มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2949 พลังแห่งเซียน

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2949 พลังแห่งเซียน

ออร่าความตายที่น่ากลัวแผ่คลุมทั้งร่างกาย หลัวซิวไม่เคยตรึกตรองเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะสามารถต้านทานพลังโจมตีนี้ได้หรือไม่ เพราะคำตอบคือเขาไม่มีทางต้านทานได้อยู่แล้ว

ต่อให้เขาจะเก่งกาจมากเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อคนหนึ่งเท่านั้นเอง เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋า ก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กทารกแรกเกิดที่เผชิญหน้ากับผู้บรรลุนิติภาวะที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง

“ตู้มม!”

เสี้ยววินาทีที่มือใหญ่ร่วงลงมา คลื่นพลังทั้งหลายที่สามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่าก็แผ่กระจายออกไปภายในพริบตา ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในรัศมีโดยรอบหนึ่งหมื่นลี้ล้วนถูกทำลายล้าง!

“หื้ม?”

รูม่านตาของมกุฎเต๋าวัฏสงสารหดลงเล็กน้อย เพราะในกระแสสัมผัสของเขา หลัวซิวยังไม่ตาย

ในฐานะที่เป็นมกุฎเต๋า มาตรแม้นว่าเป็นพลังโจมตีที่ปลดปล่อยออกไปอย่างสบายมือ ก็ไม่ใช่สิ่งที่หลัวซิวสามารถต้านทานได้แน่นอน นี่จึงทำให้มกุฎเต๋าวัฏสงสารรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ทว่ามกุฎเต๋าวัฏสงสารก็ไม่ได้นำมาใส่ใจอย่างจริงจัง เพราะเขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะมีอุบายใดที่สามารถทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อคนหนึ่งต่อกรกับมกุฎเต๋าได้ ต่อให้สามารถต้านทานหนึ่งกระบวนท่าแล้วไม่ตาย แต่สมบัติประเภทนั้นจักต้านทานพลังโจมตีได้กี่หนเล่า?

“เวิ่ง!”

ทันใดนั้นเอง ก็มีแสงเซียนที่แวววาวจับตาดวงหนึ่งบินออกมาจากฝุ่นที่ตลบฟุ้งอยู่ด้านล่าง ก่อนจะมีพลังออร่าที่มากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้ปรากฏในฟ้าดินผืนนี้

“มกุฎเต๋าวัฏสงสาร เจ้าสามารถไปลงนรกได้แล้ว”

เงาร่างของหลัวซิวปรากฏกลางแสงเซียน จู่ ๆ ก็มีเพลิงอัคคีหลายดวงปรากฏข้างกายเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ปริภูมิที่อยู่รอบกายเขาถูกแผดเผาจนว่างเปล่า ราวกับเขตแดนที่มีเขาเป็นใจกลางประกอบเป็นอาณาจักรสีดำ

เพลิงอัคคีเหล่านี้คือเซียนอัคคีหลอมจิต เหลือศีรษะมีขวดเศษณ์ที่ราวกับถูกสลักจารึกโดยหินหยกสีเลือดลอยอยู่หนึ่งขวด ซึ่งมันก็คือขวดเซียนอัคคีหลอมจิตนั่นเอง

เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าตัวเองต้านทานพลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าไม่ได้แน่นอน ดังนั้นวินาทีนี้เขาจึงเปิดใช้พลังแห่งเซียนที่อยู่ในตัวต้องห้ามขั้นแรกของขวดเซียนอัคคีหลอมจิตอย่างไม่ลังเลใจ

“นี่คือพลังของเซียนสินะ?”

ณ บัดนี้วินาทีนี้ หลัวซิวสามารถสัมผัสได้ว่ามีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้กำลังม้วนซัดอยู่ในร่างกายตัวเอง เมื่อเปรียบเทียบพลังเซียนที่เขาผนึกรวมได้เองกับพลังแห่งเซียนที่กำลังซัดสาดอยู่ในร่างกาย มันก็ไม่ต่างอะไรจากฝุ่นละอองและทองคำเลย

สามารถประคองพลังแห่งเซียนได้เพียง 15 นาทีเท่านั้น ฉะนั้นหลัวซิวจึงไม่ปล่อยให้ทุกวินาทีเสียเปล่าไปอย่างไร้ประโยชน์ โบกมือครั้งเดียวก็มีมือใหญ่ที่ผนึกรวมมาจากอัคคีเซียนปรากฏ ก่อนจะตบไปทางมกุฎเต๋าวัฏสงสารที่ลอยอยู่กลางอากาศ

เป็นพลังอมตะอย่างตรามหาหัตถ์ราชาเซียนเหมือนกัน ทว่าพลานุภาพที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมาในวินาทีนี้กลับไม่ใช่สิ่งที่อดีตสามารถเทียบเคียงได้ด้วยซ้ำ

“นี่มันจะมีทางเป็นไปได้อย่างไร? ……”

ความรู้สึกสุขุมบนใบหน้ามกุฎเต๋าวัฏสงสารหายวับไปแล้ว สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือความตะลึงและความช็อกที่ไร้ขอบเขต

ราวกับบทบาทของทั้งสองเกิดการเปลี่ยนแปลงยังไงอย่างนั้น วินาทีก่อนหลัวซิวยังเป็นฝ่ายที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากความตายอยู่เลย ส่วนวินาทีนี้ผู้ที่มีความรู้สึกเช่นนั้น กลับเปลี่ยนเป็นตัวมกุฎเต๋าวัฏสงสารแทน

“พลังของเซียน!”

มกุฎเต๋าวัฏสงสารไม่ใช่คนโง่ ตัวเขาเองบรรลุถึงแดนมกุฎเต๋าแล้ว แต่กลับยังมีความรู้สึกเหมือนตัวเองเล็กน้อยมาก และพลังที่สามารถทำให้มกุฎเต๋าอย่างเขารับรู้ได้ถึงความต่ำต้อยเล็กน้อยของตัวเองได้นั้น นอกจากพลังของเซียน จักยังมีพลังอะไรได้อีก?

“เผ่น!”

มกุฎเต๋าวัฏสงสารเลือกที่จะหลบหนีอย่างไม่ลังเลใจ เขามีชีวิตคงอยู่ในจักรวาลนี้มาหลายยุคตรีภพแล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เขาหนีเอาชีวิตรอด

“เจ้าหนีรอดหรือ?”

เสียงของหลัวซิวสะท้อนเข้าไปในหูมกุฎเต๋าวัฏสงสาร ถัดจากนั้นฝ่ามือของเขาก็ประทับลงบนแผ่นหลังของมกุฎเต๋าวัฏสงสารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ตู้มม!”

เสียงที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นดังก้องอยู่กลางท้องฟ้า อัคคีเซียนที่ไร้ขอบเขตพรั่งพรูออกไปจากฝ่ามือหลัวซิว เผาผลาญทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง

เดิมทีอัคคีเซียนหลอมจิตก็มีความสามารถในการกลั่นแปรทุกสรรพสิ่งอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แดนมกุฎเต๋าสามารถต้านทานได้ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับไม่คิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถสังหารมกุฎเต๋าวัฏสงสารได้ แววตาเขาจ้องมองไปทางอนัตตาที่อยู่ห่างไกลออกไป เห็นเพียงกงล้อวัฏจักรธรรมปรากฏที่นั่น จากนั้นเงาร่างของมกุฎเต๋าวัฏสงสารก็เดินออกมาจากปริภูมิมิติที่บิดเบี้ยวนั่น เดินออกมาจากกงล้อวัฏจักรธรรม

“วัฏสงสารไม่ดับสูญ ก็จะไม่ตายอย่างนั้นหรือ?”

อดีตหลัวซิวเคยฝึกเส้นทางแห่งวัฏสงสารมาก่อน ด้วยเหตุนี้เขาก็พอเข้าใจเส้นทางแห่งวัฏสงสารอยู่บ้างเหมือนกัน จากแดนของมกุฎเต๋าวัฏสงสาร ย่อมต้องนำร่างกายของตัวเองหลอมรวมเข้ากับสงสารวัฏจักรวาลฟ้าดินตั้งนานแล้ว ขอแค่วัฏสงสารไม่มอดไหม้ เขาก็แทบจะไม่ต่างอะไรจากผู้เป็นอมตะ

ซึ่งอุบายเช่นนี้ปราดเปรื่องกว่ามกุฎเต๋าบรรพฮวงที่ใช้ร่างกายหลอมรวมเข้ากับหอคอยฮวง แล้วบุกเบิกห้วงดาราโลกร้างออกมาเสียอีก

ชัวะ!

