มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2925
ออร่าความกดดันของผู้แกร่งเลิศระดับแดนผู้สูงส่งสลายไป ทำให้นักยุทธ์คนอื่นๆ ที่รวมตัวกันอยู่ใกล้ ๆ ถอยหนีทันที
ภายใต้ออร่าการล็อคตัวของคู่ต่อสู้ สีหน้าของหลัวซิวเผยให้เห็นถึงความเคร่งขรึม เตาอลวนหวูจี๋บินออกมาจากร่างกายของเขาและลอยอยู่เหนือหัวของเขา
“โอ้? เจ้ายังต้องการที่จะต่อต้าน?”
เมื่อหมอกสีดำที่ผนึกเป็นใบหน้าขนาดใหญ่เห็นการกระทำของหลัว เจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัวก็รุนแรงยิ่งขึ้น
“บูม!”
ร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากหมอกสีดำ และชายร่างกำยำที่มีความสูงเกือบสองเมตรก็มาอยู่ตรงหน้าหลัวซิวในทันที
เบื้องหลังชายร่างกำยำคนนี้ มีกงล้อเทพสีดำสนิทสิบกงล้อลอยอยู่ราวกับดวงอาทิตย์สีดำสิบดวง แสงโดยรอบทั้งหมดถูกกลืนหายไป ปริภูมิที่มีรัศมีหลายพันลี้รอบตัวเขากลายเป็นปริภูมิมืดมิด
เต๋าไท่หยิน!
ที่นี่คือผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของเผ่ามังกรไท่ชูและเป็นผู้แกร่งเลิศระดับแดนผู้สูงส่งที่มีสายเลือดของมังกรคู่อิมไท่ชู ซึ่งฝึกฝนเต๋าไท่หยิน
เต๋าไท่หยิน ก็เป็นธรรมดั้งเดิมอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวแทนของความมืดมิดและความเย็นจัด
ผู้แข็งแกร่งของเผ่ามังกรไท่ชูคนนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแค่ปล่อยพลังเต๋าของเขาออกมา ก็สร้างอาณาจักรกำลังเหมือนวังวน ปิดผนึกและครอบคลุมปริภูมิรอบ ๆ หลัวซิวอย่างสมบูรณ์
“แดนผู้สูงส่งเจ๋งนักรึ?”
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แกร่งเลิศระดับแดนผู้สูงส่ง การตอบสนองของหลัวซิวนั้นง่ายมาก ภายใต้พลังแห่งวิถีแห่งเซียน เขาโบกมือ และรอยมือขนาดใหญ่ของราชาเซียนก็ปรากฏออกมา
อาณาจักรปริภูมิกรแห่งความมืดถูกปั่นป่วน มือใหญ่ที่ผนึกจากแสงเซียนเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้า ราวกับแสงอรุณเดียวในความมืด
แม้ว่าระดับผลการฝึกตนของหลัวซิวจะอยู่ในระดับของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า แต่เขาแตกต่างมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าทั่วไปตรงที่พลังที่เขาควบคุมไม่ใช่พลังวิถีมหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่เป็นพลังแห่งวิถีแห่งเซียน
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อ่อนแอกว่าแดนผู้สูงส่งในด้านของระดับพลังที่เขาควบคุม!
“ไอ้อุกอาจที่ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว!”
เมื่อเห็นมดจิ๋วระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าตัวหนึ่งกล้าที่จะโจมตีเขา แดนผู้สูงส่งของเผ่ามังกรไท่ชูแสดงรอยยิ้มเย้ยหยัน เสื้อคลุมสีดำของเขาปั่นป่วนขึ้นมา แรงเต๋ามหาศักดิ์แผ่ออกมา กลายเป็นมังกรดำยาวสามหมื่นเมตร ดุร้ายและน่าสะพรึงกลัว
บูม!
กรงเล็บของมังกรดำมีขนาดใหญ่เท่าภูเขา ลื่นกรงเล็บออกมาคว้าตัวหลัวซิว ภายใต้การปราบปรามของแรงเต๋ามหาศักดิ์ เขามั่นใจว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าเล็กๆคนหนึ่งจะไม่สามารถต้านทานได้เลย และการจับนี้สามารถบดขยี้เขาให้ตายได้อย่างง่ายดายนับครั้งไม่ถ้วน
แล้วอัจฉริยะวิถีแห่งเซียนแล้วยังไง? ช่องว่างระหว่างมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าและแดนผู้สูงส่งนั้นไม่สามารถชดเชยได้ด้วยพรสวรรค์!
เสียงปังดังก้องกังวาน รอยมือขนาดใหญ่ของราชาเซียนก็ปะทะเข้ากับกรงเล็บของมังกรดำในทันที
ผลพวงของพลังจากการทำลายล้างกระจายออกไป แต่ถูกผูกมัดไว้ในอาณาจักรแห่งความมืด ก่อตัวเป็นกระแสวังวนที่กลืนกินทุกสิ่ง
แต่สิ่งที่แดนผู้สูงส่งของเผ่ามังกรไท่ชูคาดไม่ถึงก็คือกรงเล็บของมังกรดำที่เขาสร้างด้วยพลังเต๋าถูกมือขนาดใหญ่ราชาเซียนบดขยี้!
“เป็นไปไม่ได้! แม้ว่ามันจะเป็นวิถีแห่งเซียนพลังอมตะ แต่เจ้าไม่สามารถใช้พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ด้วยผลการฝึกตนของเจ้าได้!”
สีหน้าของแดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชูซีดด้วยความตกใจ และในขณะนี้ ร่างของหลัวซิวได้ฉีกปริภูมิออกจากกันแล้วมาอยู่ตรงหน้าเขา
“ทะยานเซียน!”
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับแดนผู้สูงส่ง หลัวซิวรู้ดีว่าเขาสามารถต่อต้านกับอีกฝ่ายได้โดยการใช้วิถีแห่งเซียนพลังอมตะเท่านั้น
ลำแสงแห่งเซียนถูกกำเนิดขึ้นในเตาเทพ และในขณะที่แสงเจิดจ้าพุ่งออกมา แสงเซียนก็ฟันเข้าใส่คู่ต่อสู้ราวกับกระบี่
“บูม!”
แดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชูยกมือขึ้นและชกไปที่แสงเซียนกระบี่ที่สร้างขึ้นโดยพลังอมตะทะยานเซียนอย่างรีบร้อน เขามีสายเลือดของเผ่ามังกรไท่ชูอันสูงส่ง แม้ว่าเขาจะไม่เน้นการฝึกฝนวิชากลั่นร่าง ร่างเนื้อของเขาก็แข็งแกร่งนัก
หลังจากเกิดเสียงดัง ร่างแดนผู้สูงส่งของเผ่ามังกรไท่ชูก็กระเด็นถอยหลัง ความเจ็บปวดที่ฉีกขาดมาจากหมัดของเขา จากนั้นเขาก็เห็นรอยกระบี่ฟันหมัดของเขา เลือดไหลออกมา
“เจ้า… เป็นไปไม่ได้!”
แดนผู้สูงส่งของเผ่ามังกรไท่ชูไม่อยากเชื่อ มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าเล็กๆคนหนึ่งสามารถทำร้ายร่างเทพแดนผู้สูงส่งของเขาได้?
ผลการฝึกตนแดนผู้สูงส่ง พลังเต๋าของแดนผู้สูงส่ง ร่างเนื้อของแดนผู้สูงส่ง เทียบกับแดนเดียวกัน เขารู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าแดนผู้สูงส่งส่วนใหญ่
แต่อีกฝ่ายเป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า สามารถทำร้ายตัวเองได้จริงหรือ?
สีหน้าของแดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชูน่าเกลียดนัก หากยังไม่เข้าใจว่าประเมินวิธีการของคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป เขาคงไม่สามารถฝึกฝนจนถึงแดนผู้สูงส่งแล้ว
“คือพลังแห่งวิถีแห่งเซียน! พลังที่เขาควบคุมไม่ใช่พลังเต๋าที่ได้มาจากธรรมดั้งเดิม แต่เป็นพลังวิถีแห่งเซียน!”
มีประกายแสงวาวในดวงตาของแดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชู เขาไม่เคยได้ยินเลยว่าคนที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าก็สามารถควบคุมพลังแห่งวิถีแห่งเซียน เพราะแม้ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับอย่างประมุขเต๋า มกุฎเต๋า ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ควบคุมพลังแห่งวิถีแห่งเซียน
“ดีมาก คาดไม่ถึงว่าเจ้าซ่อนตัวลึกขนาดนี้!”
หลังจากคิดเข้าใจแล้ว แดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชูรู้สึกว่าเขามองเห็นผ่านความแข็งแกร่งของหลัวซิวและถอยหลังกลับในทันที
หลังจากการต่อสู้ในตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าแม้ว่าเขาจะสูญเสียบางอย่างไปแต่ก็ยากที่จะฆ่าหลัวซิวคนนี้ได้ แต่ตราบใดที่เขาพบแดนผู้สูงส่งอีกคนหนึ่งที่เป็นฝ่ายตน ถ้าทั้งสองเข้าร่วมมือกัน ก็จะสามารถฆ่าเขาด้อย่างแน่นอน
“อยากหนี? เมื่อครู่นี้จองหองนักไม่ใช่รึ? แดนผู้สูงส่งก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนักนี่นา”
หลัวซิวส่งเสียงเย็นชาและไล่ตามเขาในทันทีด้วยไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลงปริภูมิและความเร็วสองเท่า เขาดูความคิดของอีกฝ่ายออก เพราะหลัวซิวรู้ด้วยอีกฝ่ายมีแดนผู้สูงส่งถึงสิบคนในดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียนนี้ ทันทีที่พบสองคน หลัวซิวก็ไม่รู้ว่าตนเองจะสู้ได้หรือไม่
“ช่างเป็นความเร็วที่เร็วนัก คือพลังแห่งวิถีแห่งเซียนธาตุปริภูมิรึ?”
เมื่อเห็นหลัวซิวใช้ความเร็วกว่าตัวเขาเองที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนผู้สูงส่ง สีหน้าแดนผู้สูงส่งของเผ่ามังกรไท่ชูก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ไม่ ไม่ใช่แค่ธาตุปริภูมิเท่านั้น แต่ยังรวมถึงธาตุความเร็วด้วย?”
สีหน้าของแดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พลังแห่งวิถีแห่งเซียนของธาตุสองชนิด สามารถยับยั้งแรงเต๋าไท่หยินดั้งเดิมแดนสำเร็จน้อยของเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว
“หลอมจิต!”
ความเร็วของหลัวซิวเร็วเกินไป ทันใดนั้นเขาก็มาถึงหน้าแดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชู
เขาใช้วิถีไร้ลักษณ์เปลี่ยนคุณสมบัติของพลังแห่งวิถีแห่งเซียน ไฟแห่งวิถีแห่งเซียนกลั่นแปรทุกสิ่งก็พุ่งออกมา
“เจ้าอยากฆ่าข้า? ฝันไปเถอะ!”
แดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชูตะคอกด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาก็ระเบิดออกเป็นแสงมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดในทันที เผยให้เห็นเผ่ามังกรไท่ชูแท้
นี่คือมังกรดำขนาดใหญ่มาก ความกดดันที่น่าสะพรึงกลัวของมังกรกระจายออกไป ปริภูมิโดยรอบที่กดขี่ถูกทำลายล้างอย่างต่อเนื่อง
“ฟู่ฟู่ฟู่…”
เซียนอัคคีหลอมจิตลุกโชน แรงเต๋าไท่หยินที่มืดมิดและเย็นจัดเกิดเสียงดังเพราะถูกเซียนอัคคีเผาไหม้ หมอกสีขาวลอยออกมา
“โฮก!”
ดวงตาของมังกรดำเป็นสีแดง มันอ้าปากกัดหลัวซิว ปากของมังกรใหญ่นัก ฉีกอนัตตาหลายสิบลี้
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายตั้งใจที่จะทำร้ายอีกฝ่ายจนตายไปกันข้าง แม้ว่าร่างมังกรแท้ของตนจะถูกกลั่นแปรด้วยพลังอมตะหลอมจิต เขาก็จะทำให้หลัวซิวชดใช้
แม้ว่าพลังการต่อสู้ของหลัวซิวจะเทียบได้กับแดนผู้สูงส่ง แต่ร่างเนื้อของเขาไม่ได้ทรงพลังเท่ากับแดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชู ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าต้านทานการกัดของมังกรดำแดนผู้สูงส่ง
ด้วยความคิด เตาอลวนหวูจี๋บินขึ้นไปกระแทกหัวมังกรดำที่จะกัดเขาอย่างแรง
“ฟู่!”
หมอกเลือดกระเซ็นออกมา หัวของมังกรดำก็โชกไปด้วยเลือดจากการกระแทก ทำให้เกล็ดมังกรแตกเป็นเสี่ยงๆไปหลายชิ้น
แต่เพราะความฟุ้งซ่านของหลัวซิว ร่างของมังกรดำจึงหลุดออกจากพันธนาการของพลังอมตะหลอมจิต มันคำรามและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
หลัวซิวไม่ได้ไล่ล่าอีกต่อไป เพราะเขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะตามทัน เว้นแต่เขาเต็มใจที่จะบาดเจ็บสาหัสไปกันข้างหนึ่ง เขาก็จะไม่สามารถฆ่าแดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชูด้วยความได้เปรียบอย่างแน่นอน
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ หลัวซิวก็มีความเข้าใจโดยทั่วไปเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขา ด้วยแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงกลาง พลังการต่อสู้ของเขาเทียบได้กับแดนผู้สูงส่ง และแข็งแกร่งกว่าแดนผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิส่วนใหญ่ แต่ถ้าอีกฝ่ายใช้ชีวิตต่อสู่ เขาจะไม่ได้รับประโยชน์แม้แต่น้อย
เขารู้ดีว่าเขาสามารถต่อกรกับแดนผู้สูงส่งได้โดยอาศัยความแข็งแกร่งของพลังแห่งวิถีแห่งเซียน เขาแข็งแกร่งกว่าแดนผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิทั่วไปด้านพละกำลัง แต่ในด่านอื่น เขาด้อยกว่า ผู้แข็งแกร่งแดนผู้สูงส่งมาก
โดยทั่วไปแล้ว ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาสามารถเผชิญหน้ากับผู้แกร่งเลิศแดนผู้สูงส่งได้ แต่เขาต้องระมัดระวัง หากเขาไม่ระวัง อาจมีอันตรายถึงตายได้ อย่างน้อยด้วยความแข็งแกร่งทางร่างเนื้อของเขา ถ้าเขาถูกโจมตีโดยผู้แข็งแกร่งแดนผู้สูงส่ง ถึงไม่ตายก็ต้องสาหัสหนัก
ในทางตรงกันข้าม แดนผู้สูงส่งเผ่ามังกรไท่ชูซึ่งมีร่างมังกรดำถึงระดับแดนร่างเทพ ต่อต้านพลังอมตะหลอมจิตและทะยานเซียนพลังอมตะของเขา แล้วยังถูกทุบด้วยเตาอลวนหวูจี๋ ซึ่งได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ช่างน่าเสียดายที่เคล็ดเทวกลั่นวิญญาณของข้าก้าวหน้าช้า หากญาณเทวดั้งเดิมของข้าเปลี่ยนเป็นภูตเซียน พลังแห่งตัวสำนึกของข้าสามารถไปถึงแดนผู้สูงส่งได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลาที่จะใช้พลังอมตะโจมตีวิญญาณ สามารถใช้ได้อย่างมหัศจรรย์แน่นอน”
หลังจากการต่อสู้ก็จะมีการสรุปทุกครั้ง ซึ่งเป็นนิสัยของหลัวซิวมาช้านาน
อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้เช่นกันว่าสิ่งที่เขาพบนั้นเป็นเพียงแดนผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิเท่านั้น ในบรรดาแดนผู้สูงส่งสิบคนที่ศัตรูส่งเข้ามายังดินแดนแห่งซากปรักหักพังเซียน ก็มีแดนผู้สูงส่งช่วงปลายหลายคนและยังมีผู้แกร่งเลิศคนหนึ่งอีกด้วย หากเขาพบผู้แข็งแกร่งแดนผู้สุงส่งเผ่ามังกรไท่ชูคนหนึ่ง หลัวซิวคิดว่าเขาจะต้องหนีไปอย่างทุลักทุเลแน่นอน
แดนผู้สูงส่งของเผ่ามังกรไท่ชูล่าถอยไป ซึ่งทำให้หลัวซิวเป็นจุดสนใจของพื้นที่นี้ในทันที
“ท่านชายหลัว!”
“มหาจักรพรรดิยุทธ์ซิวหลัว!”
“…”
นักยุทธ์จากฝ่ายโลกร้าง จำตัวตนของเขาได้และต่างมาทักทายเขา
เมื่อก่อน หลายคนเรียกเขาว่าท่านชายหลัว เจ้าสำนักน้อยหลัว ผู้แข็งแกร่งรุ่นชราจะมองว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งกำลังมาแรงของคนรุ่นใหม่
แต่หลังจากการเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งแดนผู้สูงส่งของเผ่ามังกรไท่ชู ไม่รู้ว่าใครที่พูดขึ้นมาก่อน ทุกคนต่างเรียกเขาว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ซิวหลัว
ตราบใดที่วิถียุทธ์ผลการฝึกตนถึงวัฏจักรแปดขึ้นไป ก็มีสิทธิ์ได้รับตำแหน่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ ผลการฝึกตนของหลัวซิวได้ทะลวงไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว และเขายังสามารถต่อต้านกับผู้แข็งแกร่งแดนผู้สูงส่งได้ เขาจึงมีคุณสมบัติและเกียรตินี้อีกด้วย
และเหตุผลที่เขาถูกเรียกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ซิวหลัวนั้นก็เป็นเพราะกองทัพของเทพมารของเขา ที่อยู่นอกแดนบรรพกาลได้สร้างวังซิวหลัวขึ้นมา
เจ้าแห่งวังซิวหลัว ผลการฝึกตนก็คือมหาจักรพรรดิยุทธ์ ดังนั้นเขาก็คือมหาจักรพรรดิยุทธ์ซิวหลัว
สำหรับผู้ที่ทักทายเขาอย่างสุภาพ หลัวซิวก็ยิ้มและพยักหน้าตอบรับ ทุกคนก็มารวมตัวกันรอบๆ เขา เห็นได้ชัดว่านักยุทธ์ระดับระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าฝ่ายทางโลกร้างมองว่าเขาเป็นผู้นำ
“บูม! บูม! บูม!…”
ทันใดนั้น ออร่าที่ทรงพลังหลายออร่าก็มาถึง ผู้แข็งแกร่งระดับแดนผู้สูงส่งของฝ่ายโลกร้างและฝ่ายศัตรูต่างก็มีสามคนที่ได้มามาถึงที่นี่ในเวลาเดียวกัน