มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2933 โลกร้างเกิดเรื่องแล้ว

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2933 โลกร้างเกิดเรื่องแล้ว

มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2933

ตามคำบอกของเหยียนเยว่เอ๋อร์ หลัวซิวรู้สึกว่าผลลัพธ์จากเรื่องการพังทลายของสถานปรักเซียนแดนบรรพกาล มีความเลวร้ายมากกว่าที่คิดคิดเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ตัวของเขาอยู่ที่โลกใต้ดิน อาการบาดเจ็บบนร่างกายยังไม่ได้ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงยังไม่รู้แน่ชัดว่าสถานการณ์โลกร้างดำเนินไปจนถึงขั้นใดแล้ว

“ไปเถอะ พวกเราไปจากที่แห่งนี้กัน” หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หลัวซิวก็ตบไปที่หลังของเหยียนเยว่เอ๋อร์เบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น

ตัวสำนึกมากมายที่วนเวียนอยู่ภายนอกห้องนั้น หลัวซิวย่อมสังเกตได้อยู่แล้ว ด้วยอาการบาดเจ็บของเขาในวันนี้ไม่สามารถไปต่อสู้กับผู้ใดได้ ถึงแม้ว่าพลังของเยว่เอ๋อร์จะไม่ได้อ่อนแอ แต่หลัวซิวกลับไม่อยากให้นางต้องตกอยู่ในอันตราย

“อืม เอาตามที่ฟู่จวินว่า”

สำหรับการตัดสินใจนี้ของหลัวซิว เหยียนเยว่เอ๋อร์พยักหน้าตอบรับโดยไม่แม้แต่จะคิดสักนิด เพราะสำหรับนางแล้ว แค่เพียงสามารถอยู่เคียงข้างกับฟู่จวินได้ ไม่ว่าไปที่ใดก็เหมือนกัน

เมื่อหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์เดินออกมาจากเกสเฮ้าว์พร้อมกัน คนของตี้เทียนเจี๋ยที่ถูกส่งให้อยู่รอบ ๆ เกสเฮ้าว์ ก็รีบนำข้อมูลไปรายงานเขาทันที

“ชายผู้หนึ่งหรือ?”

เมื่อตี้เทียนเจี๋ยได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าก็เผยความประหลาดใจออกมา ตามข้อมูลที่คนของเขามี ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในเกสเฮ้าว์มีแค่เพียงนางคนเดียว แต่ตอนที่นางออกมานั้น กลับมีชายหนุ่มตามออกมาด้วย?

“ท่านชายยังจำได้หรือไม่ว่าหญิงผู้นี้เมื่อตอนที่เข้ามาในเมืองแสงดาวในมือถือหอคอยสีทองเล็ก ๆ เอาไว้?” คนรับใช้วัยชราเอ่ยพูดขึ้นอย่างกระทันหัน

“เจ้าหมายความว่า?” ตี้เทียนเจี๋ยได้ยินดังนั้น แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย

“ใช่แล้วท่านชาย ข้าน้อยสงสัยว่าหอคอยสีทองเล็ก ๆ นี้น่าจะเป็นของขลังระดับสูง เหตุที่นางอุ้มเอาไว้นั้น ก็เพราะว่านางไม่สามารถหาวิธีเก็บลงไปในแหวนเก็บของได้ ส่วนชายผู้นั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะอยู่ภายในหอคอยเล็กนั่นอยู่ตลอด”

คนรับใช้วัยชราพยักหน้าและพูดต่อ “ผลการฝึกตนของข้าน้อยก็อยู่ในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด แม้แต่ข้าน้อยเองก็ยังมองไม่ออกว่าว่าหอคอยนั้นมีสิ่งใดที่ไม่ที่ไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าของขลังชิ้นนั้นน่าจะไม่ใช่ของทั่ว ๆ ไป อย่างน้อยก็ต้องเป็นเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์”

“แค่เพียงเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ชิ้นหนึ่งมันจะไปพออะไร ข้าต้องการเพียงตัวของหญิงผู้นั้น” ตี้เทียนเจี๋ยส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ด้วยสถานะของเขาจะไปขาดแคลนของขลังศัสตราวุธระดับนี้ได้อย่างไร?

ตี้เทียนเจี๋ยไม่สนใจ แต่ลูกน้องข้างกายของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ของตี้เทียนเจี๋ย ก็รู้ได้ทันทีว่าถ้าหากสามารถเอาตัวหญิงผู้นั้นมาได้ ท่านชายก็น่าจะยกหอคอยนั้นเป็นรางวัลให้กับตนเอง

……

หลังจากเดินออกมาจากเกสเฮ้าว์ หลัวซิวก็เอาเตาอลวนหวูจี๋มอบให้กับเหยียนเยว่เอ๋อร์ ส่วนตัวเขาก็หยิบขวดหยกออกมาขวดหนึ่ง เงยหน้าขึ้นดื่มน้ำอมฤตเทียนอีภายในขวดหยกหมดภายในอึกเดียว

น้ำอมฤตเทียนอีคือยาศักดิ์สิทธิ์รักษาบาดแผล เพียงแค่หยดเดียวก็สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าฟื้นฟูบาดแผลได้ แต่หลัวซิวกลับดื่มครั้งเดียวหมดขวด

แก่นแท้ชีวีอันมหาศาลและอุดมสมบูรณ์ประทุและแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย หากดื่มน้ำอมฤตเทียนอีหนึ่งหยดเพื่อรักษาบาดแผล เป็นกระบวนการฟื้นฟูอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่นนั้นก็ดื่มครั้งเดียวหมดทั้งขวด วิธีการฟื้นฟูนั้นก็จะค่อนข้างรุนแรง เพราะว่าแก่นแท้ชีวีนั้นมหาศาลเกินไป เรียกได้ว่าเขารู้สึกเหมือนว่าร่างของเขาไม่ต่างอะไรกับลูกโป่งมันพองจนแทบจะระเบิดออก

“เยว่เอ๋อร์ ไปกันเถอะ”

หลัวซิวจูงมือของเหยียนเยว่เอ๋อร์ เดินออกมาจากเกสเฮ้าว์ทันที มาถึงยังถนนใหญ่ของเมืองแสงดาว

“แม่นางท่านนี้ ท่านชายของพวกเราเชิญท่านไปหา”

ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ เป็นคนรับใช้ชราที่ติดตามตี้เทียนเจี๋ย เขาอยู่บนที่สูงก้มมองลงมายังหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ทั้งสองคน รอบกายแผ่กระจายไปด้วยออร่าและพลังกดขี่ของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด

“มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด!”

เหยียนเยว่เอ๋อร์เห็นว่าด้านหลังศีราะของอีกฝ่ายมีกงล้อเทพทั้งแปดลอยอยู่ สีหน้าของนางก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่านางจะรู้ดีว่าระดับของชายชราผู้นี้ยังห่างชั้นกับฟู่จวินอย่างมาก แต่ในตอนนี้บาดแผลของฟู่จวินยังไม่ถูกฟื้นฟู ควรจะทำอย่างไรดี?

“ไสหัวไป!”

ในขณะที่เหยียนเยว่เอ๋อร์กำลังกังวลใจ หลัวซิวก็คำรามออกมาเสียงเย็นและลงมือในทันที เหตุเพราะบาดแผลยังไม่หายดี เขาจึงไม่สามารถใช้ผลการฝึกตนของตนเองได้ แต่ด้วยร่างของเขาเทียบเท่ากับเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ จึงยังคงสามารถสำแดงพลังรบที่เทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้

“รนหาที่ตาย!”

คนรับใช้ชราที่อยู่กลางอากาศตะโกนด้วยความโกรธ กงล้อเทพหลังศีรษะเป็นดาบเทพเล่มหนึ่ง มาพร้อมกับแสงที่ส่องประกายระยิบระยับ ฟาดฟันออกไปกลางอากาส

เสียงชิ้งดังขึ้นสะเก็ดไฟกระจายไปทั่วทิศ ดาบเทพฟาดลงมาบนฝ่ามือของหลัวซิวแล้วกระเด็นกระดอนลอยออกไป บนฝ่ามือของเขา มีร่องรอยของการบาดเจ็บหลงเหลือเอาไว้

อีกฝ่ายคือผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด ดาบเทพที่ใช้ควบคุมนั้นก็คือเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ ก็สามารถฝืนทำลายความสามารถในการป้องกันร่างเนื้อของเขาได้

คิ้วของหลัวซิวขมวดเข้าหากัน เขาคาดไม่ถึงว่าที่โลกใต้ดินแห่งนี้การเจอกับคู่ต่อสู้แบบส่ง ๆ สักคนก็เป็นถึงผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด หากว่าผลการฝึกตนของเขาฟื้นฟูแล้ว คู่ต่อสู้ระดับนี้ไม่มีทางอยู่ในสายตาของเขาแน่นอน แต่หากทำได้เพียงใช้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อนั่นก็ถือเป็นอีกเรื่อง

“เยว่เอ๋อร์ เจ้าไปก่อน”

ระหว่างที่พูด ร่างของหลัวซิวก็เหยียบขึ้นไปบนอากาศแล้ว ร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่แข็งแกร่งระเบิดพลังที่ดุดันออกมา ทำให้ปริภูมิตรงหน้าแหลกสลายเป็นผุยผง

เหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด ในตอนที่หลัวซิวบอกให้นางหนีไปก่อนนั้น นางก็ได้กลายเป็นลำแสงบินออกไปทันที เพราะนางเองก็รู้ดีว่าด้วยพลังของตนในเวลานี้ มันจะกลับกลายเป็นภาระของฟู่จวินแทน

พลังของน้ำอมฤตเทียนอีเริ่มสำแดงฤทธิ์อยู่ภายในร่างกาย ภายในร่างกายของเขาก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นแล้ว!

“ปัง! ปัง! ปัง! ……”

ดวงแสงดาบมากมายส่องประกายระยิบระยับฟาดฟันเข้ามา เห็นเพียงร่างของหลัวซิวแผ่กระจายไปด้วยแสงเซียนมากมาย ดวงแสงดาบเหล่านั้นยังไม่ทันได้เข้าใกล้ตัวเขา ก็พากันดับสูญหายไปในพริบตา

“เป็นไปไม่ได้ เจ้า……” ชายชรารับใช้ของเผ่าดินเผยสีหน้าตื่นตกใจ เขาเข้าใจดีเกี่ยวกับการโจมตีของตนเอง แน่นอนว่าย่อมรู้ดีว่าการคลายการโจมตีนี้ของตนได้อย่างง่ายดายนั้นหมายความว่าอย่างไร

“ปัง!”

ผลการฝึกตนอันน่าหวาดกลัวถูกปล่อยออกมาเป็นระลอกขึ้นจากร่างของหลัวซิว ชายชรารับใช้ของเผ่าดินก็ถือว่าเป็นผู้มากประสบการณ์ แต่กลับรู้สึกว่าเหล่าบรรดาผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าที่เขาเคยได้เห็นมานั้น ออร่ากลับไม่แข็งแกร่งเท่าชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเขาคนนี้เลย

ในเวลานี้วินาทีนี้ ชายชรารับใช้ของเผ่าดินยังมีตรงไหนที่ยังไม่เข้าใจอีกว่าตนไปยั่วยุคนระดับใดเอาไว้กันแน่ เห็นอยู่ชัดเจนว่าต้องเป็นผู้แข็งแกร่งท่านหนึ่งที่มีผลการฝึกตนอย่างน้อยคือมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ที่อีกฝ่ายไม่ได้ใช้ผลการฝึกตนในก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บและยังไม่ถูกฟื้นฟู

ในตอนนั้ผลการฝึกตนของเขาฟื้นฟูขึ้นมาส่วนหนึ่งแล้ว เช่นนั้นการที่จะสังหารเขาก็เป็นเรื่องที่ทำได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่สำคัญคือ ชายชรารับใช้ของเผ่าดินผู้นี้เป็นคนหนึ่งที่ฉลาดหลักแหลม แต่เขามาเข้าใจทุก ๆ อย่างในตอนนี้มันกลับสายเกินไปแล้ว

ศีรษะหนึ่งลอยเคว้งกระเด็นออกไป เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้าของเมืองแสงดาว แต่ร่างของหลัวซิวกลับไม่ได้หยุดลงแม้แต่น้อย วินาทีนั้นเองก็พลันหายไปที่ปลายขอบฟ้า

ตึง!

ร่างไร้ศีรษะตกลงมาจากฝากฟ้า ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยตื่นตกใจ นี่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดเชียว!

นับตั้งแต่ที่เขาได้ดื่มน้ำอมฤตเทียนอีถึงตอนที่เขาสังหารชายชรามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด เวลาทั้งหมดที่เสียไป ก็ยังไม่ถึงสิบห้านาทีเดียวซ้ำ

พลังแห่งวิถีเซียนประทุขึ้นภายในร่างกาย น้ำอมฤตเทียนอีหนึ่งขวดเต็ม ๆ ย่อมมีผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดา เมื่อฤทธิ์ของยาทำงานขึ้นมาจริง ๆ หลัวซิวก็รู้สึกได้ว่าผลการฝึกตนของตนได้เพิ่มขึ้นมาสี่ส่วนภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

เวลาแค่เพียงสิบห้านาที สำหรับหลัวซิวแล้วนั้นไม่ได้ถือว่าเป็นปัญหาแต่อย่างใดเลย เพียงแค่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของเยว่เอ๋อร์ เพียงแค่จำเป็นต้องเทเลพอร์ตสักครั้งสองครั้ง ก็สามารถใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดไปถึงข้างกายของนางได้ใน เวลานั้นต่อให้เขาต้องพบกับผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่ง เขาก็ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย

แต่เมื่อหลัวซิวปลดปล่อยตัวสำนึกออกไปสัมผัสออร่าของเยว่เอ๋อร์ สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจนน่าหวาดกลัว

เพราะว่าเขาพบว่าตนกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าของเหยียนเยว่เอ๋อร์

ด้วยพลังแห่งตัวสำนึกของเขาในวันนี้เทียบเท่าได้กับผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่ง เมื่อตัวสำนึกก็ปลดปล่อยออกไปก็สามารถครอบคลุมบริเวณพื้นที่นับสิบล้านลี้ ถึงแม้ว่าเยว่เอ๋อร์จะห่างจากตนเองไปกว่าร้อยล้านลี้ เขาก็ยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน

แต่ในเวลานี้ เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าของเหยียนเยว่เอ๋อร์ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงสองประการ

ประการแรกคือเหยียนเยว่เอ๋อร์ตายแล้ว หากว่านางตายแล้ว หลัวซิวย่อมไม่สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าที่เป็นของนางได้

แต่หลัวซิวคิดว่าความเป็นไปได้นี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเขารู้ดีว่าเยว่เอ๋อร์ได้ปลุกพลังสายเลือดวิถีเซียนขึ้นมาแล้ว รวมถึงเตาอลวนหวูจี๋ที่ตนให้ไป นอกเสียจากจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งลงมือ จึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถสังหารนางได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้

คนที่มาลงมือขวางทางของพวกเขาทั้งสองคือมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด ดังนั้นหลัวซิวจึงมั่นใจว่าน่าจะไม่มีระดับผู้สูงส่งดำรงอยู่

ในเมื่อความเป็นไปได้นี้ถูกตัดออกไปแล้ว ในมุมมองของหลัวซิว เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าของเยว่เอ๋อร์ จึงมีเพียงอีกความเป็นไปได้ที่เหลืออยู่เท่านั้น

เยว่เอ๋อร์น่าจะไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้แล้ว อาจเข้าสู่แดนปริศนา หรือถูกวาร์ปไปยังโลกอื่น

หลายปีที่ผ่านมา หลัวซิวประสบกับสิ่งต่าง ๆ มานับไม่ถ้วน ดังนั้นนอกเหนือจากความโกรธที่หาที่เปรียบไม่ได้แล้ว เขายังสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว

เพราะเขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะกระวนกระวายแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในขณะนี้คือการแน่ใจว่าเยว่เอ๋อร์หายไปที่ใด

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลัวซิวก็วกกลับไปยังเมืองแสงดาว

นับตั้งแต่หลัวซิวสังหารชายชรารับใช้ของเผ่าดิน แล้ววนกลับมายังเมืองแสงดาว เรื่องราวทั้งหมดยังใช้เวลาไม่ถึงธูปครึ่งก้าน

ร่างของชายชรารับใช้ของเผ่าดินไม่อยู่แล้ว ทั่วทั้งเมืองแสงดาวอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ดังนั้นเมื่อหลัวซิวกลับมาที่นี่ ก็มีบางคนที่จำเขาได้ในทันที

สำหรับเรื่องนี้หลัวซิวไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าเขาจงใจให้คนอื่นจำเขาได้ ส่วนจุดประสงค์ของเขาในการทำเช่นนี้คือให้อีกฝ่ายมาหาเขาด้วยตนเอง

“เป็นเจ้าเองหรือที่ฆ่าท่านไต้?”

หลังจากที่หลัวซิวเดินเข้าเมืองแสงดาวมา นักยุทธ์สองคนที่รอบกายแผ่กระจายไปด้วยออร่าของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดก็มาปรากฎตุวอยู่ตรงหน้าหลัวซิว

ในสายตาของนักยุทธ์สองคนนี้ เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาไม่ต่างจากคนตายมากนัก เพราะในโลกใต้ดินนี้ ไม่มีใครสามารถยั่วยุเผ่าดินและยังมีชีวิตรอดอยู่ได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สองคนนี้คาดไม่ถึงก็คือ เมื่อพวกเขาปรากฏตัวต่อหน้าหลัวซิวและเพิ่งพูดเพียงประโยคเดียว อีกฝ่ายกลับลงมือโดยไม่พูดอะไรสักคำ

หลัวซิวไม่มีอารมณ์จะพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเขาแม้แต่คำเดียว เขาลงมือโดยไร้ซึ่งความเมตตาใด ๆ ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เมื่อเขาลงมือกับคนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คู่ต่อสู้จะสามารถต้านทานได้

“ผุ! ผุ! ”

เลือดของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสองสาดกระเซ็น ณ ตรงนั้น เห็นเพียงหลัวซิวยกมือขึ้นแล้วคว้าช่องจิตทั้งสองจากร่างที่แหลกสลายของทั้งสอง

เขาโจมตีและทำลายร่างเนื้อของทั้งสอง แต่ไม่ทำลายช่องจิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขา เพราะเขาจำเป็นต้องรู้อะไรบางอย่างผ่านการสืบค้นวิญญาณ

“ปัง!”

เปรีบได้กับตัวสำนึงของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งที่ถูกปลดปล่อยออกมา การป้องกันทั้งหมดของช่องจิตทั้งสองในมือของเขานั้นเปราะบางพอ ๆ กับจานกระเบื้อง ความทรงจำทั้งหมดที่เก็บไว้ในวิญญาณหยั่งรู้ ก็เหมือนกับผู้หญิงที่ถูกเปลื้องผ้า ต่อหน้าหลัวซิวไม่สามารถมีความลับใด ๆ ได้เลย

“เผ่าดิน?”

มีเจตนาฆ่าในสายตาของหลัวซิว เขาไม่คาดคิดว่าผู้ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ จะเป็นคนจากเผ่าดินที่เขามองว่าเป็นพันธมิตร

เมื่อหลัวซิวอ่านความทรงจำเพิ่มเติม สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมาทันที ผลการฝึกตนของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสองคนนี้ ดังนั้นจึงรู้เรื่องราวมากกว่านักยุทธ์ทั่วไป และหลัวซิวก็ได้รับรู้จากความทรงจำในช่องจิตว่าโลกร้างเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริง ๆ!

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท