มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2903
ความเร็วในการโบยบินของเมืองต้าฮวงโบราณรวดเร็วอย่างยิ่ง แต่ดาราจักรวาลที่มืดมนเย็นเยือกกว้างใหญ่มากเกินไป ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีประสบการณ์ในการเดินทางมาก่อน มันกลับจะทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านบนรู้สึกว่าเมืองต้าฮวงโบราณไม่ได้เคลื่อนที่แต่อย่างใด
แดนบรรพกาลไม่ธรรมดามาก ๆ สำหรับสถานที่ที่ลึกลับแห่งนั้น หลัวซิวในอดีตชาติก็เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันเช่นกัน เนื่องจากเขาเคยไปที่ดังกล่าวมาก่อน
ภายในแดนบรรพกาลเต็มเปี่ยมไปด้วยสิ่งอันตรายต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็มีโชคโอกาสจำนวนมากด้วย ยกตัวอย่างเช่นของขลังพรสวรรค์อย่างเตากลั่นนภาจื่อเซียว ก็เป็นหนึ่งในสมบัติที่เขาได้รับจากแดนบรรพกาลนี่แหละ
หากเป็นอดีต ขอแค่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้าเป็นต้นไปก็มีคุณสมบัติที่สามารถเข้าไปสำรวจในแดนบรรพกาลได้แล้ว ในยุคสมัยที่ไท่ซ่างฉิงคงอยู่ ครั้นเมื่อแดนบรรพกาลเปิดออกก็มีเทพมารระดับเก้าจำนวนมากได้รับโชคโอกาสจากแดนบรรพกาลไม่น้อยเลย ตลอดจนได้รับการถ่ายทอดสืบสานที่เก่าแก่
แน่นอนอยู่แล้วว่าแม้จะอยู่ในสภาวะที่แดนบรรพกาลเปิดออก แล้วความอันตรายที่ซุกซ่อนอยู่ภายในจะลดลงเยอะมาก ๆ ทว่าผู้แข็งแกร่งที่สามารถมีชีวิตรอดออกมาจากภายในได้นั้น ทุกคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่หาพบได้ยากมาก
สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้เลยว่าการเปิดออกของแดนบรรพกาลในครั้งนี้ บวกกับเนื่องจากมหันตภัยใกล้จะมาเยือน ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าจะมีคนตายอยู่ด้านในเท่าไหร่
ถึงแม้เงื่อนไขขั้นต่ำในการเข้าไปในแดนบรรพกาลต้องมีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้า ทว่าในบรรดากลุ่มคนที่ประมุขเต๋าฮวงโหวพามาในครั้งนี้ ผู้ที่มีผลการฝึกตนต่ำสุดก็อยู่ที่มกุฎเทพหกกงล้อ!
ยิ่งกว่านั้นคือในมุมมองของหลัวซิว มกุฎเทพหกกงล้อก็ดี จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อก็ช่าง ล้วนเป็นเพียงทหารที่มาตายฟรีเท่านั้นแหละ
แดนบรรพกาลตั้งอยู่ในส่วนลึกของห้วงดาราโลกร้าง มาตรแม้นว่าจากความเร็วในการเคลื่อนที่ของเมืองต้าฮวงโบราณ ก็ใช้เวลาเกือบสามวันเช่นกันถึงจะมาถึงทางเข้าของแดนบรรพกาล
สถานที่ดังกล่าวเป็นกลุ่มดาวปานตรีภพ รูปร่างลักษณะของกลุ่มดาวเหมือนระลอกคลื่น ซึ่งมันกำลังโคจรด้วยระดับความเร็วที่คงที่ ตรงจุดศูนย์กลางของกลุ่มดาวระลอกคลื่น มีแสงดาวที่งดงามผนึกรวมกันอย่างต่อเนื่อง และมีรูปร่างลักษณะของประตูหนึ่งบานปรากฏลาง ๆ
ขอแค่เป็นผู้ที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับแดนบรรพกาลก็ล้วนจะทราบว่า ประตูแห่งแสงดาวที่ตั้งอยู่กลางกลุ่มดาวระลอกคลื่นก็คือทางเข้าของแดนบรรพกาล
เมื่อกลุ่มดาวระลอกคลื่นหยุดโคจร ประตูแห่งแสงดาวก็จะเปิดออก
“โครม!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีคลื่นพลังที่มโหฬารพันลึกย่างกรายมา ถัดจากนั้นคูเมืองที่มืดสนิทปานหมึกก็ฉีกกระชากอนัตตา แล้วปรากฏในละแวกใกล้เคียงของกลุ่มดาวระลอกคลื่นเช่นกัน ซึ่งห่างจากเมืองต้าฮวงโบราณหลายร้อยล้านลี้
“เมืองหวูยวน?!”
กลางเมืองต้าฮวงโบราณ รูม่านตาของประมุขเต๋าฮวงโหวหดลงกะทันหัน
“เมืองหวูยวนคืออะไร? เหตุใดจึงทำให้ประมุขเต๋าฮวงโหวให้ความสำคัญมากเช่นนี้?”
“หรือจะเป็นเครื่องยุทธนาการที่สามารถเทียบทัดเมืองต้าฮวงโบราณ?”
“……”
เมื่อเห็นประมุขเต๋าฮวงโหวแสดงสีหน้าที่ดูเข้มงวด ผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็หวาดหวั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
การที่มีคุณสมบัติถูกเรียกว่าเครื่องยุทธนาการได้นั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นสมบัติระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ ยกตัวอย่างเช่เรือรบอสูรร้าง หรือหุ่นเชิดมังกรอสูรสีดำที่หุบเขาอสูรฟ้าส่งออกมาเมื่อคราวก่อน
สิ่งที่เครื่องยุทธนาการแตกต่างจากของขลังอาวุธเทพมากที่สุดก็คือ ต่อให้เป็นจอมยุทธ์แดนต่ำก็สามารถปลดปล่อยพลานุภาพของเครื่องยุทธนาการออกมาได้เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่เรือรบอสูรร้างระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ ขอแค่จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อคนหนึ่งเป็นกำลังหลัก มกุฎเทพหกกงล้อและราชาเทพเก้ากงล้อจำนวนมากเป็นกำลังเสริม ก็สามารถปลดปล่อยศักยภาพที่เทียบทัดมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อออกมาได้อย่างง่ายดายแล้ว
ถ้าเกิดไม่มีเรือรบอสูรร้าง จากพลังของมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อ แค่พลังอมตะวิชาเดียวก็สามารถขจัดคนทั้งหมดนี้ให้สิ้นซากได้แล้ว
สวนชนเผ่าฮวง รวมไปถึงกองกำลังที่มีการถ่ายทอดสืบสานลึกลับเก่าแก่ ยังมีเครื่องยุทธนาการที่ทรงพลังกว่าเรือรบอสูรร้างอยู่ ยกตัวอย่างเช่นเมืองต้าฮวงโบราณ แล้วก็เมืองหวูยวนสีดำมืดปานหมึกนี่
เมืองต้าฮวงโบราณเคยผ่านพ้นมหันตภัยแห่งการทำลายล้างในยุคต้าเหยียนมาก่อน เป็นเครื่องยุทธนาการระดับประมุขเต๋า ซึ่งต้องใช้มหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อและมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อจำนวนมากร่วมมือกัน ถึงจะสามารถฟื้นฟูพลานุภาพทั้งหมดของมันกลับมาได้โดยสิ้นเชิง
ส่วนเมืองหวูยวนก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน แม้นมันจะไม่เก่าแก่ปานเมืองต้าฮวงโบราณ ทว่ากลับมีชื่อเสียงด้านพลานุภาพที่โด่งดังมากเช่นกัน เล่ากันว่ามันถูกควบคุมโดยผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคนหนึ่งของจ่างเทียนตี้
ส่วนประมุขเต๋าแห่งจ่างเทียนตี้นั่นก็คือประมุขเต๋าหวูยวน!
“ฮวงโหว! ข้ารู้อยู่แล้วว่าบรรพจารย์ฮวงต้องส่งเจ้ามาแน่นอน”
มีคลื่นความคิดที่มโหฬารพันลึกส่งออกมาจากเมืองหวูยวน
ภายในเมืองหวูยวน ประมุขเต๋าหวูยวนกำลังนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ หลังศีรษะมีกงล้อเทพลอยอยู่สิบวง ภายในทุก ๆ กงล้อเทพล้วนมีเหวลึกซ่อนอยู่หนึ่งแห่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่มองทะลุเข้าไปภายใน ก็ล้วนแต่จะรู้สึกเหมือนวิญญาณจะถูกดูดกลืนไปยังไงอย่างนั้น
การปฏิบัติการมุ่งเป้ามาที่แดนบรรพกาลในครั้งนี้มีจ่างเทียนตี้เป็นผู้นำ สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงรวมไปถึงเผ่ามังกรไท่ชูแค่ส่งจอมยุทธ์ส่วนหนึ่งมาให้การสนับสนุนเท่านั้น
นอกจากประมุขเต๋าหวูยวนจักมาเยือนด้วยตนเอง ข้างกายเขายังมีคนยืนอยู่อีกสองคน ซึ่งก็เป็นผู้แข็งแกร่งแห่งจ่างเทียนตี้เช่นกัน คนหนึ่งคือจอมมกุฎวัฏสมุทร ส่วนอีกคนหนึ่งคือจอมมกุฎวัฏนภา
ทั้งสองคนนั้นต่างเป็นผู้สูงส่ง อีกทั้งไม่ใช่ผู้สูงส่งทั่วไปด้วย แต่เป็นผู้สูงส่งช่วงปลาย
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ทูตเพ้าขาวและผู้สูงส่งอีกห้าคนก็ล้วนยืนอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน
“หวูยวน ดูท่าจ่างเทียนตี้ของพวกเจ้าเลือกฝั่งตรงข้ามสินะ”สาเหตุที่สีหน้าอารมณ์ของประมุขเต๋าฮวงโหวดูเข้มงวดนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะเกรงกลัวศักยภาพของประมุขเต๋าหวูยวนแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะประมุขเต๋าหวูยวนปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ซึ่งนี่ก็หมายความว่ากองกำลังอย่างจ่างเทียนตี้ที่อยู่เบื้องหลังเขาได้เลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดแล้ว หรือได้ร่วมมือกับสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูแล้วนั่นเอง!
ต่อให้ไม่มีจ่างเทียนตี้ จากพลังของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด การที่จะต่อกรกับโลกาฟ้าดินหลิงหลงและโลกาเทพมังกรไท่ชู ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างลำบากแล้ว ศักยภาพด้อยกว่าหนึ่งระดับ ปัจจุบันฝ่ายตรงข้ามกลับมีจ่างเทียนตี้เพิ่มเข้ามาเป็นพันธมิตรอีก จึงทำให้แรงกดดันฝั่งโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเพิ่มขึ้นเยอะมาก!
……
นอกโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด กลางห้วงดาราแห่งหนึ่งที่ไม่ถือเป็นของโลกาใดโลกาหนึ่ง ซึ่งหน่วยองค์กรของจ่างเทียนตี้ก็ตั้งอยู่ที่นี่นี่แหละ
นี่คือโลกาแดนปริศนาแห่งหนึ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในอนัตตา ซึ่งมีนามว่าโลกาวัฏสงสาร
กลางท้องฟ้าโลกาวัฏสงสาร ราวกับมีพระอาทิตย์เก้าดวง ซึ่งในจำนวนทั้งหมดมีพระอาทิตย์แปดดวงกำลังโอบล้อมพระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งมีออร่าที่ลึกซึ้งและล้ำลึกของสังสารวัฏตลบฟุ้งอยู่รอบ ๆ
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่พระอาทิตย์แต่อย่างใด แต่เป็นสังสารวัฏนวเทพ!
มีเพียงฝึกเคล็ดวัฏสงสารเลิศล้ำถึงจะสามารถผนึกรวมสังสารวัฏออกมาได้ หลังจากผลการฝึกตนของตัวเองบรรลุถึงเทพมารระดับเก้า ทุก ๆ กงล้อเทพที่ผนึกรวมออกมาก็คือสังสารวัฏหนึ่งวง
ต่อมาหลังจากที่บรรลุถึงแดนผู้แกร่งเลิศแล้ว หากสามารถผนึกรวมสังสารวัฏทั้งสิบวงให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นนั้นก็จะสามารถหลอมสร้างสังสารวัฏที่เป็นหนึ่งเดียวในโลกออกมา ทั้งเชื่อมต่อสังสารวัฏเข้ากับสังสารวัฏของดาราจักรวาล จนบรรลุถึงแดนประมุขเต๋า
มีรูเล็ตชิ้นหนึ่งกำลังค่อย ๆ โคจรอยู่ภายในสังสารวัฏที่อยู่ตรงกลางสุด เห็นเพียงลักษณะของรูเล็ตดังกล่าวค่อนข้างผุพัง ตำแหน่งที่เป็นหัวใจหลักมีรูหรึ่งรู
และเป็นเพราะการคงอยู่ของรูดังกล่าวนี่เอง ถึงได้ทำให้การโคจรของพลังเต๋าของรูเล็ตดังกล่าวไม่สามารถบรรลุถึงแดนบริบูรณ์อย่างใจหวัง
มีเงาดำร่างหนึ่งเดินออกมาจากสังสารวัฏที่ลอยอยู่ตรงมุมขวาล่างสุด เงาร่างดังกล่าวเดินมาละแวกใกล้เคียงของสังสารวัฏที่อยู่ใจกลาง แล้วพูดอย่างเคารพนอบน้อม: “ศิษย์ขอเข้าพบอาจารย์ขอรับ”
ผู้ที่เรียกแทนตนว่าเป็นศิษย์ก็คือเมิ่งเชียนชางนั่นเอง เมื่อเขามองเห็นรูเล็ตที่อยู่ใจกลางสังสารวัฏ ก็มีความเร่าร้อนเสี้ยวหนึ่งทะลุออกมาจากแววตา เพราะเขารู้อยู่ว่าสมบัติชิ้นนี้ก็คือกงล้อวัฏจักรธรรมในตำนาน ปัจจุบันขาดแค่ลูกแก้วความเป็นตายก็สามารถทำให้มันฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยสิ้นเชิงได้แล้ว
อดีตครั้นเมื่อเขาอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ เคยได้สัมผัสกับความแข็งแกร่งของกงล้อวัฏจักรธรรมด้วยตนเองมาก่อน และยิ่งเคยใช้พลังของกงล้อวัฏจักรธรรม จนเขาสามารถข้ามขั้นต่อกรกับไท่ซ่างฉิงที่บรรลุถึงแดนผู้สูงส่งแล้วในขณะนั้น
ทว่าปัจจุบันกงล้อวัฏจักรธรรมกลับไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว
“มีเรื่องอันใดหรือ?”
มีคลื่นตัวสำนึกที่เก่าแก่สะท้อนออกมาจากกงล้อวัฏจักรธรรม
“ปัจจุบันแดนบรรพกาลเปิดออกแล้ว อีกทั้งมันได้ดึงดูดความสนใจของกองกำลังทั้งหลาย ศิษย์มีบุญคุณความแค้นบางอย่างที่ต้องไปจัดการ ได้โปรดอาจารย์ช่วยอนุมัติด้วยนะขอรับ”เมิ่งเชียนชางพูดอย่างเคารพนอบน้อม
แม้นเขาจะเป็นโอรสฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ่างเทียนตี้ แต่ถ้าเกิดไม่มีคำสั่งของอาจารย์ เขาก็ไม่สามารถจากไปได้ตามอำเภอใจเช่นกัน เวลาส่วนมากเขาล้วนฝึกตนยกระดับผลการฝึกตนของตัวเองอยู่ในสังสารวัฏ
แต่ทว่าไท่ซ่างฉิงกลายเป็นความลุ่มหลงของเขาไปแล้ว หากเขาไม่กำจัดความลุ่มหลงนี้ทิ้งละก็ เช่นนั้นต่อให้เขาจะได้รับทรัพยากรการฝึกตนที่ล้ำเลิศของที่นี่ ระดับความเร็วในการพัฒนาของผลการฝึกตนเขาก็ช้ามาก ๆ
“มันคือความลุ่มหลงของเจ้าหรือ?”
ผู้แข็งแกร่งโบราณที่อยู่ในกงล้อวัฏจักรธรรมไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ดีเหมือนกัน เจ้าก็ออกเดินทางด้วยตนเองหนหนึ่งเถิด หากความลุ่มหลงไม่หาย เจ้าก็บรรลุถึงแดนประมุขเต๋าได้ยากมาก เจ้าสามารถนำพาจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อไปสามพันคน บวกกับสมบัติที่อาจารย์ประทานให้เจ้า ต่อให้หลัวซิวนั่นที่เป็นร่างที่ไท่ซ่างฉิงกลับชาติมาเกิดจะไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอย่างแน่นอน”
“ขอบพระคุณอาจารย์อย่างยิ่งขอรับ”
“รีบไปรีบกลับ!”
เมิ่งเชียนชางทำความเคารพอย่างเคารพนอบน้อม ก่อนจะหันหลังแล้วรีบจากไป ภายในแววตามีความเกลียดแค้นที่ลึกซึ้งเป็นประกาย
“ไท่ซ่างฉิงเอ๊ยไท่ซ่างฉิง เจ้าคงคิดไม่ถึงสินะว่าผลการฝึกตนของข้าจะยกระดับเร็วเช่นนี้? ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ล้วนเป็นเพราะความเกลียดแค้นของข้าที่มีต่อเจ้า เป็นเพราะความเกลียดแค้นของข้าที่มีต่อเจ้านั้นร้อนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ข้าถึงได้รับพลังที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม!”
“ทว่าในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเพราะความเกลียดแค้นที่มีต่อเจ้าเช่นกัน จึงทำให้ผลการฝึกตนของข้าถูกพันธนาการ มีเพียงระบายความเคียดแค้นในใจออกมา ข้าถึงจะฝึกตนได้เร็วยิ่งขึ้น!”
เคลื่อนที่อยู่ในโลกาวัฏสงสาร หลังศีรษะเมิ่งเชียนชางมีกงล้อเทพลอยอยู่แปดวง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อแล้ว อีกทั้งกงล้อเทพทั้งแปดวงนี้ล้วนผนึกรวมกันถึงขีดสูงสุด ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเขาอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อขั้นสูงแล้ว!
ขอแค่ระบายความเคียดแค้นในใจออกมา เช่นนั้นเขาก็จะสามารถบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ผลการฝึกตนทิ้งห่างจากหลัวซิวไกลมาก ๆ!
ข้าที่อยู่ในแดนเดียวกันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแล้วอย่างไร? เมื่ออาศัยแดนผลการฝึกตนที่อยู่เหนือเจ้า ข้าก็สามารถสยบเจ้าได้เช่นกัน!
ไม่นานนัก เมิ่งเชียนชางก็ทำการชี้ตัวจอมยุทธ์แดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อสามพันคนด้วยตนเอง
……
ประตูแห่งแสงดาวยังไม่เปิดออก เมืองต้าฮวงโบราณกำลังประจันหน้ากับเมืองหวูยวนโดยที่อยู่ห่างกันไกลเป็นหลายร้อยล้านลี้ หลังจากประมุขเต๋าฮวงโหวและประมุขเต๋าหวูยวนแค่สื่อสารกันอย่างเรียบง่ายจบ ทั้งสองฝ่ายก็ต่างนิ่งเงียบไป
ในเมื่อเลือกข้างแล้ว เช่นนั้นจุดจบก็มีเพียงฝ่ายหนึ่งตายฝ่ายหนึ่งรอด ยังมีอะไรน่าเจรจาอีกหรือ?
ดูจากระดับความเร็วที่แสงดาวกลางกลุ่มดาวระลอกคลื่นผนึกรวมกัน ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีประตูแห่งแสงดาวถึงจะเปิดออกโดยสมบูรณ์
ในช่วงเวลานี้ บริเวณกำแพงเมืองของเมืองต้าฮวงโบราณมีผู้รับหน้าที่รับผิดชอบเฝ้ารักษาความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ส่วนหลัวซิวกลับมุ่งหน้าไปยังห้องลับฝึกตนของตัวเอง
เพียงชั่วพริบตาเดียว ระยะเวลาสองปีก็ได้ล่วงเลยไป หลัวซิวนั่งท่าขัดสมาธิอยู่ในห้องลับ อาศัยประสิทธิผลความแข็งแกร่งของยาเซียนเก้ากงล้อ ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อช่วงกลางแล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธมาเยือน แต่กลับไม่มีโอกาสจุติลงมาได้เลยด้วยซ้ำ ก็ถูกเสียงหึที่เยือกเย็นของประมุขเต๋าฮวงโหวทำให้สลายหายไปในอนัตตา
ซึ่งนี่ก็คือพลานุภาพของประมุขเต๋า เท่ากับเทียนเต้า ราวกับเทียนเต้ามาเยือนด้วยตนเอง และทัณฑ์สายฟ้าพิโรธก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทียนเต้าเท่านั้น
ภายในห้องลับฝึกตน กงล้อเทพไร้ลักษณ์ที่อยู่หลังศีรษะหลัวซิวโคจรช้า ๆ มีแสงเซียนที่งดงามตระการตาไหลเวียนออกมาจากภายใน
กงล้อเทพของเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ภายในกงล้อเทพจะมีปรากฏการณ์แปลกประหลาดต่าง ๆ ปรากฏอยู่เป็นระยะ วิวัฒนาการทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลมอัสนีม้วนซัด หยินหยางที่ลึกลับจนไม่อาจคาดเดาได้ ตรีภพตลบฟุ้ง ความเป็นความตายตัดสลับกันไปมา ห้วงเวลาหมุนเวียน
แม้นผลการฝึกตนจะยกระดับแล้ว แต่กำลังรบของหลัวซิวกลับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากเมื่อผลการฝึกตนยกระดับขึ้นมาจนถึงแดน ณ ปัจจุบัน การยกระดับศักยภาพก็เริ่มทำได้ยากมาก ๆ แล้ว
หากอยู่ในแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อขั้นปฐมภูมิ กำลังรบของหลัวซิวสามารถเทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อทั่วไป ฉะนั้นหลังจากที่ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อช่วงปลายแล้ว ก็แค่สามารถเทียบทัดมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ถ้าเกิดได้ปะทะกับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อปฐมภูมิขั้นสุดยอด เขาก็มีเพียงใช้พลังของหอคอยฮวงถึงจะสามารถต้านทานฝ่ายตรงข้ามได้
หอคอยฮวงคือไพ่เด็ดที่แข็งแกร่งที่สุดของหลัวซิว พลานุภาพของของล้ำค่าชิ้นนี้อยู่เหนือการคาดหมายของผู้คน ทันทีที่ใช้หอคอยฮวง เขาก็ถึงขั้นสามารถฝืนต้านทานจ้าวปีศาจทั้งสองแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจได้เลย ต้องท้าวก่อนว่าจ้าวปีศาจทั้งสองคนนั้น ต่างมีผลการฝึกตนอยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลายเชียวนะ