มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2946 ฮู้เซียน

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2946 ฮู้เซียน

แท้จริงแล้วไม่ต้องให้เทพธิดาหยุนเซวียนย้ำเตือน หลัวซิวก็วางแผนที่จะทำเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าแค่อาศัยพวกเขาทั้งสองคนที่มีศักยภาพเทียบเท่าผู้สูงส่งช่วงปลายร่วมมือกัน ไม่สามารถต่อกรกับผู้สูงส่งอัมพรเทวที่อยู่ในแดนผู้แกร่งเลิศได้ด้วยซ้ำ

“โครมโครมโครมโครม……”

ค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงหลายสิบค่ายระเบิดพลานุภาพที่น่าสยดสยองและมากมายมหาศาลออกมาพร้อมกัน ผู้สูงส่งอัมพรเทวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงจมหายเข้าไปในคลื่นพลานุภาพที่ไร้ขอบเขตภายในพริบตา

“ไอ้ชาติชั่ว! ที่แท้พวกมึงก็วางแผนไว้ตั้งนานแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะวางกับดักไว้ที่นี่!”

เสียงที่โกรธเกรี้ยวอย่างยิ่งของผู้สูงส่งอัมพรเทวสะท้อนมา น้ำเสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์โกรธแค้น

เนื่องจากค่ายกลที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นค่ายที่หลัวซิวจัดวางขึ้นมาด้วยมือตนเอง ดังนั้นเมื่ออยู่ภายในเขตพื้นที่ที่พลังของค่ายกลครอบคลุม หลัวซิวและเทพธิดาหยุนเซวียนทั้งสองคนก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากค่ายกลเลยแม้แต่น้อย

เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองก็ลงมือโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ผู้สูงส่งอัมพรเทวได้เล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะพลังค่ายกลหลายสิบค่ายกดอัดฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ พลังโจมตีของพวกเขาทั้งสองอาจไม่มีโอกาสได้ร่วงลงบนตัวผู้สูงส่งอัมพรเทวด้วยซ้ำ

แดนผู้แกร่งเลิศแข็งแกร่งมากจริง ๆ แต่ว่าเพราะความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้นี่แหละ จึงทำให้จิตที่จะรบของหลัวซิวฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น พลังเซียนที่อยู่รอบกายถูกเขาโคจรถึงขีดสูงสุด เข็มทิศสาสน์เต๋าสั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ คลื่นพลังทั้งหลายที่สามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่ากระเพื่อมออกไปทั่วทุกสารทิศ

“ปริภูมิทำลายล้าง!”

ขั้นแรกของเข็มทิศสาสน์เต๋าถูกหลัวซิวกลั่นแปรสำเร็จ จึงยึดกุมพลังแห่งปริภูมิ บวกกับการตระหนักรู้ในเต๋าปริภูมิของหลัวซิวลึกซึ้งมากอยู่แล้ว อีกทั้งภายใต้การปลุกเสกจากพลังเซียน ทำให้ปริภูมิที่อยู่รอบ ๆ เริ่มพังทลายลงไปอย่างรวดเร็ว

พลังออร่าที่น่ากลัวทำให้ผู้สูงส่งอัมพรเทวตื่นตระหนก เขารีบเรียกเตาเล็ก ๆ หนึ่งเตาออกมาลอยอยู่เหนือศีรษะ แรงเต๋าโคจร แล้วคอยคุ้มกันอยู่รอบกาย

นี่คืออาวุธเทพมหาศักดิ์ชั้นสูงหนึ่งชิ้น ภายใต้การโจมตีจากพลังของปริภูมิทำลายล้าง ม่านแสงคุ้มกันของเตาเทพสั่นเทิ้มอย่างไม่หยุดหย่อน แต่กลับไม่ถูกทลาย

“ไปตายซะเถอะ!”

หลังจากเรียกอาวุธเทพคุ้มกันออกมาแล้ว ผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ไม่สนใจการโจมตีของค่ายกลต้องห้ามจำนวนมากอีกต่อไป หอกเทวเล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา ก่อนจะทิ่มแทงไปทางหลัวซิวพร้อมกับร่องรอยที่อนัตตาแตกร้าว

“หอคอยฮวง!”

มีหอคอยสีทองเล็ก ๆ หลังหนึ่งบินออกมาจากหว่างคิ้วหลัวซิว กลายเป็นลำแสงสีทองดวงหนึ่งพุ่งตรงไปทางผู้สูงส่งอัมพรเทว

“ปั้ง!”

ณ เสี้ยววินาทีที่หอคอยฮวงพุ่งชนเข้ากับเตาเทพที่ลอยอยู่เหนือศีรษะผู้สูงส่งอัมพรเทว แสงหอกดวงหนึ่งก็ทะลวงร่างกายหลัวซิวเช่นกัน ส่งผลให้มีหมอกเลือดระเบิดออกมาจากตัวหลัวซิว

พลังเซียนผันเปลี่ยนเป็นพลังแห่งกำเนิด หลัวซิวไม่ได้สนใจสภาพอาการบาดเจ็บบนร่างกายตัวเองด้วยซ้ำ หรือร่างเนื้อของเขาเทียบทับอาวุธเทพมหาศักดิ์นั่นเอง เขาถึงสามารถต้านรับพลังโจมตีหนึ่งของผู้แกร่งเลิศ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น เกรงว่าคงถูกฉีกกระชากจนกลายเป็นเสี่ยง ๆ ไปตั้งนานแล้ว

สีหน้าอารมณ์ของผู้สูงส่งอัมพรเทวดูผงะเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าพลังโจมตีในเมื่อครู่นี้ของตนจะไม่สามารถสังหารคนดังกล่าวได้ และในเวลานี้เอง ลำแสงสีทองดวงหนึ่งได้บินตรงเข้ามาแล้ว ก่อนจะพุ่งชนเข้ากับม่านแสงคุ้มกันของเตาเทพที่อยู่เหนือศีรษะเขาจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น

“แคว็ก!”

มีเสียงแตกร้าวสะท้อนเข้าไปในหู สีหน้าของผู้สูงส่งอัมพรเทวดูตะลึงงันมาก จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามีพลังน่ากลัวที่เกะกะระรานซัดกระหน่ำลงร่างกายตน ม่านแสงคุ้มกันของเตาเทพถึงขั้นแตกสลายไปแล้ว!

ผู้สูงส่งอัมพรเทวกระอักเลือดเฮือกหนึ่ง ร่างกายกระเด็นออกไป แม้นเขาจะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งกลั่นร่าง แต่เมื่ออาศัยผลการฝึกตนที่ลึกซึ้ง ก็พอต้านทานพลังโจมตีนี้ของหอคอยฮวงเอาไว้ได้

แน่นอนอยู่แล้วว่านี่ก็เป็นเพราะหลัวซิวไม่สามารถระเบิดอานุภาพทั้งหมดของหอคอยฮวงออกมาได้ หากระเบิดพลานุภาพทั้งหมดของหอคอยฮวงออกมา อย่าว่าแต่ผู้แกร่งเลิศคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นประมุขเต๋าตลอดจนมกุฎเต๋า เมื่อถูกโจมตีเข้าอย่างจัง ก็อย่าคิดว่าจะสามารถต้านทานได้

“หอคอยฮวง! มึงคือหลัวซิว!?”

แววตาที่ตะลึงงันของผู้สูงส่งอัมพรเทวจ้องมองไปทางหลัวซิว เนื่องจากการวิวัฒนาการของไร้ลักษณ์ ทำให้พลังออร่าและรูปร่างบุคลิกของหลัวซิวล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง วิถีไร้ลักษณ์ไร้ร่องรอยที่สามารถสืบหา ฉะนั้นตั้งแต่เริ่มต้น ผู้สูงส่งอัมพรเทวจึงจำเขาไม่ได้

แต่ว่าหลังจากหอคอยฮวงปรากฏ ผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ไม่มีทางจำผิดอีกแล้ว อย่างไรเสียอัญดั้งเดิมชิ้นนี้ก็เคยถูกเขายึดกุมมายาวนานมาก ๆ

“ถูกต้อง กูเอง คนทรยศอย่างมึงคงคิดไม่ถึงสินะ”หลัวซิวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางตอบกลับ การประมือในเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย แท้จริงแล้วสภาพอาการบาดเจ็บของผู้สูงส่งอัมพรเทวหนักกว่าเขาเล็กน้อย อย่างไรเสียแม้นผู้สูงส่งอัมพรเทวจักแข็งแกร่ง เขาก็ฝึกแรงเต๋าอย่างธรรมเวชกาลร้างแค่ประเภทเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนหลัวซิวที่สามารถใช้ไร้ลักษณ์วิวัฒนาการพลังแห่งกำเนิด สภาพอาการบาดเจ็บฟื้นฟูกลับมาเยอะมาก ๆ แล้ว

“มึงหุบปากไปซะ! มึงมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่ากูคือผู้ทรยศ? ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะมึงแย่งหอคอยฮวงไป แล้วสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ของกูจะถูกล้มล้างได้อย่างไร? แล้วจะมีทางศิโรราบต่อผู้อื่นได้อย่างไร?”

เมื่อพูดถึงเรื่องราวในอดีต สีหน้าของผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ดูดุร้ายขึ้นมา แววตาที่เพ่งมองหลัวซิวเปี่ยมล้นไปด้วยความเคียดแค้น ดุร้ายน่ากลัวปานคนสติฟั่นเฟือง

“มึงหลงตัวเองต่างหาก หอคอยฮวงไม่ได้ยอมรับมึงเป็นเจ้าด้วยซ้ำ แต่มึงกลับใช้อำนาจยึดครองไม่ยอมถ่อมตัวและเอื้อเฟื้อ ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น มึงยังคิดที่จะสังหารกู แล้วเหตุใดกูจึงไม่สามารถต่อต้าน? หรือว่าในสายตามึง แค่มึงสามารถใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงผู้อื่น แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามึงไปจัดการมึง?”หลัวซิวยิ้มเยาะพลางพูด

“กูไม่อยากเปลืองน้ำลายกับคนใกล้ตาย!”

จิตสังหารที่โอบล้อมอยู่รอบกายผู้สูงส่งอัมพรเทวแทบจะผนึกรวมกันจนกลายเป็นแก่นแท้แล้ว แม้นเมื่อครู่จะถูกหอคอยฮวงโจมตีจนบาดเจ็บก็ตาม แต่พลังออร่าบนตัวเขาไม่ลดน้อยลง กลับเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก

รูม่านตาของหลัวซิวหดลงเล็กน้อย เขารู้อยู่ว่าผู้สูงส่งอัมพรเทวกำลังจะทุ่มสุดชีวิตแล้ว จะดูถูกพลังโจมตีหนึ่งของผู้แกร่งเลิศที่มีความโกรธแค้นปนอยู่ไม่ได้

แต่หลัวซิวก็ทราบเช่นกันว่าขอแค่เขาสามารถต้านทานพลังโจมตีนี้เอาไว้ได้ เช่นนั้นไม่แน่เขาและเทพธิดาหยุนเซวียนก็อาจจะสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้จริง ๆ

จากการที่ปริภูมิสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง เงาร่างของเทพธิดาหยุนเซวียนก็ปรากฏข้างกายหลัวซิว

“ฝากให้ข้าจัดการเถิด”นางเอ่ยปากพูด

หลัวซิวพยักหน้า ในเมื่อเขาทราบตัวตนความเป็นมาของเทพธิดาหยุนเซวียนแล้ว จึงเชื่ออยู่แล้วว่าบุตรแห่งราชาเซียนคนนี้มีความสามารถนั้นจริง ๆ

แม้นเขาก็มีความมั่นใจเช่นกันว่าตนสามารถอาศัยหอคอยฮวงต้านรับได้ แต่การกระตุ้นหอคอยฮวงในเมื่อครู่นี้ทำให้เขาสูญเสียผลการฝึกตนไปไม่น้อย เขายังจำเป็นต้องเก็บผลการฝึกตนไว้หน่อย เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุร้ายที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ดังนั้นเมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวจึงถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว ฝากสนามรบไว้ให้เทพธิดาหยุนเซวียน

แน่นอนอยู่แล้วว่าหลัวซิวก็ไม่มีทางนิ่งดูดายเช่นกัน เขาวางแผนทุกอย่างอยู่ที่นี่มาเป็นเวลา 12 วัน แล้วอุบายที่เขาสามารถควบคุมจักมีแค่นี้ได้อย่างไร?

เห็นเพียงพลังตราประทับที่อยู่ในมือหลัวซิวเปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน จากการที่เขาตวาดเสียงต่ำครั้งหนึ่ง ค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงหลายค่ายก็ระเบิดทันที ทันทีที่ค่ายกลระเบิด พลานุภาพที่ปะทุออกมาก็จะยกระดับถึงขีดสุด แล้วปลดปล่อยพลานุภาพที่อยู่เหนือตัวค่ายกลหนึ่งระดับออกมา!

ซึ่งนี่ก็หมายความว่าภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ก็มีค่ายกลระดับผู้สูงส่งขั้นสุดยอดหลายค่ายระเบิด เท่ากับว่ามีพลังโจมตีที่เทียบเท่าผู้แกร่งเลิศหลายคนปะทุออกมาพร้อมกัน!

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น พลังตราประทับที่อยู่ในมือหลัวซิวเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ให้ผู้สูงส่งอัมพรเทวมีโอกาสได้ผนึกรวมแรงเต๋าปลดปล่อยกระบวนท่าออกมาด้วยซ้ำ พลานุภาพของค่ายกลทั้งหลายระเบิด แล้วกลายเป็นแสงกลที่ล้นฟ้า แวววาวจับตา แผ่คลุมทั้งท้องฟ้า

“เจ้าเด็กเดรัจฉาน! มึงคิดว่าอาศัยอุบายเช่นนี้แล้วจะสามารถจัดการกูได้อย่างนั้นหรือ? มึงไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”

ผู้สูงส่งอัมพรเทว ณ วินาทีนี้โกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด เดิมทีพลานุภาพของค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงหลายสิบค่ายก็สร้างปัญหาให้เขาไม่น้อยแล้ว บัดนี้ค่ายกลทั้งหมดก็ระเบิดพร้อมกันอีก จนมีพลังโจมตีที่เทียบเท่าผู้แกร่งเลิศปะทุออกมา มาตรแม้นว่าเป็นเขาก็ต้องเบี่ยงเบนความสนใจไปต้านรับพลังโจมตี ซึ่งไม่มีโอกาสได้ผนึกรวมแรงเต๋าที่เพียงพอเพื่อไปกระตุ้นมหาอิทธิฤทธิ์ที่ทรงพลังด้วยซ้ำ

อย่างที่ทุกคนทราบกัน ยิ่งเป็นพลังอมตะที่ทรงพลังมากเท่าไหร่ ก็ต้องใช้ผลการฝึกตนที่ยิ่งแข็งแกร่งมาควบคุมกระตุ้น มาตรแม้นว่าเป็นตัวหลัวซิวเอง หากต้องการปลดปล่อยพลังอมตะเข้าล็อกเดิมที่ทรงพลังที่สุด ก็ใช่ว่าจะสามารถปลดปล่อยออกมาได้ในเสี้ยววินาที เขาก็จำเป็นต้องผนึกรวมแรงเต๋าในร่างกายเพื่อสั่งสมพลังงานเช่นกัน

การระเบิดของค่ายกลสามารถยกระดับพลานุภาพก็จริง แต่ถ้าเกิดค่ายกลทั้งปวงระเบิดไปแล้ว หลัวซิวก็เท่ากับสูญเสียอุบายที่สามารถผูกมัดคู่ต่อสู้

ผู้สูงส่งอัมพรเทวย่อมต้องเข้าใจจุดนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รีบกระตุ้นกระบวนท่าสังหารที่ทรงพลังที่สุดแต่อย่างใด แต่เป็นการตั้งสมาธิเตรียมป้องกัน

ขอแค่สามารถต้านทานพลังโจมตีชุดนี้ไปได้ เขาเชื่อว่าเมื่ออาศัยผลการฝึกตนของตัวเอง ต้องสามารถสยบมดตัวจ้อยสองตัวที่บังอาจวางแผนลอบกัดตัวเองได้แน่นอน

หลัวซิวไม่มีทางคิดอยู่แล้วว่าแค่อาศัยการระเบิดของค่ายกลจะสามารถสังหารผู้แกร่งเลิศคนหนึ่งได้ อันที่จริงสาเหตุที่เขาระเบิดค่ายกลทั้งหมดพร้อมกันนั้น ก็เพื่อทำให้ผู้สูงส่งอัมพรเทวสับสน ให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายป้องกัน

“ลงมือ!”

ภายในเวลาเสี้ยววินาทีเดียว หลัวซิวและเทพธิดาหยุนเซวียนสบตากันครั้งหนึ่ง ทั้งสองต่างรู้ซึ้งในแก่นสาร ถัดจาดนั้นเห็นเพียงเทพธิดาหยุนเซวียนพลิกมือครั้งหนึ่ง ก่อนจะมีฮู้สีทองชิ้นหนึ่งปรากฏในมือนาง

มีออร่าสุนทรีเทววิถีเซียนไหลเวียนออกมาจากฮู้สีทองดังกล่าว อีกทั้งหลัวซิวเห็นว่าด้านบนของฮู้ชิ้นนี้มีสัญลักษณ์ธรรมที่สลักโดยแสงเซียนด้วย

ฮู้เต๋าผลึก ฮู้ประเภทนี้ไม่ใช่ฮู้บนวิถีค่ายกลแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่กำเนิดจากระดับธรรมประเภทหนึ่ง

ยกตัวอย่างเช่นธรรมที่จอมยุทธ์สัมผัส เริ่มตั้งแต่ตรากฎในตอนแรก จนกลายเป็นพลังเต๋าเกณฑ์ในภายหลัง แล้วบรรลุเป็นพลังแห่งธรรมดั้งเดิมที่อยู่ในระดับขั้นที่สูงกว่า

และทันทีที่ระดับของธรรมแปรเปลี่ยนถึงระดับของวิถีเซียน เช่นนั้นธรรมที่สะท้อนให้เห็นก็จะเป็นสัญลักษณ์ หรือเรียกอีกอย่างว่าฮู้เซียนนั่นเอง

ก็เหมือนกับครั้นเมื่อหลัวซิวฝ่าฟันอยู่ในวังเซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกาอนัตตาอู๋จี๋ วิถีเซียนที่เขาได้รับจากที่นั่น ก็ปรากฏในลักษณะของสัญลักษณ์เช่นกัน

หลัวซิวผนึกรวมพลังเซียนออกมาได้แล้ว แต่ธรรมของเขากลับยังไม่บรรลุถึงขั้นวิถีเซียนลายฮู๊ เพราะฉะนั้นผลการฝึกตนของเขาจึงยังคงอยู่ในระดับเทพมาร ซึ่งไม่ใช่ระดับของเซียน

สาเหตุที่เทพธิดาหยุนเซวียนมีความมั่นใจว่าตนสามารถกำจัดผู้สูงส่งอัมพรเทวได้นั้น สาเหตุหลัก ๆ ก็เป็นเพราะฮู้ชิ้นนี้นี่แหละ

เนื่องจากนี่คือฮู้ชิ้นหนึ่ง ทันทีที่กระตุ้นมันละก็ จะสามารถกดอัดร่างกายของคู่ต่อสู้เอาไว้ อีกทั้งผลการฝึกตนก็จะถูกพันธนาการเช่นกัน ไม่สามารถเคลื่อนที่ ไม่สามารถปลดปล่อยพลังอมตะ และไม่สามารถกระตุ้นของขลังอาวุธเทพ

แม้จะมองเห็นรอยร้าวบนฮู้เซียนชิ้นนั้นเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าพลานุภาพของฮู้เซียนชิ้นนี้ลดลงไปเยอะมาก ๆ แล้ว ทว่าหากจะพันธนาการจอมยุทธ์ระดับผู้แกร่งเลิศคนหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างง่ายดายเลย

อ้างอิงจากแผนการที่เทพธิดาหยุนเซวียนได้วางไว้กับหลัวซิว พวกเขาจะใช้พละฮู้เซียนพันธนาการผูกมัดฝ่ายตรงข้ามไว้ก่อน จากนั้นค่อยให้หลัวซิวปลดปล่อยพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมา เพื่อทำให้การสังหารในขั้นตอนสุดท้ายลุล่วง

การกระตุ้นฮู้เซียนต้องใช้เวลา ขอแค่ผู้สูงส่งอัมพรเทวไม่โง่ ก็จะไม่มีทางมองดูนางกระตุ้นฮู้ต่อหน้าต่อตาแน่นอน อีกทั้งต่อให้นางจะกระตุ้นฮู้สำเร็จ ผู้สูงส่งอัมพรเทวก็เลือกที่จะหลบหลีกอย่างแน่นอน ไม่มีทางถูกพันธนาการง่าย ๆ

เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้อุบายทำให้คู่ต่อสู้สับสน วินาทีนี้ความสนใจทั้งหมดของผู้สูงส่งอัมพรเทวล้วนถูกค่ายกลหลายสิบค่ายที่ระเบิดดึงดูดไป ด้วยเหตุนี้จึงสังเกตไม่เห็นว่าเทพธิดาหยุนเซวียนได้หยิบฮู้เซียนชิ้นหนึ่งที่เพียงพอที่จะสร้างภัยคุกคามให้แก่ชีวิตเขาได้ออกมาแล้ว!

ถ้าเกิดเขารู้ตัว เขาต้องรีบคิดหาวิธีรับมือกับหายนะนี้แน่นอน แต่ในโลกใบนี้ไม่มีทางมีของสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือถ้าเกิด

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท