถอย!”

ทูตชุดขาวสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างห้ามไม่ได้ ทันทีที่ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธปรากฏ เช่นนั้นทัณฑ์สายฟ้าก็จะโจมตีโดยไม่แบ่งแยกภายใต้บริเวณที่ปกคลุม

ดูจากอานุภาพของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธในครั้งนี้แล้ว ทันทีที่ทัณฑ์สายฟ้าได้ปะทุรอบด้าน เกรงว่าแม้แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดก็คงต้านรับไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นแล้วจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด และยังมีราชาเทพวัฏจักรห้ากับมกุฎเทพวัฏจักรหกเล่า?

แม้ว่านักยุทธ์ขั้นต่ำจะไม่มีบทบาทการตัดสินในสงคราม แต่นักยุทธ์ขั้นต่ำเหล่านี้ก็เป็นการดำรงอยู่ที่ไม่อาจมองผ่านได้ เพราะอย่างไรก็ตามพวกสุดยอดผู้แข็งแกร่งเหล่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องทุกอย่างด้วยตนเอง

โลกะเสวียนศักดิ์สิทธิ์พลันสลายไป ผู้สูงส่งทั้งหกคนที่มีทูตชุดขาวเป็นผู้นำ ต่างกลายร่างเป็นแสงกล กลับเข้าสู่หุบเขาอสูรฟ้า

อาศัยความแข็งแกร่งในการป้องกันของหุบเขาอสูรฟ้า ย่อมสามารถป้องกันบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว

ทว่าต่อให้ทูตชุดขาวได้ออกคำสั่งแล้ว แต่การมาถึงของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธนั้นกลับเร็วยิ่งกว่า

“ไม่!”

“หนีเร็ว!”

“……”

แสงสายฟ้าไร้สิ้นสุดมืดฟ้ามัวดิน ปกคลุมอนัตตารัศมีหนึ่งแสนลี้ ซึ่งมีค่ายโลหิตมารฉกรรจ์เป็นจุดศูนย์กลางภายในชั่วพริบตา

ในพื้นที่แห่งนี้ ส่วนมากเป็นกำลังพลของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจกับชนเผ่าเฉว่ซ่า เพียงชั่ววินาที ก็ได้รับความสูญเสียอย่างหนัก

“ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ? นี่มันอะไรกัน?”

มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดสองคนที่ควบคุมค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ต่างตะลึงอ้าปากค้าง เพราะตอนนี้พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ที่พวกเขาสองคนควบคุมอยู่ จู่ ๆ ก็ถูกทัณฑ์สายฟ้าพิโรธที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันเล็งเป้าเอาไว้!

“เป็นไปได้อย่างไร! เขาเพียงกลั่นแปรอยู่ในค่ายโลหิตมารฉกรรจ์เพียงชั่วคราวก็ทะลวงแดนการฝึกตนได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”

“รีบหนีเร็ว อานุภาพของทัณฑ์สายฟ้านี้ยิ่งใหญ่นัก!”

ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลายทั้งสองคนได้ฝืนรับแสงสายฟ้าสองสาย สีหน้าดูแย่ลงไปทันที

พอสองคนนี้ถอยไป ค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ก็ย่อมสลายไปตาม ไม่มีค่ายโลหิตมารฉกรรจ์ขัดขวางแล้ว ทันใดนั้นแสงสายฟ้ามากมายมหาศาล ก็ทับถมเข้าไปหาหลัวซิวทันที

พลังมหาศาลพุ่งกระฉูดอยู่ในร่างกาย เนื่องจากผลการฝึกตนของตนเองในที่สุดก็ทลายกฎเกณฑ์ของแดนใหญ่ รูปร่างหน้าตาและกลิ่นอายที่หลัวซิวปกปิดเอาไว้ ก็ได้กลับคืนสู่ร่างเดิม ที่กระจายอยู่รอบกายของเขาไม่ใช่แสงของเพลงอัคคีอีกต่อไป แต่เป็นแสงเซียนแพรวพราวเจิดจรัส

“หลัวซิว! เป็นเขา!”

“ความแข็งแกร่งของเขาเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ต้องข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าจักรพรรดิเทพเองหรือ?”

ทูตชุดขาวจำหลัวซิวได้ทันที เพราะคนผู้นี้เป็นคนที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์ชี้ตัวเองว่าต้องฆ่าให้ได้

“ตายเสียเถอะ!”

วินาทีที่รู้ว่าเป็นหลัวซิว ทูตชุดขาวก็ลงมือโดยไม่ลังเล ในฐานะทูตผู้สูงส่งระดับชุดขาว ความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าทูตชุดดำที่มาสังหารหลัวซิวในตอนนั้นอีกมาก มีผลการฝึกตนในแดนผู้สูงส่งช่วงกลาง

แดนยุทธ์สามารถบรรลุถึงระดับผู้สูงส่งได้ ต่อให้เป็นความแตกต่างระหว่างขั้นปฐมภูมิกับช่วงกลาง ก็ห่างกันมากมายนึก

“ครืนนน!”

เสียงสนั่นหวั่นไหวดังกึกก้อง การโจมตีของทูตชุดขาวย่อมถูกพวกเจ้าเมืองต้าฮวงขัดขวางเอาไว้แล้ว กระแสพลังของการต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งนั้นรุนแรงนัก ต่อให้เป็นทัณฑ์สายฟ้าพิโรธที่ทรงพลังก็ยังกลบไม่มิด

ทัณฑ์สายฟ้าที่หลัวซิวกำลังข้ามอยู่นั้นแม้จะเป็นเพียงทัณฑ์จักรพรรดิเทพ ก็เพียงพอที่จะสร้างอันตรายให้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดอย่างแน่นอน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้ายังไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ

ณ ตอนนี้ ผู้ที่ยังกล้าลงมืออยู่ในบริเวณที่ทัณฑ์สายฟ้าปกคลุม ก็มีเพียงการดำรงอยู่ระดับผู้สูงส่งแล้ว

“หลัวซิว เจ้าตั้งใจข้ามผ่านทัณฑ์ พวกข้าจะช่วยคุ้มกันเจ้าเอง!”

เสียงของเจ้าเมืองต้าฮวงดังลอยเข้ามาในหูของหลัวซิว ผู้สูงส่งเจ็ดคนยืนล้อมรอบโดยที่มีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง ตัวสำนึกกระจายออกไป เฝ้าระวังความเคลื่อนไหวในรอบด้าน

“ขอบคุณยิ่งนัก!”

หลัวซิวประสานมือคารวะ หากไม่มีผู้สูงส่งทั้งเจ็ดคนคอยคุ้มกัน เขาต้องตายภายใต้เงื้อมมือของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน

สำหรับจุดนี้ หลัวซิวทราบเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเขามองเห็นสตรีวัยกลางคนที่ถูกศิษย์พี่ตู๋กูซัดลอยออกไปในตอนนั้น ในสีหน้าท่าทางจึงมีความเก้กังแฝงอยู่เล็กน้อย

สตรีวัยกลางคนคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงทำเสียงฮึดฮัดครั้งหนึ่ง ตอนนั้นนางรั้งหลัวซิวเอาไว้ก็เพื่อหอคอยฮวง เพื่อชนเผ่าฮวง แต่ในเมื่อบรรดาบรรพอาจารย์ในสถานบรรพบุรุษต่างต้องการให้นางกับฮวงเจิ้นเทียนปกป้องหลัวซิว นางก็ย่อมต้องวางความแค้นส่วนตัวเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว

“ครืน! ครืน! ครืน!”

แสงสายฟ้าสายแล้วสายเล่าผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง กลายร่างเป็นมังกรร้ายอ้าปากกลืนกินหลัวซิวเป็นบางครั้งคราว บางครั้งก็กลายเป็นดาบหรือกระบี่ ฟาดฟันลงไปบนศีรษะของเขา สะเก็ดและประกายไฟแตกกระจายนับไม่ถ้วน

ฤทธิ์ของยาเซียนวัฏจักรเก้าได้กลั่นแปรภายในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากประตูแห่งกฎเกณฑ์ถูกพังลง พลังสายใหม่ทั้งหมดกระจายไปทั่วร่างของเขา

พรึบ!

กงล้อเทพไร้ลักษณ์ปรากฏขึ้นมาด้านหลังศีรษะของเขา แตกต่างไปจากนักยุทธ์ที่ก้าวเข้าสู่เทพมารระดับเก้าคนอื่น ๆ แต่ไหนแต่ไรมากงล้อเทพของเขามีเพียงวงเดียว แม้ว่าผลการฝึกตนจะเพิ่มระดับขึ้น จำนวนของกงล้อเทพก็ไม่เพิ่มขึ้นตาม

แต่เนื่องจากผลการฝึกตนของหลัวซิวได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ พลังงานและพลังเต๋าอันมหาศาลที่แฝงอยู่ในกงล้อเทพของเขา ก็จะน่าสะพรึงกลัวขึ้นไปเรื่อย ๆ

ตัวอย่างเช่นตอนนี้เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่แดนจักรพรรดิเทพขั้นปฐมภูมิ แต่พลังที่แฝงอยู่ในกงล้อเทพของเขา กลับเหนือกว่าพลังของกงล้อเทพเจ็ดวงของผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพรวมเข้าด้วยกันเสียอีก

ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่กงล้อเทพแปดวงผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดรวมเข้าด้วยกัน ก็ยังด้อยกว่ากงล้อเทพเพียงวงเดียวในตอนนี้ของเขาเสียอีก!

“ความรู้สึกอันแข็งแกร่ง……นานมากแล้วนะที่ไม่ได้เจอ……”

หรี่ตาลงเล็กน้อย หลัวซิวกางแขนสองข้างออก แสงเซียนที่อยู่รอบกายเจิดจรัสขึ้นเรื่อย ๆ เขาสัมผัสได้ถึงพลังของตนเองในตอนนี้ ทัดเทียมได้กับพลังการต่อสู้ในตอนที่เขาอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดขั้นสูงในชาติก่อน

ตอนเขาเป็นไท่ซ่างฉิงในชาติที่แล้ว เดิมก็เป็นผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศไร้เทียมทาน มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดขั้นสูงเทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าขั้นปฐมภูมิ!

ทุกอย่างเป็นไปตามที่หลัวซิวคาดการณ์เอาไว้ เมื่อผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพ เช่นนั้นพลังการต่อสู้ของเขาก็จะก้าวเข้าสู่ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า!

นับจากนี้เป็นต้นไป ต่ำกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ก็จะไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของเขาอีกแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง!

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท