มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2922
ในช่วงที่หลัวซิวกลับมายังอาณากระบี่หวูจี๋ สถานการณ์ภายนอกแดนบรรพกาลก็ค่อยๆ คงที่
แม้ว่าประมุขเต๋าหวูยวนจะถูกขับไล่ แต่ทั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูก็ไม่สามารถเฝ้าดูของดีๆชิ้นใหญ่ในแดนบรรพกาลตกอยู่ในมือของโลกมหาศักดิ์แปดด้าน
ดังนั้น สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงจึงส่งประมุขเต๋าเทียนซวงมาพร้อมกับประมุขเต๋าหวูยวน ซึ่งครอบครองพื้นที่หนึ่งนอกแดนบรรพกาล
ประมุขเต๋าฮวงโหวรู้ว่าเขาคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดจะเกิดความขัดแย้งกับอีกฝ่าย และ ประมุขเต๋าเทียนซวงและประมุขเต๋าหวูยวนก็รู้เช่นกันว่าฝ่ายโลกมหาศักดิ์แปดด้านจะต้องส่งกำลังเสริมมา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดที่จะยั่วยุเมืองต้าฮวงโบราณ
ไจ๋เฉิงได้เปิดพื้นที่และสร้างวังซิวหลัวตามคำขอของหลัวซิวแล้ว ต่อไปมันจะเป็นที่พำนักของเขาและยังเป็นค่ายฐานใหญ่ของกองทัพเทพมารของเขาด้วย
หลังจากนั้นภายใต้การจัดการของหลัวซิว ผู้บัญชาการทั้งห้าและแม่ทัพทั้งสิบคนที่มีระดับผลการฝึกตนแดนผู้สูงส่งได้นำทีมออกค้นหาสมบัติในพื้นที่รอบนอกของแดนบรรพกาล ทุกครั้งที่ค้นพบสมบัติ คนรอบกายหลัวซิวจะเพิ่มผลการฝึกตนไม่มากก็น้อย ทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปตามแผนที่เขาวาง
หลังจากผลการฝึกตนบรรลุไปสู่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าขั้นปฐมภูมิ พลังแห่งการสืบทอดที่นักเซียนหลอมจิตทิ้งไว้ให้นั้นยังใช้ไม่หมดสิ้น
ในพริบตา เวลาก็ผ่านไปกว่าสิบปีในแดนบรรพกาล กองกำลังของทุกฝ่ายก็อยู่ในความสงบเสมอมา มีความขัดแย้งเป็นครั้งคราว แต่จะไม่เกี่ยวข้องมากเกินไป
เป็นเวลากว่าสิบปีแล้วที่ผลการฝึกตนของหลัวซิวไม่ได้เพิ่มขึ้นเร็วเหมือนเมื่อก่อน แต่ได้เข้าสู่กระบวนการของความมั่นคง ผลการฝึกตนตั้งแต่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าขั้นปฐมภูมิมาถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงกลางเท่านั้น
สำหรับเขาในวันนี้ หลังจากมาถึงระดับแดนผลการฝึกตนในปัจจุบัน ความก้าวหน้าของเขาเริ่มช้าลง เขาได้อุทิศกำลังบางส่วนให้กับการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับวิถีกลั่นยา วิถียุทธ์ภัณฑ์และวิถีค่ายกล
สำหรับโอกาศของแดนบรรพกาลนั้น ยาเซียนและวัสดุมากมายเป็นสิ่งที่มากนัก ระดับการกลั่นยาของหลัวซิวพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และตอนนี้เขาสามารถกลั่นยาเซียนวัฏจักรสิบระดับเจ้ายุทธจักรได้แล้ว
“พรึบ!”
ในวันนี้ หลัวซิวกำลังฝึกฝนอย่างเงียบๆในวังซิวหลัว ทันใดนั้นลำแสงหนึ่งก็บินเข้ามาในวัง กลายเป็นยันต์หยกและลอยอยู่ตรงหน้าเขา
หลัวซิวยกมือขึ้นและคว้ายันต์หยกมา และข้อมูลหนึ่งถูกส่งเข้าไปยังตัวหยั่งรู้เขาผ่านยันต์หยก
“ซากปรักหักพังเซียน?”
ข้อความในยันต์หยกมาจากศิษย์พี่ใหญ่ ฉินจ้าน และเนื้อหาของข้อความนั้นเกี่ยวข้องกับซากปรักหักพังชาวเซียน
มีซากปรักหักพังเซียนน้อยมากที่รอบนอกของแดนบรรพกาล มีผู้แข็งแกร่งมากมายนับไม่ถ้วนที่เข้าไปสำรวจแดนบรรพกาล อันที่จริงในพื้นที่รอบนอกอันกว้างใหญ่นี้ โอกาศและโชคที่แท้จริงมีไม่มากแล้ว
แต่ถ้าซากปรักหักพังเซียนปรากฏขึ้น มันจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับการสืบทอดของนักเซียนหลอมจิต หลัวซิวรู้ว่าซากปรักหักพังที่ทิ้งไว้โดยผู้แข็งแกร่งชาวเซียนเหล่านั้นมีโอกาสความโชคดีอย่างน่าอัศจรรย์!
แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะได้สิ่งที่ชาวเซียนทิ้งไว้ ตามคำกล่าวไว้จะไม่สั่งสอนวิถียุทธ์ออกไปอย่างง่ายดาย และชาวเซียนทิ้งการสืบทอดกับสมบัติของตนไว้ ก็มีเงื่อนไขและข้อจำกัดที่ยากลำบากมากมายหลายประการ
“บูม!”
รัศมีอันกว้างใหญ่แผ่ลงมาบนแดนบรรพกาล แม้แต่หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจออกมา เพราะรัศมีที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นมกุฎเต๋าหวูจี๋ ซึ่งก็คืออาจารย์ของเขากับฉินจ้าน
ชายชราในชุดคลุมสีขาวปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ หลัวซิว ฉินจานและประมุขเต๋าฮวงโหวก็ไปต้อนรับทันที
“อาจารย์!”
“มกุฎเต๋า!”
พวกเขาทั้งสามทำความเคารพด้วยความเคารพ ผู้คนจำนวนมากขึ้นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความอยากรู้ ไม่รู้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากไหน เพราะแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพเช่นนี้
ผู้ที่สามารถอยู่ในดินแดนลับโบราณเพื่อแสวงโอกาสและโชคได้อย่างผลการฝึกตนคือจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดขึ้นไปและพวกเขาต่างก็รู้ความลับโบราณไม่มากก็น้อย พวกเขาคาดเดาว่าชายชราผู้นี้ที่จู่ๆก็ปรากกตัวออกมา อาจเป็นมกุฎเต๋าใ นตำนาน!
มกุฎเต๋าและประมุขเต๋า เป็นเหมือนผู้แข็งแกร่งที่สุดและแดนผู้สูงส่ง มกุฎเต๋าเท่ากับว่าเป็นแดนสูงสุดของประมุขเต๋า เป็นประมุขเต๋าที่สูงสุด ประมุขเต๋าแดนแดนผู้สูงส่ง!
โดยทั่วไปแล้ว ตราบใดที่สามารถก้าวเข้าสู่มกุฎเต๋า แค่มีโอกาสเพียงพอ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะกลายเซียน
ด้วยเหตุนี้ แม้แต่มกุฎเต๋าหวูจี๋ก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆได้เมื่อได้ยินว่าซากปรักหักพังเซียนปรากฎขึ้นมาและมาที่นี่ด้วยตนเอง
“หวูจี๋ เจ้ามาเช้านัก”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะราบเรียบก็ดังขึ้นมา จากนั้นกระแสวังวนก็ปรากฏขึ้นในอากาศ ชายชราร่างผอมบางก็ก้าวออกมา
“โครม!”
ทันทีที่ชายชรารูปร่างผอมบางปรากฏขึ้น ก็มีปราณกดดันแข็งแกร่งลึกลับกระจายออกมาเช่นกัน กดดันจนอนัตตาสั่นสะเทือนและเกิดคลื่นกระเพื่อม
คือมกุฎเต๋าอีกคน!
“คารวะบรรพจารย์ฮวง!”
เมื่อประมุขเต๋าฮวงโหวเห็นชายชราร่างผอมคนนี้ ดวงตาของเขาแสดงความเคารพมากกว่าตอนที่เขาเห็นมกุฎเต๋าหวูจี๋ในทันที เขาก็คุกเข่าลงในอากาศโดยตรง
“บรรพจารย์ฮวง?”
“โอ้พระเจ้า หรือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งบรรพอาจารย์ท่านนั้นของชนเผ่าฮวงที่สร้างห้วงดาราโลกร้างหรือ?”
ในบรรดาผู้แข็งแกร่งมากมายในปัจจุบัน ยกเว้นแดนผู้สูงสส่งและประมุขเต๋าที่มาจากชนเผ่าฮวง แทบไม่มีใครเคยเห็นบรรพจารย์ฮวงมาก่อน แต่ระหว่างพวกเขาทุกคนตั้งแต่ที่ก้าวเข้าสู่วิถียุทธ์ก็เติบโตมาพร้อมกับตำนานของบรรพจารย์ฮวง
เพราะห้วงดาราโลกร้างถูกสร้างขึ้นด้วยมือของบรรพจารย์ฮวงผู้นี้ ความสำคัญของบรรพจารย์ฮวงต่อโลกร้างจึงไม่ธรรมดา
การมาถึงของบรรพจารย์ฮวงทำให้เปลือกตาของหลัวซิวกระตุก เขาคาดไม่ถึงไม่ใช่แค่อาจารย์ของเขามาแล้ว แม้แต่บรรพจารย์ฮวงก็มาด้วย
นี่ทำให้หลัวซิวตระหนักว่าเขายังคงประเมินความยั่วยวนของซากปรักหักพังเซียนที่มีต่อเหล่ามกุฎเต๋าเหล่านี้ผิดไป
ตอนนี้ มกุฎเต๋าหวูจี๋และมกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวง ฃก็มาแล้ว หลัวซิวใช้นิ้วเท้าก็สามารถรู้ได้ว่า มกุฎเต๋าหวูซินของ สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง มกุฎมังกรอิมเอี๊ยงไท่ชูของเผ่ามังกรไท่ชู และยังมีมกุฎเต๋าสังสารวัฏของจ่างเทียนตี้ ไม่มีความบังเอิญใด ๆ ต่างก็จะปรากฏขึ้นเพราะการปรากฏตัวของซากปรักหักพังเซียน
“บูม!”
ทันใดนั้น อนัตตาในแดนบรรพกาลก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรอีกคนก็ฉีกปริภูมิออกจากกัน ข้ามห้วงเวลามาถึง!
ร่างนั่นถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองยากที่จะมองเห็นได้ชัดเจน แต่รัศมีธรรมดั้งเดิมเสวียนหวงสองเส้นที่ไหลเวียนบนร่างกายนั้นลึกลับและทรงพลังราวกับดาราจักรวาล ซึ่งมองแล้วหวาดกลัว
“หวูซิน!”
เมื่อเห็นผู้ที่มา ดวงตาของบรรพจารย์ฮวงและมกุฎเต๋าหวูจี๋เผยร่องรอยของความเคร่งขรึมออกมาทั้งคู่ เพราะเป็นแดนมกุฎเต๋าเช่นกัน แต่ หวูซิน เป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกฝนธรรมดั้งเดิมทั้งเสวียนและหวงถึงแดนบริบูรณ์
ความเข้าใจและความเชี่ยวชาญของ หวูซิน เกี่ยวกับเต๋าเสวียนเหลืองถึงแดนแจ่มแจ้ง และเขายังหลอมรวมธรรมดั้งเดิมทั้งสองเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบและสร้างเต๋าเสวียนเหลืองขึ้นมา!
เต๋าเสวียนสอดคล้องกับธรรมเวชแห่งปริภูมิ และเต๋าหวงสอดคล้องกับพลังวิเศษพลังอมตะร้อยแปดเต๋าเสวียนเหลืองของ มกุฎเต๋าหวูซินได้เปลี่ยนแปลพลังอมตะของธรรมเวชแห่งปริภูมิไปจนถึงสุดขีดและความแข็งแกร่งก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้
เมื่อพูดถึงวิถีของแดน อาจกล่าวได้ว่าหวูซินเป็นอันดับหนึ่งในมกุฎเต๋า!
“หวูจี๋ บรรพจารย์ฮวง ไม่ได้พบกันนานเลยนะ” เสียงราบเรียบของ มกุฎเต๋าหวูซินดังขึ้นมาอย่างช้าๆ เขาแค่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างสงบ แต่ราวกับว่าเป็นภูเขากดทับลงมา
“หวูซิน ถ้ามีเพียงเจ้าอยู่คนเดียว จะหยุดข้าและบรรพจารย์ฮวงไม่ได้” มกุฎเต๋าหวูจี๋พูดอย่างเย็นชา
เขารู้ว่าต่อสู้ตัวต่อตัวเขาไม่สามารถชนะ หวูซิน ได้ แต่ถ้ามีบรรพจารย์ฮวงร่วมมือด้วยก็จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน เพราะมาถึงระดับแดนอย่างพวกเขาแล้ว ความแตกต่างของความแข็งแกร่งนั้นน้อยมาก สองต่อหนึ่งสามารถพูดได้ว่าชนะแน่นอน
“คิกคิกคิก ศิษย์พี่ทั้งสองถือว่าข้าไม่อยู่รึ?”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะที่เหมือนระฆังก็ดังออกมาจากอนัตตา จากนั้นหลัวซิวก็เห็นมือหยกฉีกอนัตตาออก และร่างเย้ายวนเดินออกมาด้วยขั้นบันไดดอกบัว
นี่คือหญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่ สวมชุดยาวสีขาวล้วน ผิวของนางใสราวกับแก้วหยก ริมฝีปากสีแดงของนางเย้ายวนใจ สายตาและรอยยิ้มของนางมีเสน่ห์ดึงดูดทุกชีวิต
มีรอยประทับดอกบัวสีดำระหว่างคิ้วของหญิงสาว หลัวซิวเคยได้ยินมกุฎเต๋าหวูจี๋กล่าวถึงว่าเป็นธรรมเวชหยินหยางสองขั้ว ตราดั้งเดิมของเต๋าหยิน
และตัวตนของผู้หญิงคนนี้ก็ถูกเปิดเผย หนึ่งใน มกุฎมังกรของเผ่ามังกรไท่ชู มกุฎมังกรอิม!
สมัยต้าเหยียน สิ่งมีชีวิตสองชนิดเกิดขึ้นจากตรีภพอิมเอี๊ยงไท่ชู เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ของธรรมเวชหยินหยาง(อิมเอี๊ยง)ดั้งเดิม สามารถพูดได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปลายเท้าก้าวเข้าสู่อสูรจิตโดยกำเนิด ซึ่งแม้แต่ยักษ์ตรีภพก็ไม่สามารถเทียบได้
สิ่งมีชีวิตทั้งสองนี้เรียกตัวเองว่าเผ่ามังกรไท่ชู คนหนึ่งคือมกุฎมังกรเอี๊ยงและอีกตัวคือ มกุฎมังกรอิม บอกว่าเป็นพี่น้องกัน
ทันทีที่ มกุฎมังกรอิมปรากฏตัว ในระดับความแข็งแกร่งของมกุฎเต๋า ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานการณ์สองต่อสองและไม่มีใครได้เปรียบ
สีหน้าของมกุฎเต๋าหวูจี๋และมกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงก็เคร่งขรึมขึ้นทันที
“ศิษย์น้องอิม ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ศิษย์พี่เอี๊ยงยังคิดที่จะหลบๆซ่อนๆรึ?” มกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงพูดอย่างเย็นชาพร้อมกับเจตนาสังหารที่ไม่เปิดบังแผ่ออกมาจากเขาร่าง
หลายปีก่อนเมื่อราชาเซียนกำลังจะสิ้นใจ ระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องกลายเป็นศัตรูกัน ศิษย์น้องที่เหมือนเด็กสาวคนนี้ลอบทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมและเกือบทำให้เขาตาย บรรพจารย์ฮวงจะไม่มีวันลืมความแค้นนี้แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน
“ทำไม? ศิษย์พี่บรรพจารย์ฮวงอยากจะต่อสู้รอบหนึ่งรึ?” ริมฝีปากสีแดงของ มกุฎมังกรอิมยิ้มอย่างเยาะเย้ย “ถ้าศิษย์พี่หวูจี๋ไม่อยู่ที่นี่ พึ่งแขนขาที่แก่ชราของเจ้า พี่ชายของข้าไม่ต้องต่อสู้ ศิษย์น้องคนเดียวก็สามารถฟันเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ได้”
“เจ้าช่างกล้าพูดนัก!” บรรพจารย์ฮวงตะคอกด้วยความโกรธ ร่างผอมเล็กของเขามีปราณกดดันแผ่ออกมามากมาย มีแนวโน้มที่จะโจมตี
การสนทนาระหว่างมกุฎเต๋า ถูกแยกออกจากกันในห้วงเวลาและสถานที่ ผู้คนที่อยู่ด้านล่างจะไม่ได้ มีเพียงหลัวซิว ฉินจ้านและประมุขเต๋าฮวงโหวที่ยืนอยู่ด้านหลังมกุฎเต๋าทั้งสองเท่านั้นที่สามารถได้ยินการสนทนาเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
พวกเขารู้ถึงความเป็นปรปักษ์ระหว่างเหล่ามกุฎเต๋า ดังนั้นมกุฎเต๋าทั้งสองจึงไม่หลีกเลี่ยงพวกเขา
“อย่าหุนหันพลันแล่น” มกุฎเต๋าหวูจี๋มองบรรพจารย์ฮวงและพูดว่า “ยังไม่ถึงเวลาสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย”
หลังจากได้ยินแบบนี้ มกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงหายใจเข้าลึก ๆ และเก็บเจตนาสังหารทั้งหมดที่พุ่งพล่านรอบตัวเขากลับไป เขาเข้าใจว่ามกุฎเต๋าหวูจี๋หมายถึงอะไร ตอนนี้ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายใกล้เคียงกัน หากต่อสู้กันจริงๆจะทำให้ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บสาหัสหรือสถานการณ์ที่ไม่มีใครทำอะไรใครได้
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขากำลังแย่งชิงกันนั้นคือโอกาสหนึ่ง ไม่ว่าฝ่ายใดจะกลายเซียนก่อน ผู้ชนะสุดท้ายจะเป็นฝ่ายนั้น
“ข้าคิดว่าเราสามารถคุยกันดีๆ” มกุฎเต๋าหวูจี๋มองไปที่ มกุฎเต๋าหวูซินและ มกุฎมังกรอิมที่อยู่ตรงข้ามกัน
“มีความคิดนี้พอดี เจ้าอยากคุยอย่างไร?” ในแสงสีทอง ดวงตาคู่หนึ่งดูเหมือนจะสามารถมองทะลุทะลวงทุกสิ่งได้ สบตากับมกุฎเต๋าหวูจี๋
“ข้าคิดว่าดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนนั้นพวกเจ้าก็ต้องเคยเห็นมาก่อนแล้ว เพราะมีมาเนิ่นนานเกินไป ปริภูมิของดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนนั้นไม่มั่นคงนัก หากระดับประมุขเต๋าขึ้นไปบุกเข้าไปแล้วต่อสู้กัน จะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงจนปริภูมิพังทลาย มีชาวเซียนทิ้งทางสุดท้ายไว้ เมื่อพังทลายลง ทุกสิ่งภายในจะถูกทำลาย”
มกุฎเต๋าหวูจี๋ดูเหมือนจะคาดถึงสถานการณ์นี้ไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดโดยไม่ลังเลใดๆ ว่า “ดังนั้นข้อเสนอของข้าจึงง่ายมาก นั่นคือฝ่ายเราทั้งคู่จะต้องให้คนที่มีแดนต่ำกว่าระดับประมุขเต๋าเท่านั้นที่จะเข้าสู่ดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนได้ โอกาสและประโยชน์ที่ได้จากดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน ขึ้นอยู่กับความสามารถของตนเอง”