เงาร่างของหลัวซิวหายไปภายในชั่วลมหายใจเดียว ไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ ใช้พลังแห่งเซียนเทเลพอร์ต มาตรแม้นว่าเป็นตัวสำนึกของผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋า ก็ไม่สามารถสัมผัสคลื่นใด ๆ ได้เลยแม้แต่น้อย

สีหน้าของมกุฎเต๋าวัฏสงสารเปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็บีบทำลายฮู้ชิ้นหนึ่งอย่างไม่ลังเลใจ

คงอยู่ในโลกนี้มายาวนานอย่างไม่รู้จบ มกุฎเต๋าวัฏสงสารก็เคยสำรวจโบราณสถานที่เก่าแก่มาเยอะจนนับไม่ถ้วนเช่นกัน ในมือย่อมต้องมีสมบัติดี ๆ อย่างภัณฑ์เซียนอยู่แล้ว และฮู้ที่เขาบีบทำลายก็คือหนึ่งในภัณฑ์เซียนเช่นกัน ซึ่งเป็นฮู้กลไกเศษณ์ชิ้นหนึ่ง

เมื่อหลัวซิวเทเลพอร์ตไป มกุฎเต๋าวัฏสงสารก็ใช้พลังของฮู้หลบซ่อนเข้าไปในอนัตตาแล้ว

“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถหนีรอดไปได้?”

หลัวซิวกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น เข็มทิศสาสน์เต๋าปรากฏข้างกายเขา ก่อนจะผนึกคลื่นปริภูมิเสี้ยวหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากความรู้สึกที่หลบหนีเข้าไปในอนัตตาสลายหายไป ร่างกายของมกุฎเต๋าวัฏสงสารก็ปรากฏ ณ จุดใดจุดหนึ่งของดาราจักรวาล

ฮที่เขาใช้ในเมื่อครู่นี้คือฮู้กลไกเศษณ์ระดับเซียน ทำให้เขาใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว ก็หลบหนีจากห้วงดาราของโลกร้าง มาถึงส่วนลึกของห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลแล้ว

เขาไม่รู้ว่าหลัวซิวไล่ตามมาหรือไม่ เนื่องจากเขาสัมผัสพลังออร่าของหลัวซิวไม่ได้ ทว่าวิกฤตการณ์ที่วนเวียนอยู่ในหัวใจเขากลับไม่เคยสลายหายไปตลอดมา

เพราะฉะนั้นมกุฎเต๋าวัฏสงสารจึงเรียกของขลังกระสวยชิ้นหนึ่งออกมาอย่างไม่ลังเลใจ ถ่ายเทพลังแห่งวัฏสงสารเข้าไปภายใน แล้วกรีดอนัตตาให้แยกออกภายในพริบตา ก่อนที่ร่างเขาจะหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

เขาไม่ได้กระตุ้นกงล้อวัฏจักรธรรมแล้วบินหนี เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วกงล้อวัฏจักรธรรมก็เป็นเพียงอัญเต๋าชั้นยอดชิ้นหนึ่ง สิ่งที่เขากระตุ้นคือของขลังนภาเวหาชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นสมบัติที่เขาได้รับมาจากโบราณสถานที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง

ระดับความเร็วในการเคลื่อนที่ของของขลังนภาเวหาระดับเซียนนั้นรวดเร็วมากเพียงใด เพียงพริบตาเดียวเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยิ่งกว่านั้นคือระดับความเร็วเช่นนี้ เร็วกว่าการเทเลพอร์ตของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าที่ชำนาญเต๋าปริภูมิเสียอีก!

ในมุมมองของมกุฎเต๋าวัฏสงสาร บัดนี้ตนอยู่ในสภาวะปลอดภัยชั่วคราวแล้ว ในขณะเดียวกันสภาพจิตใจของเขาก็ค่อย ๆ กลับมาใจเย็นและมีสติเช่นกัน

“เห็น ๆ อยู่ว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวนั่นคือมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ มันไม่มีทางบรรลุเป็นเซียนแน่นอน นอกเสียจากมันจะจงใจอำพรางผลการฝึกตนของตัวเอง แต่ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ หากมันเป็นเซียนจริง ๆ มันคงลงมือต่อสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูตั้งนานแล้ว”

หลังจากสงบสติอารมณ์ มกุฎเต๋าวัฏสงสารก็วิเคราะห์เงื่อนงำที่ซ่อนอยู่ภายในเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าสิ่งเดียวที่เขาไม่สามารถยืนยันได้ก็คือ ช่วงระยะเวลาที่กำหนดนั้นมันนานเท่าไหร่กันแน่?

“ดูจากการที่มันลงมือโจมตีข้าทันทีหลังจากได้รับพลังเซียน พลังของมันน่าจะประคองได้ไม่นาน”มกุฎเต๋าวัฏสงสารนึกคิดอยู่ในใจ

ในขณะที่มกุฎเต๋าวัฏสงสารกำลังพิจารณาเรื่องเหล่านี้อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีพลังปริภูมิที่แข็งแกร่งปกคลุมภัณฑ์เซียนกระสวยที่อยู่ใต้เท้าเขา

สีหน้าของมกุฎเต๋าวัฏสงสารเปลี่ยนไป หันขวับกลับไปมอง จากนั้นก็มองเห็นเงาร่างของหลัวซิวปรากฏด้านหลัง และเป็นเพราะหลัวซิวยื่นมือออกมาขยำนี่แหละ จึงทำให้พลังปริภูมิในห้วงดาราสั่นสะเทือน อยู่ห่างกันไกลไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อภัณฑ์เซียนกระสวยที่อยู่ใต้เท้าเขาได้แล้ว

“นี่ก็คือพลังของเซียนหรือ? น่ากลัวจริง ๆ ด้วย……”

มกุฎเต๋าวัฏสงสารหรี่ตาลง ซึ่งพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ก็คือสิ่งที่เขาเฝ้าปรารถนาต้องการนั่นเอง

มกุฎเต๋าและเซียนห่างกันเพียงครึ่งก้าว ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าตัวเองน่าจะไม่ค่อยต่างอะไรจากเซียนที่แท้จริงเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับพลังเซียนจริง ๆ ถึงจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งว่าช่วงระยะความต่างนั้นแตกต่างกันมากเพียงใด

ต่อให้เป็นมกุฎเต๋าที่แข็งแกร่งมากเพียงใดก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียนที่แท้จริง ก็เป็นเพียงมดตัวจ้อยที่ต่ำต้อยตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะต่อต้าน

เขาสามารถชี้ขาดได้ว่าถึงแม้หลัวซิวจะมีพลังเซียน แต่แดนยุทธ์ของหลัวซิวไม่มีทางบรรลุถึงระดับเซียนแน่นอน มีเพียงพลังแต่ไม่มีแดนก็แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว หากเป็นเซียนที่แท้จริง คงมีแต่จะน่าสยดสยองกว่าหลัวซิว ณ วินาทีนี้สิบเท่า ตลอดจนร้อยเท่า!

แค่อ้างอิงจากข้อมูลที่มีจำกัด จากความฉลาดและวิสัยทัศน์ของมกุฎเต๋าวัฏสงสาร ก็สามารถคาดสถานการณ์ได้มากมายเช่นนี้แล้ว

อย่างไรก็ตามต่อให้เขาจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าหลัวซิวมีเพียงพลังของเซียน แต่ไม่มีแดนของเซียน ทว่าหลัวซิว ณ วินาทีนี้ก็ไม่ใช่ผู้ที่เขาสามารถต่อต้านได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย กระตุ้นภัณฑ์กระสวยที่อยู่ใต้เท้าอย่างสุดกำลังสามารถ พยายามรักษาระยะห่างจากหลัวซิวให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้

กลางห้วงดาราอันกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ห่างกันไกลไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ หลัวซิวกำลังนั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนเข็มทิศสาสน์เต๋า

เข็มทิศสาสน์เต๋าในวินาทีนี้ขยายใหญ่ขึ้นแล้ว มีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบเมตร ราวกับจานบินทรงกลม ภายใต้การปลุกเสกจากพลังแห่งปริมภูมิ ทุกครั้งที่มันกระพริบครั้งหนึ่ง ก็จะก้าวข้ามผ่านระยะทางหนึ่งแสนลี้

เหมือนอย่างที่มกุฎเต๋าวัฏสงสารคาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิด หลัวซิวได้รับพลังแห่งเซียนแต่กลับไม่มีแดนของเซียน มิเช่นนั้นละก็ จากการยึดกุมปริภูมิของผู้แข็งแกร่งระดับเซียน เพียงพริบตาเดียวเขาก็สามารถไล่ตามมกุฎเต๋าวัฏสงสารได้อย่างง่ายได้แล้ว

หากพูดให้ถูกต้องเหมาะสมก็คือเขาในวินาทีนี้ก็เหมือนมีแค่พลัง แต่กลับไม่รู้ว่าควรใช้งานอย่างไรถึงจะมีประสิทธิผล ระดับแดนยุทธ์ของเขายังคงหยุดอยู่ที่ระดับผู้สูงส่งอยู่เช่นเคย

“ดูท่าสุดท้ายข้าก็ดูถูกผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าอยู่ดี และประเมินพลังแห่งเซียนที่นักเซียนหลอมจิตทิ้งไว้สูงเกินไปด้วย”

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถไล่ตามมกุฎเต๋าวัฏสงสารทันภายในระยะเวลาสั้น ๆ สภาพจิตใจของหลัวซิวก็ยิ่งอยู่ยิ่งตึงเครียดขึ้น

เขาควรคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว การที่เขาสามารถได้รับการถ่ายทอดสืบสานและสมบัติที่เซียนทิ้งไว้ในแดนบรรพกาลนั้น แล้วตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา เหล่าผู้แข็งแกร่งอย่างมกุฎเต๋าหวูจี๋และมกุฎเต๋าวัฏสงสารจะไม่มีทางเจอโชคโอกาสของตัวเองได้อย่างไรเล่า?

แม้นพวกเขาจะไม่ได้รับโอกาสที่เพียงพอที่จะสามารถทำให้บรรลุสู่เซียน แต่เดิมทีพวกเขาก็มีพรสวรรค์ปัญญาที่เป็นหนึ่งไม่เป็นรองอยู่แล้ว มิเช่นนั้นก็คงไม่ได้รับความสำคัญจากราชาเซียน จนได้ฟังราชาเซียนธรรมกถา

หลัวซิวสามารถดูออกอยู่ว่าภัณฑ์เซียนที่อยู่ใต้เท้ามกุฎเต๋าวัฏสงสารต้องเป็นของขลังนภาเวหาชิ้นหนึ่งแน่นอน ซึ่งของขลังประเภทนี้จะเน้นเรื่องความเร็วในการโบยบินเป็นหลัก บวกกับเป็นระดับภัณฑ์เซียน ซึ่งเร็วกว่าเข็มทิศสาสน์เต๋าของเขามาก นอกเสียจากเข็มทิศสาสน์เต๋าก็สามารถบรรลุถึงระดับภัณฑ์ได้เช่นกัน บางทีความเร็วถึงจะสามารถไล่ตามฝ่ายตรงข้ามได้

“ไล่ตามต่อไปไม่ได้แล้ว เวลา 15 นาทีมีจำกัด หากข้าไม่สามารถไล่ตามให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดละก็ ทันทีที่สูญเสียการปลุกเสกจากพลังแห่งเซียน ข้าก็ต้องได้ตายอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน!”

หลัวซิวไม่ใช่คนที่สองจิตสองใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก่อนที่เขาจะทำการตัดสินใจภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด

แม้นการใช้พลังแห่งเซียนในครั้งนี้จะไม่สามารถสังหารมกุฎเต๋าวัฏสงสาร แต่กลับสามารถทำให้เขารู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของมกุฎเต๋า อดีตเขาแค่สามารถจินตนาการคาดเดาศักยภาพของพวกมกุฎเต๋าว่าบรรลุถึงระดับใดแล้ว ส่วนปัจจุบันเขาก็ถือว่าได้พบเห็นรู้จักด้วยสายตาตัวเองแล้ว

“เมื่อเปิดใช้พลังแห่งเซียนแล้วก็จะไม่สามารถหยุดลงได้ ระยะเวลา 15 นาทีผ่านไปไม่ถึงครึ่ง ข้าไม่สามารถเสียเวลาต่อไปได้อีกแล้ว”

ตลอดทั้งขั้นตอนการนี้ดูเหมือนจะยาวนาน แท้จริงแล้วทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น หลัวซิวทำการคำนวณในใจครู่หนึ่ง ก่อนจะมีแผนการผุดขึ้นมาในใจ

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท