43.ศึกปาลูกบอ..
“มีอันใดรี?” กู้หรูเฟิงสงสัย
หลิ่วเจินสั่นหัวและเดินออกประตูไป “ไม่มีอันใด แค่อาจ ต้องเสียเวลาทั้งเช้ากวาดหิมะในลานบ้านนะ” หลิ่วเจินกล่าวจบ ก็บิดขี้เกียจทันที
“ข้ากวาดด้วยคน” กู้หรูเฟิงขันอาสา ครั้นแล้วก็เดินตาม หลังหลิ่วเจินออกไป
ขณะที่หลิ่วเจินกำลังยืนกวาดหิมะในลานบ้านอยู่นั้น ก็มี เด็กหลายคนวิ่งผ่านหน้าบ้านไป
“อย่าวิ่ง! อย่าวิ่ง! ข้ายังไม่ได้ตีเจ้าเลย ไม่ยุติธรรมเลย!” เด็กชายคนหนึ่งวิ่งไล่หลังเด็กอีกคนพลางร้องตะโกนเสียงลั่น
เด็กชายคนที่วิ่งนำหน้า เหลียวหลังมาสแยะยิ้มใส่คนข้าง หลัง และไม่สนใจคำพูดอีกฝ่าย ยังคงตั้งหน้าวิ่งต่อไป
ภาพนี้กระตุ้นให้หลิ่วเจินเกิดความคิดหนึ่ง หญิงสาวก้ม ตัวลง แล้วเอามือกอบหิมะบนพื้นมาปั้นเป็นลูกบอลหิมะ
“กู้หรูเฟิง!” หลิ่วเจินร้องตะโกนขึ้น กู้หรูเฟิงเมื่อถูกตะโกน เรียก ก็คิดว่าเหตุใดอีกฝ่ายจู่ ๆถึงเรียกชื่อเขา แค่เพียงคิดจะ หันหลังไป ไหล่เขาก็โดนก้อนหิมะปะทะใส่ดังพลัก โดยหิมะ บางส่วนยังคงกองอยู่บนไหล่
พอเห็นเช่นนั้น หลิ่วเงินก็หัวเราะเสียงลั่น!
“ตอบโต้ได้งุ่มง่ามอะไรอย่างนี้!” หลิ่วเจินรู้สึกว่ายามที่กู้ หรูเฟิงโดนปาลูกบอลหิมะใส่แล้วทำหน้าเต่อดำนั้น ช่างดูน่ารัก และตลกยิ่งนัก
การที่กู้หรูเฟิงตอบโต้ได้ช้าปานเต่าคลาน ช่างน่าสนุกดี
จริง ๆ
เมื่อกู้หรูเฟิงเข้าใจว่าหลิ่วเจินคงนึกศึกอยากเล่นสนุกขึ้น มา ดังนั้นชายหนุ่มจึงวางไม้กวาดไว้ข้างตัว แล้วกัมลงบรรจง ปั้นหิมะเป็นก้อนกลมสวยงาม “เรามาเล่นปาก้อนหิมะสู้กัน เจ้า ว่าอย่างไร?” ชายหนุ่มนำเสนอ
หลิวเจินเบิกบานใจ รู้สึกว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายชนะแน่
“ตกลง! ผู้แพ้ต้องทำอาหารกลางวันนะ!” หลังจากคำพูด หลุดปากออกไป หลิ่วเจิน ก็ชะงักไปนิดหนึ่ง โอ ไม่! หากให้ หมอนี่ทำอาหาร นางได้อดตายแน่ ดูท่าคงทำอาหารไม่เป็น !
“ซ้าก่อน!” หลิ่วเจินพูดต่อทันใด “ผู้แพ้จะต้องทำงานบ้าน ทุกอย่าง ! ยกเว้นทำอาหาร”
แล้วหญิงสาวก็บ่นพึมพำ “กลัวว่าอาหารที่เจ้าทำ กิน เข้าไปแล้วคงได้ผะอืดผะอมจนตายแน่”
กู้หรูเฟิงไม่ทันได้ยินที่อีกฝ่ายบ่น ซ้ำยังยอมรับกติกาที่ หลิ่วเจินเป็นผู้กำหนดด้วย “ตกลง”
ทั้งสองคนเริ่มก่อสร้างแนวป้องกันของตัวเอง
หลิวเจินโยนลูกบอลหิมะในมือเล่นเบา ๆ พลางมองไปยังกู้หรูเฟิงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วร้องถามเสียงดัง “พร้อมหรือ ยัง!”
กู้หรูเฟิงระบายยิ้มทอดมองหญิงสาว เขาเคยเล่นการละ เล่นชนิดนี้เมื่อตอนเป็นเด็ก และไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้ง
หลิวเจินเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีอย่างรวดเร็ว ลูกบอลหิมะ กระทบเข้ากับแนวป้องกันของกู้หรูเฟิง หญิงสาวมีใจเมตตาจึง ยั้งมือ เพราะกลัวทำกู้หรูเฟิงบาดเจ็บ แม้ตอนนี้เขาแทบเดินเหิน เป็นปกติแล้ว แต่ก็ไม่ควรเล่นกีฬาผาดโผนเกินไปนัก
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเล่นกันอย่างเมามันอยู่นั้น พวกเด็ก ๆก็ปืนประตู มองดูด้วยความอิจฉา นึกอยากเข้าไปร่วมเล่น ด้วย
“ทำไมเราไม่ไปเล่นกับพวกเขาเล่า?” เด็กคนหนึ่งกระซิบ
กับอีกคน
ส่วนเด็กคนอื่น ต่างมองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าควรตอบ ตกลง หรือ ไม่ควรตอบตกลงดี
“ท่านแม่บอกว่า อย่าไปเล่นกับคนบ้านนั้น” น้ำเสียงจน ใจมากของเด็กคนหนึ่งดังขึ้น พวกเขาอยากเล่นกับหลิ่วเจิน แต่ มารดาและคนที่บ้านห้ามไว้
ๆ ได้ยินสมาชิกตัวเล็ก ๆพูดขึ้น ก็เงียบกันไป หมด ทว่าดวงตาเผยให้เห็นแววความกระหายอยากพาดผ่าน
เด็กคนอื่น
พวกเด็ก ๆ ไม่เคยเล่นสนุกแบบนี้มาก่อนเลย
ไม่เช่นนั้น เราเล่นกับแป็ปเดียวก็ได้นี่? แค่แป๊ปเดียวเอง! เวลากลับบ้าน ก็อย่าไปบอกท่านพ่อท่านแม่เล่า เช่นนี้แล้วท่าน พ่อท่านแม่ก็จะได้ไม่รู้ไง” หนึ่งในเด็กกลุ่มนั้น ดวงตาพลันลุก วาบ เมื่อคิดวิธีดี ๆ ได้
เงียบงันกันไปครู่หนึ่ง และแล้วทุกๆคนก็พยักหน้ากันอย่าง
ไว
มองไปที่ฝั่งหลิ่วเจินที่นั่น หลิ่วเจินกับกู้หรูเฟิงหยุดเล่นแล้ว แล้วตัดสินใจหันไปมองที่ประตูซึ่งมีเด็กเจ็ดถึงแปดคนเกาะอยู่
พวกเด็กตัวเล็ก ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างหวาด ๆ ทั้งขัด
เขินทั้งกระอักกระอ่วน ซ้ำไม่กล้าเข้ามาถามหลิ่วเจินด้วย
หลิวเจินหมดทางเลือก จึงได้แต่เป็นฝ่ายเข้าไปหาเอง
“พวกเจ้า ว่าแต่ว่ามีธุระอันใดกับพวกเราหรือเปล่า?” หลิ่ว เงินย่อตัวก้มมองเหล่าเด็ก ๆ
พวกเขาเหลือบตามองกันและกันไปมา