มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2916
หากกล่าวว่าเคล็ดเซียนแปรเก้าที่สร้างขึ้นโดยมกุฎเต๋าหวูจี๋นั้น เป็นเส้นทางวิถีเซียนร่างศักดิ์สิทธิ์ งั้นพลังวัฏสงสารสูงสุดของมกุฎเต๋าสังสารวัฏก็เป็นการฝึกฝนช่องจิตให้กายเป็นเส้นทางวิถีแห่งเซียน
ร่างเนื้อกลายเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ ช่องจิตกลายเป็นภูตเซียน ไม่ว่าจะเลือกวิธีใดในการพิสูจน์มรรคผล ในที่สุดต่างก็สามารถกลายเซียนได้
วิถีเซียนร่างศักดิ์สิทธิ์มุ่งเน้นไปที่ร่างเนื้อและพละกำลัง ในขณะที่วิถีจิตเทพภูตเซียนให้ความสำคัญกับความละเอียดอ่อนของพลังอมตะและการพัฒนาวรยุทธเซียน
นี่คือการต่อสู้ระดับเจ้ายุทธจักร และแดนผลการฝึกตนของพวกเขาได้มาถึงขอบเขตของการกลับสู่พื้นฐานแล้ว ทุกๆ ครั้งที่พวกเขาปะทะกันจะไม่มีการแพร่กระจายของพลังงานที่ซัดมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ควบแน่นและควบคุมความแข็งแกร่งตามลำดับจนถึงจุดสูงสุด
“วัฏจักรธรรม!”
หลังจากการหยั่งเชิงง่ายๆ มกุฎเต๋าสังสารวัฏได้ใช้พลังอมตะของเขา ออร่าวัฏสงสารที่แข็งแกร่งแผ่ออกมา ดึงสติของมกุฎเต๋าหวูจี๋เข้าสู่วัฏสงสารไร้สิ้นสุดในทันที
“บูม…”
พลังแห่งวัฏสงสารบดขยี้ร่างเนื้อของมกุฎเต๋าหวูจี๋เหมือนหินโม่ แต่ไม่สามารถทำอะไรร่างกายของเขาได้เลย ร่างเนื้อของเขาได้ฝึกฝนเคล็ดเซียนแปรเก้าจนถึงแดนบริบูรณ์แล้ว ถึงสถานะนิรันดร์
นี่เป็นการต่อสู้ที่ดูแล้วเรียบง่ายแต่อันตรายอย่างยิ่ง เมื่อมกุฎเต๋าหวูจี๋จมอยู่ในวัฏสงสารไร้สิ้นสุด เขาจะไม่มีวันตื่นขึ้นมา
และเมื่อมกุฎเต๋าหวูจี๋หลุดพ้นจากพันธนาการของวัฏจักรธรรม แล้วอาศัยร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่แข็งแกร่งของเขาต่อสู้ เขาก็จะสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่ มกุฎเต๋าสังสารวัฏได้!
เมื่อระดับผลการฝึกตนถึงระดับอย่างพวกเขา ก็แทบจะไม่ต่อสู้กัน แต่เมื่อต่อสู่แล้ว ก็จะเป็นกระบวนท่าสังหาร เหลือเพียงฝ่ายหนึ่งที่มีชีวิตอยู่!
…
“บูม! บูม! บูม!”
ในธรณีสำนักของอาณากระบี่หวูจี๋ ค่ายพิทักษ์เขาไม่หลงเหลือไปตั้งนาแล้ว เมิ่งเชียนชางสังหารที่ด้านหน้าของหุบเขาสยบปีศาจและโจมตีทางเข้าของหุบเขาสยบปีศาจอย่างบ้าคลั่ง
ในระยะไกล ตู๋กูทำได้เพียงจ้องมองทำอะไรไม่ได้ เพราะออร่าของเขาถูกล็อคโดยจ้จ้าววัฏสงสารรุ่นที่แปด จ้าววัฏสงสารคนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าซึ่งมีข่าวลือมานานแล้วว่าได้เสียชีวิตไปนานแล้ว เขาไม่สามารถต่อกรได้
จ้าววัฏสงสารรุ่นที่แปดไม่ได้โจมตีตู๋กู และเขาไม่ได้ช่วยเมิ่งเชียนชางในการโจมตีค่ายกลต้องห้ามของหุบเขาสยบปีศาจ ดูเหมือนว่าภารกิจของเขาในการปรากฏตัวที่นี่เป็นเพียงเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นขัดขวางเมิ่งเชียนชางไปทำในเรื่องที่เขาอยากได้
“แครก!”
ค่ายกลต้องห้ามตรงที่ทางเข้าหุบเขาสยบปีศาจไม่แข็งแรง ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเมิ่งเชียนชางที่อยู่ในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า สามารถทำลายลงไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นบุกเข้าไปในหุบเขาสยบปีศาจ
สำหรับเมิ่งเชียนชาง แม้ว่าจะเป็นในอดีตที่ไท่ซ่างฉิงปกครองหุบเขาสยบปีศาจ เขาก็ยังสามารถบุกเข้ามาได้ และเขาจะไม่คิดว่ามีอะไรในหุบเขาสยบปีศาจที่สามารถคุกคามเขาได้
แต่คราวนี้ เมิ่งเชียนชางคิดผิดแล้วเพราะหลัวซิวใช้ประโยชน์จากโอกาสที่จะได้รับรางวัลสำหรับการทะลวงด่านของวังเซียนศักดิ์สิทธิ์ และแลกเปลี่ยนวัสดุระดับสูงจำนวนมากจากคลังสมบัติของมกุฎเต๋าหวูจี๋ แล้วสร้างค่ายกลระดับเจ้ายุทธจักรใหญ่ในหุบเขาสยบปีศาจ!
ไม่เพียงแค่นั้น ค่ายกลขนาดใหญ่นี้รวมการโจมตีและการป้องกันในหนึ่งเดียว ยังใช้ศิลาเทวชิงเทียนและฮู้เทวชิงเทียนเป็นแกนหลักของค่ายกล!
“โครม!”
ทันทีที่เมิ่งเชียนชางก้าวเข้าสู่หุบเขาสยบปีศาจ ศิลาเทวสีเขียวสีเขียวลักษณะราบเรียก็ตกลงมาจากท้องฟ้าและกดทับเขา
สัมผัสแห่งเต๋าของพลังแห่งชิงเทียนไหลเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และพลังปราบปรามอันน่าสะพรึงกลัวก็ลงมา ทำให้สีหน้าของเมิ่งเชียนชางน่าเกลียดอย่างยิ่งในทันที
“ค่ายกลระดับแดนผู้สูงส่ง? คาดไม่ถึงว่าไท่ซ่างฉิงจะเต็มใจเอาออกมาใช้! นั่นคือสมบัติของ ประมุขเต๋าชิงเทียนสมบัติที่สูญหายไปหลายชิ้นกลับตกไปอยู่ในมือของไท่ซ่างฉิง!”
แม้จะอยู่ในสถานะถูกกดทับ เมิ่งเชียนชางก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า ครั้งนี้ที่เขามาเพื่อระบายความเกลียดชังและความแค้นที่มีต่อไท่ซ่างฉิง เป็นค่ายกลระดับแดนผู้สูงส่งเหมือนกัน ค่ายพิทักษ์เขาของอาณากระบี่หวูจี๋ขัดขวางเขาไม่ได้ ค่ายกลนี้ของหุบเขาสยบปีศาจก็อย่าแม้แต่จะคิด!
ฮู้ดับต้องห้าม!
เมิ่งเชียนชางพลิกมือและหยิบฮู้สีดำออกมาอีกครั้ง ฮู้ดับต้องห้ามนี้ไม่ใช่ของใช้ครั้งเดียว แต่สามารถใช้ได้สามครั้ง จนถึงตอนนี้เขาใช้เป็นครั้งที่สองเท่านั้น
“พรึบ!”
ลำแสงสีดำฟาดฟันออกไป เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่ฉีกค่ายพิทักษ์เขาของอาณากระบี่หวูจี๋ออก ค่ายกลขนาดใหญ่ที่ใช้ศิลาเทวชิงเทียนเป็นแกนค่ายกลนั้นถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ในพริบตา
ความรู้สึกถูกกดทับและไม่สามารถขยับหรือเคลื่อนไหวได้หายไป และในขณะเดียวกันเมื่อค่ายกลได้ถูกทำลายลง ศิลาเทวชิงเทียนก็กลายเป็นสิ่งที่ไร้เจ้าของไปชั่วขณะหนึ่ง
“อัญประมุขเต๋าเป็นของดีและหายาก ข้าเอาแล้ว!”
เมิ่งเชียนชางหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง เอื้อมมือไปคว้าศิลาเทวชิงเทียนมาไว้ในมือ พลังแห่งวัฏสงสารพลุ่งพล่าน และเอาสมบัตินี้ให้กลายเป็นของเขาเอง!
เมื่อเมิ่งเชียนชางทำลายสยบต้องเทพของหุบเขาสยบปีศาจลงและบังคับยึดกลั่นแปรศิลาเทวชิงเทียน สีหน้าของหลัวซิวซึ่งอยู่ห่างไกลในแดนบรรพกาลก็เปลี่ยนไปทันที!
เพราะไม่ว่าจะเป็นค่ายกลของหุบเขาสยบปีศาจหรือศิลาเทวชิงเทียนก็ล้วนมีตราประทับของเขาอยู่ เมื่อมีปัญหา เขาจะสัมผัสได้ทันที
ในเมืองต้าฮวงโบราณ หลัวซิวกำลังประชุมกับประมุขเต๋าฮวงโหวและเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงเกี่ยวกับการแบ่งแดนบรรพกาล เพราะรอบแดนบรรพกาลมีพื้นที่มากมายและมีโอกาสมากมายด้วย
ตามข้อเสนอของประมุขเต๋าฮวงโหว ส่วนนอกของแดนบรรพกาลนั้นแบ่งออกเป็นสามส่วนหลัก ๆ เมืองต้าฮวงโบราณ อาณากระบี่หวูจี๋และตระกูลเทียนฮวงต่างปกคลุมพื้นที่หนึ่งเพื่อรับสมบัติและโอกาส
แน่นอน ในบรรดาสามพื้นที่ที่ถูกแบ่งออก ตระกูลเทียนฮวงครอบครองพื้นที่ส่วนที่เล็กที่สุด
สำหรับที่หลัวซิวสามารถได้รับพื้นที่ที่มากขึ้น เพราะเขาพึ่งพาต้วนคงซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าที่อยู่เคียงข้างเขา
เกี่ยวกับการแบ่งพื้นที่นี้ ประมุขเต๋าฮวงโหวไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก ในฐานะเป็นคนที่เดินออกมาจากดินแดนบรรพบุรุษของชนเผ่าฮวง เขารู้ดีว่าพื้นที่ที่แบ่งมานี้ในตอนนี้เป็นเพียงส่วนรอบนอกของแดนบรรพกาล สิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้แข็งแกร่งมกุฎเต๋ามีเพียงการสืบทอดของผู้แข็งแกร่งวิถีแห่งเซียนเหล่านั้นในส่วนที่ลึกที่สุดของแดนบรรพกาล
เดิมที ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย และรอเพียงนำพาผู้คนของหุบเขาสยบปีศาจมาสำรวจแดนบรรพกาลตามหาโอกาส แต่หลัวซิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหุบเขาสยบปีศาจในหัวเลี้ยวหัวต่อนี้!
“หลัวซิว เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เจ้าสำนักน้อยหลัว เหตุใดเจ้าจึงตื่นตระหนกเช่นนี้?”
“อาณากระบี่หวูจี๋ธรณีสำนัก?”
เมื่อเห็นหลัวซิวยืนขึ้นอย่างกระทันหัน โดยมีออร่าที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา พวกประมุขเต๋าฮวงโหว เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงและ ฮวงเจิ้นเทียน อดไม่ได้ที่จะดูแปลก ๆพร้อมถามออกมา
“มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับธรณีสำนัก ข้าขอตัวก่อนนะ”
หลัวซิวกลับมามีสติสัมปชัญญะ ตระหนักได้ว่าเขาเสียมารยาท คำนับขอโทษและเดินออกจากห้องโถงทันที
“ธรณีสำนักแห่งอาณากระบี่หวูจี๋?”
เมื่อเห็นหลัวซิวจากไป ประมุขเต๋าฮวงโหวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขานึกไม่ออกเลยว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดอะไรขึ้นกับธรณีสำนักแห่งอาณากระบี่หวูจี๋
คนทั่วไปไม่รู้ แต่เขารู้ชัดเจนว่าภูมิหลังของอาณากระบี่หวูจี๋นั้นไม่ธรรมดา
เมื่อหลัวซิวเดินออกจากห้องโถงใหญ่ของเมืองต้าฮวงโบราณ อารมณ์ที่ผันผวนของเขาก็ค่อยๆ สงบลง
ต้วนคงและผู้บัญชาการอีกห้าคนตามหลัวซิวอย่างใกล้ชิด พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถามคำถามใด ๆ
“มีคนพยายามกลั่นแปรศิลาเทวชิงเทียนของข้า เป็นใคนกัน?”
ดวงตาของหลัวซิวหรี่ลงเล็กน้อย เขาวางศิลาเทวชิงเทียนในหุบเขาสยบปีศาจเป็นแกนหลักของค่ายกล ตอนนี้ ถูกกลั่นแปรแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นในหุบเขาสยบปีศาจแน่
แต่สิ่งที่ทำให้หลัวซิวงงงวยก็คือหุบเขาสยบปีศาจตั้งอยู่ในธรณีสำนักของอาณากระบี่หวูจี๋ และในธรณีสำนักมีศิษย์พี่ตู๋กูเฝ้าอยู่ เป็นไปได้ไหมว่ามีผู้ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋ามาลอบโจมตีธรณีสำนักอาณากระบี่?
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋า แต่เบื้องหลังอาณากระบี่หวูจี๋ก็คือมกุฎเต๋าหวูจี๋จากโลกาอนัตตาอู๋จี๋นี่!
เป็นเพราะความคิดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของหลัวซิวสงบลง แต่ในใจของเขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น
เพราะถ้าเป็นศัตรูที่ศิษย์พี่ตู๋กูของเขาและแม้แต่อาจารย์มกุฎเต๋าหวูจี๋ของเขาก็หยุดยั้งไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าหุบเขาสยบปีศาจกำลังตกอยู่ในอันตราย?
“เยว่เอ๋อร์ ซีหลัว…”
เหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่ จี้หานยู่ จี้เสี่ยวจื่อ ฉียู่หรง เสิ่นปิงหยู ใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายก็ปรากฏขึ้นในสมองของหลัวซิว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้อุทิศตนให้กับการฝึกตน แม้ว่าเขาจะอยู่กับทุกคนในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ในใจของหลัวซิว เขามักจะถือว่าพวกเขาเป็นคนใกล้ชิดที่สุดและไม่อนุญาตให้พวกนางได้รับอันตรายใดๆ
“กองทัพไจ๋เฉิงอยู่ต่อ! คนอื่นๆ ตามข้ามา!”
หลัวซิวไม่ใช่คนที่ไม่เด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจกลับไปทันที สำหรับเรื่องการแบ่งพื้นที่ของแดนบรรพกาล ก็เพียงพอแล้วที่จะปล่อยให้ไจ๋เฉิงอยู่ต่อคนเดียว
ทันทีหลังจากนั้น ผู้บัญชาการต้วนคงได้ใช้ผลการฝึกตนของประมุขเต๋าเพื่อทำการย้ายที่ นำหลัวซิวและกองทัพเทพมารที่เหลือพุ่งไปยังแผ่นดินใหญ่ของโลกร้างด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
…
มีค่ายกลต้องห้ามสามชั้นในค่ายกลของหุบเขาสยบปีศาจและแต่ละชั้นของต้องห้ามนั้นต่างมีแกนหลักหนึ่งอัน
อาศัยพลังของฮู้ดับต้องห้าม เมิ่งเชียนชางเข้าสู่หุบเขาสยบปีศาจโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เลย นอกจากนี้ศิลาเทวชิงเทียนอัญประมุขเต๋าชิ้นนี้ยังถูกเขาลบตราประทับของหลัวซิวออกไป กลายเป็นขนาดเท่าฝ่ามือถูกเขาเก็บเข้าไปในระหว่างคิ้ว
“ฮ่าฮ่า จากนี้ไป จะไม่มีหุบเขาสยบปีศาจเหี้ยๆอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว!”
เมิ่งเชียนชางบินขึ้นไปในอากาศเหมือนคนบ้า สลัดความเกลียดชังและความแค้นในใจของเขา ดูเหมือนว่าแค่สามารถทำลายทุกสิ่งที่เป็นของไท่ซ่างฉิงไปได้ก็จะสามารถทำให้ใจของเขาได้รับความพึงพอใจและความสุขมากขึ้น
“โครม!”
เขาตบออกไปฝ่ามือหนึ่ง พลังแห่งวัฏสงสารก็กวาดไปทั่วทุกทิศทุกทาง และความว่างเปล่าของหุบเขาสยบปีศาจแทบจะไม่สามารถรับผลกระทบของพลังงานอันน่าเกรงขามเช่นนี้ได้ ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในอวกาศ มีรอยแตกเหมือนใยแมงมุมแตกออก
หากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไป ทั่วทั้งปริภูมิของหุบเขาสยบปีศาจจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ และทุกสิ่งจะไม่มีอีกต่อไป
เผ่าจี้ ภูเขาว่านเริ่นและตระกูลเทพสงครามที่อยู่ในหุบเขาสยบปีศาจทั้งหมดมารวมตัวกันที่ยอดเขาหลักซึ่งเป็นที่ตั้งของวังซิวหลัว นี่เป็นพื้นที่ปลอดภัยสุดท้ายของหุบเขาสยบปีศาจแล้ว
นี่เป็นต้องห้ามขั้นสุดท้ายของค่ายกลของหุบเขาสยบปีศาจ แกนหลักของค่ายกลคือฮู้เทวชิงเทียนซึ่งเป็นอัญประมุขเต๋า เป็นที่รู้จักในด้านการป้องกัน
“ฮูหยิน ไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นาน”
ในวังซิวหลัว สาวๆ ทุกคนมารวมตัวกัน หลี่ยู่และเย่ห้าวหรานลุกขึ้นยืนทันที มองไปที่เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่
“หุบเขาสยบปีศาจเป็นรากฐานที่สามีเหลือไว้ให้ จะทอดทิ้งไปทั้งอย่างนี้รึ?” เหยียนเยว่เอ๋อร์กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ข้าคิดว่าเมื่อเทียบกับรากฐานของหุบเขาสยบปีศาจ จ้าวหุบเขาไม่หวังให้ฮูหยินเกิดเรื่องใดๆ” เย่ห้าวหรานกล่าว
“ข้าและศิษย์พี่เย่รับผิดชอบด้านหลัง” หลี่หยูพูดช้าๆ
แม้ว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่อยากที่จะทิ้งหุบเขาสยบปีศาจไปเช่นนี้ แต่นางก็รู้ว่าหุบเขาสยบปีศาจไม่สามารถปกป้องได้แล้วจริงๆ
“พวกเจ้าจากไปไม่ได้ทั้งนั้น! ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับไท่ซ่างฉิง จะต้องตาย!”
เสียงที่เป็นไปด้วยความอาฆาตแค้นของเมิ่งเชียนชางดังก้องในหุบเขาสยบปีศาจ แสงสีดำเป็นเหมือนกระบี่ที่ตัดได้ทั้งโลกพุ่งมา และต้องห้ามขั้นสุดท้ายก็พังทลายลงในทันที!
หลังจากต้องห้ามขั้นสุดท้ายนี้ถูกทำลายโดยฮู้ดับต้องห้าม ทุกคนในวังซิวหลัวก็ถูกเปิดโป่งอยู่ในกระแสสัมผัสตัวสำนึกของเมิ่งเชียนชางอย่างสมบูรณ์