มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2923 ดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2923 ดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน

มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2923

ทั้ง หวูซิน และมกุฎมังกรอิมไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธข้อเสนอของมกุฎเต๋าหวูจี๋ เพราะมันเป็นทางออกที่ดีที่สุด

แน่นอน ก่อนหน้านั้นพวกเขาได้ไปดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนก่อนแล้ว และพบสมบัติสามชิ้นในดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนด้วย

สมบัติทั้งสามนี้คือเข็มทิศสาสน์เต๋า รากเซียนน้ำไฟและไข่มุกสาสน์เต๋า

เข็มทิศสาสน์เต๋าไม่ใช่มณีวิถีเซียน แต่เป็นตัวอ่อนของ มณีวิถีเซียนซึ่งก็คือ มณีเซียนที่ยังไม่ได้แปลงร่าง

สมบัติดังกล่าวอาจไม่มีค่าเท่ากับมณีเซียน แต่สามารถหลอมละลายได้ง่ายกว่า ถ้าใครได้มัน และมรรคผลกลายเซียนในอนาคต เข็มทิศสาสน์เต๋าก็จะได้รับการเลื่อนขั้นและกลายเป็นภัณฑ์เซียนชิ้นหนึ่งที่ทรงพลัง

สำหรับรากเซียนน้ำไฟก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นสมบัติของระดับโอสถเซียน และผลไม้ที่ผลิออกนั้นมีพลังแห่งวิถีแห่งเซียนน้ำและไฟ และอาจจะถูกกลั่นเป็นโอสถเซียน ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าทะลุพันธนาการ ทะยานเซียนในบัดดล!

แต่จะกลั่นโอสถเซียนนั้นไม่ง่ายเลย? อย่างแรกคือหาสูตรยายาก อย่างที่สองคือเซียนอัคคีในการกลั่นโอสถเซียนหายาก

เมื่อเทียบกับสองสิ่งนี้ ไข่มุกสาสน์เต๋ากลับเป็นสิ่งที่มกุฎเต๋าทุกคนให้ความสำคัญมากกว่า

สิ่งที่พวกเขาสนใจไม่ใช่พลังอมตะและวิชาที่ชาวเซียนทิ้งไว้ ตลอดกาลเวลาที่เนิ่นนาน มกุฎเต๋าหลายคนได้สำรวจโซากปรักหักพังและแดนปริศนาที่ชาวเซียนโบราณทิ้งไว้นับไม่ถ้วน และได้รับวรยุทธ์วิถีแห่งเซียนและพลังอมตะมากมาย สิ่งที่พวกเขาสนใจจริงๆ คือจะมีพลังแห่งการสืบทอดที่ชาวเซียนโบราณทิ้งไว้ในไข่มุกสาสน์เต๋าหรือไม่!

พลังแห่งการสืบทอดก็เหมือนกับความรู้แจ้ง หากแข็งแกร่งพอ มีโอกาสสูงที่มกุฎเต๋าจะฝ่าพันธนาการและกลายเซียนในบัดดล

แน่นอน มกุฎเต๋าหลายคนก็ได้สิ่งที่คล้ายไข่มุกสาสน์เต๋ามาจำนวนไม่น้อย บางไข่มุกสาสน์เต๋าก็มีพลังแห่งการสืบทอดทิ้งไว้ด้วย แต่ไม่มีโอกาสเพียงพอที่จะกลายเซียน

สมบัติทั้งสามนี้ถูกวางไว้ในซากปรักหักพังเซียน และได้รับการปกป้องโดยค่ายกลต้องห้ามที่ชาวเซียนทิ้งไว้ ค่ายกลต้องห้ามเหล่านี้แตกต่างกันไปตามแต่ละคน จะแข็งแกร่งเมื่อเจอกับผู้แข็งแกร่ง หากพวกเขาซึ่งเป็นมกุฎเต๋าเข้าไป พลังของค่ายกลต้องห้ามจะถึงมกุฎเต๋ากระทั่งระดับวิถีเซียน

และถ้าคนที่มีผลการฝึกตนต่ำเข้าไป พลังของค่ายกลต้องห้ามจะลดลงตามผลการฝึกตนของผู้ได้รับ

เห็นได้ชัดว่ามีชาวเซียนโบราณที่ทิ้งการสืบทอดไว้ที่นี่ และคนรุ่นหลังต้องเป็นคนที่โดดเด่นในแดนเดียวกันถึงจะได้มา

เมื่อมกุฎเต๋าทั้งสี่ได้เจรจากันเรียบร้อยแล้ว เรื่องต่อไปก็ง่ายแล้ว ทั้งสองฝ่ายเลือกผู้แข็งแกร่งระดับที่ต่ำกว่าประมุขเต๋าออกมา เตรียมเข้าสู่ซากปรักหักพังเซียนเพื่อสำรวจ

เดิมทีหลัวซิวคิดว่าเรื่องใหญ่เช่นการสำรวจซากปรักหักพังเซียน จะเลือกผู้แข็งแกร่งต่ำกว่าประมุขเต๋า ทั้งสองฝ่ายจะส่งผู้ผู้แกร่งเลิศเข้าไปอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็คือระดับแดนผู้สูงส่ง

แต่ในความเป็นจริง ทั่งทั่งจักรวาลรวมถึงโลกมหาศักดิ์แปดด้านหรือเผ่ามังกรไท่ชูและสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง จำนวนผู้แข็งแกร่งวิถียุทธ์ที่สามารถไปถึงแดนผู้สูงส่งนั้นมีไม่มากจนน่ากลัว

เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะส่งแดนผู้สูงส่งทั้งหมดไปยังดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน นอกจากนี้มกุฎเต๋ามีจำนวนจำกัด ทั้งสองฝ่ายส่งแดนผู้สูงส่งสิบคนและมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าหนึ่งร้อยเข้าไปในดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนแย่งเพื่อชิงโอกาสสมบัติ

ในบรรดาโควตาเหล่านี้ ไม่ขาดหลัวซิวไป เนื่องจากเพราะมกุฎเต๋าหวูจี๋ เขายังช่วยแย่งชิงโควตาให้กับสี่ผู้บัญชาการของเขาด้วยเช่นกัน

เนื่องจากผลการฝึกตนของต้วนคงถึงแดนประมุขเต๋าแล้ว เขาจึงไม่มีโอกาสเข้าสู่ดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนในครั้งนี้ แต่ฉื้อหลง ไจ๋เฉิง ตี้ขุยและเฟยเสว่ ล้วนเป็นผลการฝึกตนผู้แกร่งเลิศ และฝึกฝนวรยุทธ์วิถีแห่งเซียนพลังอมตะ จึงแข็งแกร่งยิ่งนัก

“ไปเถอะ! ขอให้พวกเจ้าโชคดี”

หลังจากเลือกจำนวนคนแล้ว มกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงก็โบกมือและมองหลัวซิวอย่างมีความหมายลึก

“ถ้ามีโอกาส ทางที่ดีที่สุดเอาไข่มุกสาสน์เต๋ามาให้ได้” เสียงของมกุฎเต๋าหวูจี๋ดังเข้ามาในหูของหลัวซิว

เกี่ยวกับสมบัติทั้งสามชิ้นในดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน หลัวซิวรู้มาจากกุฎเต๋าหวูจี๋แล้ว เขาจึงพยักหน้าโดยไม่ลังเล แม้อาจารย์จะไม่สั่ง เขาก็จะแย่งชิงสมบัติมาให้ได้มากที่สุด

ดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน ถูกปิดกั้นด้วยหมอกหนาทึบ เมื่อเข้าไป สายตาและตัวสำนึกจะถูกปิดกั้นแล้วได้รับผลกระทบ สามารถมองเห็นได้ในระยะน้อยกว่าหนึ่งร้อยเมตเมตรเท่านั้น

เดินผ่านหมอกหนา หลัวซิวไม่รู้สึกถึงออร่าอื่น ๆ หลังจากผ่านไปเกือบสองชั่วโมง หมอกที่อยู่ตรงหน้าเขาก็จางหายไป และเท้าของหลัวซิวก็เหยียบอยู่บนพื้นสีน้ำตาลเข้มแล้ว

ทันทีที่เท้าของเขาเหยียบพื้น ตัวสำนึกของหลัวซิวก็กระจายออกไป ปราศจากการจำกัดและอิทธิพลของหมอก ตัวสำนึกของเขาไม่ถูกขัดขวางใดๆ อีกต่อไป ในไม่ช้าก็สัมผัสถึงนักยุทธ์อื่นๆ ได้ผ่านหมอกเช่นกัน มาถึงดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน

นักยุทธ์บางคนที่หลัวซิวสัมผัสได้นั้นมีฝ่ายทางเขา และบางคนเป็นฝ่ายศัตรู แต่ไม่ว่ามันจะเป็นศัตรูหรือฝ่ายตนเอง ก็ไม่มีการสื่อสารระหว่างกัน ต่างกระจายแยกจากกันพร้อมกัน และหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที

หลัวซิวไม่แปลกใจกับปรากฏการณ์นี้ เพราะหลังจากเข้าสู่ดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนแล้ว แม้แต่ผู้คนจากโลกร้างก็อาจไม่ใช่ไม่มีเจตนาร้าย บางทีบางคนอาจเป็นสายลับที่ศัตรูส่งเข้ามา และอาจมีบางคนเพียงเพื่อปล้นขุมทรัพย์บนร่างกายของเจ้าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

หัวใจของผู้คนคาดเดาไม่ได้ นี่คือคุณภาพทางจิตใจที่วิถียุทธ์ผู้แข็งแกร่งทุกคนต้องมี

เมื่อมองขึ้นไป หลัวซิวพบว่าพื้นที่ในดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนนี้กว้างใหญ่มาก ท้องฟ้าทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยหมอกที่ไม่มีที่สิ้นสุด แสงสลัวเล็กน้อย และออร่าพลังเต๋าที่แผ่ซ่านไปทั่วปริภูมินี้มีออร่าของพลังแห่งวิถีแห่งเซียน

หลัวซิวหยิบม้วนหยกออกมาที่เก็บไว้ในระหว่างคิ้ว แผนที่ปรากฏขึ้นในตัวหยั่งรู้ของเขา

แผนที่นี้ได้รับมาจากมกุฎเต๋าหวูจี๋ เนื่องจากมกุฎเต๋าหวูจี๋เคยมาดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนแห่งนี้มาก่อน และตำแหน่งของสมบัติทั้งสามก็ถูกทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ม้วนหยกแล้วด้วย

หลัวซิวล็อคตำแหน่งที่ใกล้ที่สุดก่อน และหายไปทันทีในพริบตา

“สมกับเป็นซากปรักหักพังที่ชาวเซียนทิ้งไว้ มีของดีมากมาย”

หลัวซิวไม่ได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเดินทาง เพราะเขาแน่ใจว่าสมบัติทั้งสามจะไม่ได้มาง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อน

เขาเดินทางและหยุดหลายครั้ง บางครั้งจะพบยาเซียนหลายชนิดก็จะเก็บไว้ ยาเซียนที่เติบโตในซากปรักหักพังของชาวเซียนนี้ไม่ใช่ของธรรมดาแน่ อย่างน้อยก็อยู่ในระดับยาเซียนวัฏจักรเจ็ด

แม้ว่ายาเซียนระดับนี้จะมีประโยชน์เพียงเล็กน้อยสำหรับหลัวซิว แต่ผู้คนรอบตัวเขาก็ยังสามารถใช้มันได้

มีสมบัติมากมายในดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน เหล่ามกุฎเต๋าไม่อยากได้ แต่สมบัติมากมายก็มีความดึงดูดต่อแดนผู้สูงส่งและมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า มีคนเพียงสองร้อยกว่าคนจากทั้งสองฝ่ายที่เข้ามาที่นี่เท่านั้น หากแยกย้ายกันในปริภูมินี้ก็ดูเหมือนว่ามีคนน้อยมาก

อย่างน้อยหลัวซิวก็สำรวจนานแล้ว และเขาไม่เคยพบใครเลย

ยาเซียนและวัตถุดิบทุกชนิดถูกเขาโยนเข้าไปในแหวนเก็บของ หลังจากที่หลัวซิวเก็บของเข้าแหวนเก็บของจนเต็ม เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในปริภูมิ

เสียงคำรามดังขึ้นและก่อนที่เสียงจะดังเข้าไปถึงหู ตัวสำนึกของหลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงเงาสีดำที่บินมาทางเขา จะเห็นได้ว่าความเร็วของสิ่งที่โจมตีเขานั้นเร็วกว่าเสียงมาก

นี่คืออสูรมารที่เกิดและเติบโตในดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน ออร่าของมันเทียบได้กับระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า มีเกล็ดลายสีทองทั่วตัว หัวเหมือนหมาป่า มีเขาหยกขาวอยู่ระหว่างคิ้ว

“โครม!”

เมื่อเผชิญกับการลอบโจมตีของอสูรมารระดับนี้ หลัวซิวยกฝ่ามือขึ้นและกระแทกอสูรมารกระเด็นออกไป

หลังจากผลการฝึกตนถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า แม้ว่าหลัวซิวจะไม่ได้ใช้พลังอมตะวิชาลับใด ๆ ความแข็งแกร่งร่างเนื้อของเขาก็น่าตะลึงนัก เพราะเคล็ดเซียนแปรเก้าของเขาฝึกฝนจนถึงแปรที่หกตั้งนานแล้ว ร่างเนื้อแข็งแกร่ง เทียบได้กับมหาเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์

“แครก!”

ด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียว กระดูกคอของอสูรมารก็หักและมันก็กลิ้งตกลงไปหลายร้อยเมตร ร่างกายของมันใหญ่เท่าภูเขา มันพยายามที่จะยืนขึ้น แต่ยากมาก

“อสูรปลาเกล็ดทองเขาหยก? กระดูกและเกราะเกล็ดสามารถใช้กลั่นอาวุธได้ ยาอสูร เขาหยกและเลือดสามารถใช้กลั่นยาได้”

ในบรรดาอสูรมารระดับวัฏจักรเก้า มูลค่าของ อสูรปลาเกล็ดทองเขาหยกนั้นสูงมาก หากวัสดุทั้งหมดบนร่างของมันถูกขายออกไป อย่างน้อยก็สามารถแลกหินบรรพไท่ชูได้หนึ่งแสน

ถ้านักยุทธ์ที่มีพรสวรรค์ค่อนข้างสูงได้หินบรรพไท่ชูหนึ่งแสนก้อน ในเวลาหนึ่งพันปีก็เพียงพอที่จะฝึกฝนตั้งแต่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าขั้นปฐมภูมิไปถึงช่วงกลาง

ดังนั้น อสูรปลาเกล็ดทองเขาหยกนี้จึงมีค่ามาก และเพราะมูลค่าที่สูงของมัน จึงไม่ค่อยพบเห็นในโลกมหาศักดิ์แปดด้าน

“หยุดนะ!”

ในตอนที่หลัวซิวกำลังจะฆ่าอสูรปลาเกล็ดทองเขาหยก ร่างหนึ่งก็บินมาอย่างรวดเร็ว

แยกแยะจากออร่าเพียงอย่างเดียว หลัวซิวรู้ว่านี่คือนักยุทธ์จากสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง ผลการฝึกตนอยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงปลาย คนๆนี้ร่างสูงผอม ใบหน้าขาวสะอาด ผมยาวสีเทาใช้สีเหมือนใบหน้ามัดไว้ข้างหลัง แบกน้ำเต้าสีเหลืองขนาดใหญ่ที่มีรอยร้าวอยู่บนหลัง

คนผู้นี้พูดเพียงคำว่าหยุดนะ และหลังจากที่มาถึงก็โจมตีทันที มือใหญ่ที่ผนึกออกมาไปจับอสูรปลาเกล็ดทองเขาหยก ในขณะเดียวกันแสงสีดำพุ่งไปยังคิ้วของหลัวซิวด้วยจิตอาฆาตอันน่าสะพรึงกลัว

ก่อนที่จะเข้าสู่ดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน หลัวซิวได้เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับคนอื่น ๆ ตลอดเวลา แค่ผู้ชายแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงปลายคนหนึ่ง เขายังไม่สนใจ

หลัวซิวโบกมือ เปลวไฟหนึ่งพุ่งออกไป ในเปลวไฟมีความลึกลับของพลังอมตะหลอมจิตและเผามือใหญ่ของอีกฝ่ายที่คว้าอสูรปลาเกล็ดทองเขาหยกจนหมดสิ้น

สำหรับแสงสีดำที่พุ่งมานั้น ถูกปิดกั้นโดยพลังแรงเต๋าป้องกันของหลัวซิว ในขณะที่มันเข้าใกล้คิ้ว เป็นอาวุธเข็มซึ่งเป็นสีดำสนิทและมีพิษ

“โอ้?” เจ้าสามารถบล็อคท่าไม้ตายของข้าได้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเก่งเล็กน้อยด้วย”

ชายผมเทาผงะเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับมีรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของเขา

เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนในผลการฝึกตนของอีกฝ่าย เป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงกลาง มีระดับที่ต่ำกว่าตัวเขาเอง ไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังมีผู้ช่วย?

“พรึบ! พรึบ! พรึบ!..”

ในขณะนี้ ลำแสงอีกหลายแสงก็บินเข้าหาและหยุดลงข้างชายผมสีเทา

“ศิษย์พี่สวี!”

“จับอสูรปลาเกล็ดทองเขาหยกตัวนั้นได้แล้วหรือยัง? ข้ารอที่จะใช้เขาหยกของมันมากลั่นยาอยู่”

ในแสงนี้มีร่างชายหนุ่มหญิงสาวปรากฏออกมา ทุกคนสวมเครื่องแต่งกายของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องจากสำนักเดียวกัน และผลการฝึกตนของพวกเขาต่างอยู่ในมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า

“โอ้? มีผู้ฝึกฝนที่ไม่มีเพื่อนจากโลกร้าง ข้ามาฆ่าเขาเอง!”

ชายหนุ่มคนหนึ่งสังเกตเห็นหลัวซิว ร่างของเขาหายไปราวกับสายลมในทันที และลอยมาอยู่ข้างหลังหลัวซิวในทันที

เขาฝึกฝนธรรมเวชวายุ และไม่มีเงาหรือรูปร่างใดๆ ระหว่างการโจมตี ลมใบมีดสีเขียวควบแน่นอยู่บนมือของเขา ฟันไปที่คอของหลัวซิวโดยไม่ส่งความผันผวนใดๆออกมาแม้แต่น้อย

“วายุพิโรธ!”

ใบหน้าของชายหนุ่มเย้ยหยัน ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างภูมิใจในพลังอมตะที่เขาแสดงออกมา

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท