เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน – ตอนที่ 50

ตอนที่ 50

50.ประดิษฐ์ขอ…

ทว่ามองดูให้ดีสิ! ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ การพัฒนา เศรษฐกิจแบบนี้ และยุคสมัยแบบนี้ พอนึกถึงของใช้ในยุค สมัยใหม่ขึ้นมาแล้ว..

หลิวเจินเกาหูเกาแก้มโดยไม่พูดอันใด มองกองข้าวของ บนพื้นแล้วก็เริ่มเข้าใจ หญิงสาวให้คะแนนทุก ๆความคิดที่ผุด ขึ้นมา เพราะไม่เช่นนั้นก็คงไม่อาจบรรลุผลสำเร็จได้ ไม่เช่นนั้น ก็คงไม่เหมาะสมพอ ไม่คลอบคลุมพอ

สุดท้ายกู้หรูเฟิงกลับเป็นคนเริ่มลงมือก่อน

“ท่านกำลังทำอะไรน่ะ?” หลิ่วเจินจ้องเขม็งที่มือกู้หรูเฟิง นางวิตกหน่อย ๆ กลัวว่ากู้หรูเฟิงจะมาทำให้ยุ่งกว่าเดิม

“หากเจ้าเชื่อมอันนี้กับอันนี้เข้าด้วยกัน แล้ววางอันเล็กนี้ไว้ บนนี้ แล้วค่อยพันด้วยเชือก จะไม่ดีกว่ารี?” กู้หรูเฟิงจัดวาง ภาชนะในรูปแบบตามที่อธิบายให้หลิ่วเจินฟังโดยคร่าว ๆ

หลิ่วเจินเอียงคอมองกู้หรูเฟิงจัดวางรูปแบบตามต้องการ ต่อมาก็ให้เขาอธิบายประกอบ ขณะที่ตนเองจินตนาการโครง ร่างคร่าว ๆ ในใจ

“ดูเหมือนว่าจะใช้ได้นะ ทว่าตรงนี้มันดูเทอะทะไปหน่อย และอันนี้มันยังไม่แข็งแรงพอเลย ” หลิ่วเจินชี้ตรงจุดนั้น จุดนี้ และตั้งคำถามกับข้อบกพร่อง 50.ประดิษฐ์ขอ…

ทว่ามองดูให้ดีสิ! ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ การพัฒนา เศรษฐกิจแบบนี้ และยุคสมัยแบบนี้ พอนึกถึงของใช้ในยุค สมัยใหม่ขึ้นมาแล้ว..

หลิวเจินเกาหูเกาแก้มโดยไม่พูดอันใด มองกองข้าวของ บนพื้นแล้วก็เริ่มเข้าใจ หญิงสาวให้คะแนนทุก ๆความคิดที่ผุด ขึ้นมา เพราะไม่เช่นนั้นก็คงไม่อาจบรรลุผลสำเร็จได้ ไม่เช่นนั้น ก็คงไม่เหมาะสมพอ ไม่คลอบคลุมพอ

สุดท้ายกู้หรูเฟิงกลับเป็นคนเริ่มลงมือก่อน

“ท่านกำลังทำอะไรน่ะ?” หลิ่วเจินจ้องเขม็งที่มือกู้หรูเฟิง นางวิตกหน่อย ๆ กลัวว่ากู้หรูเฟิงจะมาทำให้ยุ่งกว่าเดิม

“หากเจ้าเชื่อมอันนี้กับอันนี้เข้าด้วยกัน แล้ววางอันเล็กนี้ไว้ บนนี้ แล้วค่อยพันด้วยเชือก จะไม่ดีกว่ารี?” กู้หรูเฟิงจัดวาง ภาชนะในรูปแบบตามที่อธิบายให้หลิ่วเจินฟังโดยคร่าว ๆ

หลิ่วเจินเอียงคอมองกู้หรูเฟิงจัดวางรูปแบบตามต้องการ ต่อมาก็ให้เขาอธิบายประกอบ ขณะที่ตนเองจินตนาการโครง ร่างคร่าว ๆ ในใจ

“ดูเหมือนว่าจะใช้ได้นะ ทว่าตรงนี้มันดูเทอะทะไปหน่อย และอันนี้มันยังไม่แข็งแรงพอเลย ” หลิ่วเจินชี้ตรงจุดนั้น จุดนี้ และตั้งคำถามกับข้อบกพร่อง กู้หรูเฟิงหยิบเชือกปอมาวางข้างตัว “เจ้านิแข็งแรงพอ แน่นอน ทว่ามันอาจหยาบไปสักนิดและบาดมือเจ้าได้ง่าย ทว่า มันไม่มีอะไรที่เหมาะสมมากกว่านี้แล้ว หากเราไม่ใช้ผ้า แต่เรา ไม่มีเศษผ้าเหลือมากพออยู่ดี”

“หยาบก็ได้ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็แค่ระยะทางสั้น ๆ อีก

อย่าง หากแย่นัก ข้าจะหยุดพักสักครู่ แล้วค่อยไปต่อ” หลิ่วเจิน สามารถประหยัดได้ด้วย ไม่ต้องใช้วัสดุราคาแพงมาสร้าง ของใช้เป็นดีที่สุด ไม่จำเป็นเลยต่อให้บอกว่าใช้เศษผ้าอาจดี กว่า ทว่ามันอาจไม่แข็งแรงพอ และหากเกิดขาดระหว่างทางขึ้น มา จะสร้างปัญหาตามมาอีกมากโข

กู้หรูเฟิงเห็นหลิ่วเจินเห็นด้วยกับความคิดนี้ ดังนั้นเขาจึง เริ่มลงมือประกอบของกับหลิ่วเจิน

หลิ่วเจินสังกตุเห็นว่ากู้หรูเฟิงดูคล้ายจะเก่งและฉลาดกว่า นางมากในเรื่องพวกนี้ กระทั่งระหว่างศึกปาลูกบอลหิมะ ขณะที่ แนวป้องกันของนางแตกพังทะลาย แต่ของเขายังคงแข็งแกร่ง ปานหินผา

หากคนผู้นี้ไปอยู่ในยุคสมัยใหม่ เชื่อได้เลยว่าเขาต้องได้ เป็นวิศกรโยธาแน่ หลิ่วเจินคิดเช่นนี้

“วันพรุ่งนี้ข้าเดินเท้าขึ้นเขาไปช่วยเจ้าขนของกลับมาบาง ส่วนได้หรือไม่?” กู้หรูเฟิงถาม อันที่จริง เขาอยากพานางกลับ บ้านแต่เนิ่น ๆ เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องรอคอยนางกลับอยู่ที่บ้านคน เดียว บ้านที่ไม่มีคน มันช่างโดดเดี่ยวเดียวดายนัก..

หลิ่วเจินเงยหน้ามองก้หรูเฟิง แล้วเม้มริมฝีปาก

แน่น กู้หรูเฟิงหยิบเชือกปอมาวางข้างตัว “เจ้านิแข็งแรงพอ แน่นอน ทว่ามันอาจหยาบไปสักนิดและบาดมือเจ้าได้ง่าย ทว่า มันไม่มีอะไรที่เหมาะสมมากกว่านี้แล้ว หากเราไม่ใช้ผ้า แต่เรา ไม่มีเศษผ้าเหลือมากพออยู่ดี”

“หยาบก็ได้ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็แค่ระยะทางสั้น ๆ อีก

อย่าง หากแย่นัก ข้าจะหยุดพักสักครู่ แล้วค่อยไปต่อ” หลิ่วเจิน สามารถประหยัดได้ด้วย ไม่ต้องใช้วัสดุราคาแพงมาสร้าง ของใช้เป็นดีที่สุด ไม่จำเป็นเลยต่อให้บอกว่าใช้เศษผ้าอาจดี กว่า ทว่ามันอาจไม่แข็งแรงพอ และหากเกิดขาดระหว่างทางขึ้น มา จะสร้างปัญหาตามมาอีกมากโข

กู้หรูเฟิงเห็นหลิ่วเจินเห็นด้วยกับความคิดนี้ ดังนั้นเขาจึง เริ่มลงมือประกอบของกับหลิ่วเจิน

หลิ่วเจินสังกตุเห็นว่ากู้หรูเฟิงดูคล้ายจะเก่งและฉลาดกว่า นางมากในเรื่องพวกนี้ กระทั่งระหว่างศึกปาลูกบอลหิมะ ขณะที่ แนวป้องกันของนางแตกพังทะลาย แต่ของเขายังคงแข็งแกร่ง ปานหินผา

หากคนผู้นี้ไปอยู่ในยุคสมัยใหม่ เชื่อได้เลยว่าเขาต้องได้ เป็นวิศกรโยธาแน่ หลิ่วเจินคิดเช่นนี้

“วันพรุ่งนี้ข้าเดินเท้าขึ้นเขาไปช่วยเจ้าขนของกลับมาบาง ส่วนได้หรือไม่?” กู้หรูเฟิงถาม อันที่จริง เขาอยากพานางกลับ บ้านแต่เนิ่น ๆ เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องรอคอยนางกลับอยู่ที่บ้านคน เดียว บ้านที่ไม่มีคน มันช่างโดดเดี่ยวเดียวดายนัก..

หลิ่วเจินเงยหน้ามองก้หรูเฟิง แล้วเม้มริมฝีปาก

แน่น “ท่าน…หากท่านอยากไป ก็ไปได้นะ…” หญิงสาวยังคงลังเล ตอนที่พูดถ้อยคำนี้ แต่ก็ไม่ได้บังคับเขาให้อยู่ที่บ้าน แค่ออก

ไป แล้วอย่าบาดเจ็บมาก็พอ

“จริง ๆรี?” กู้หรูเฟิงแทบไม่อยากจะเชื่อที่หลิ่วเจินกล่าว ตัวเขาเองยังคิดว่านางจะปฏิเสธเขาตรง ๆอย่างเมื่อสองสาม

ครั้งก่อนหน้าเสียอีก

หลิ่วเจินพยักหน้า

กู้หรูเฟิงยกยิ้มมุมปาก แล้วลงมือช่วยหลิ่วเจินต่อไป

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หากแผลเป็นบนใบหน้าของบุรุษผู้นี้ หายไป เขาต้องเป็นชายที่หล่อเหลาจนทำให้หญิงสาวนับพัน คลั่งไคล้เป็นแน่ แล้วเมื่อครู่ที่ยิ้มแบบนั้น นี่ยังไม่หล่ออีกรี? หลิวเจินที่หัวใจเต้นช้า ๆเป็นจังหวะ ในที่สุดก็กลับมาเต้น กระหน่ำทันใด

“แต่…” หลิ่วเจินรู้สึกว่ายังอยากขอร้องชายหนุ่มเพิ่มอีกนิด เขาเป็นคนไข้คนหนึ่ง จึงไม่สมควรเดินเพ่นพ่านไปทั่วเป็นที่สุด

ได้ยินหลิ่วเจินเอ่ยคล้ายจะแย้ง กู้หรูเฟิงพลันเงยหน้ามอง นางอย่างกังวล คิดว่าเรื่องที่หลิ่วเจินรับปากเมื่อครู่ นางอาจ เปลี่ยนใจ

“แต่อะไร?” กู้หรูเฟิงถามกลับทันที

“แต่ห้ามท่านเดินเพ่นพ่านไปทั่ว ท่านขึ้นเขาได้หลังมื้อ เที่ยง ห้ามเดินผ่านไปตรงบริเวณที่มีหลุมเมื่อคราวที่แล้วด้วย แล้วไปรอข้าอยู่ที่นั่น” หลิ่วเงินเอ่ยขึ้น “ท่าน…หากท่านอยากไป ก็ไปได้นะ…” หญิงสาวยังคงลังเล ตอนที่พูดถ้อยคำนี้ แต่ก็ไม่ได้บังคับเขาให้อยู่ที่บ้าน แค่ออก

ไป แล้วอย่าบาดเจ็บมาก็พอ

“จริง ๆรี?” กู้หรูเฟิงแทบไม่อยากจะเชื่อที่หลิ่วเจินกล่าว ตัวเขาเองยังคิดว่านางจะปฏิเสธเขาตรง ๆอย่างเมื่อสองสาม

ครั้งก่อนหน้าเสียอีก

หลิ่วเจินพยักหน้า

กู้หรูเฟิงยกยิ้มมุมปาก แล้วลงมือช่วยหลิ่วเจินต่อไป

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หากแผลเป็นบนใบหน้าของบุรุษผู้นี้ หายไป เขาต้องเป็นชายที่หล่อเหลาจนทำให้หญิงสาวนับพัน คลั่งไคล้เป็นแน่ แล้วเมื่อครู่ที่ยิ้มแบบนั้น นี่ยังไม่หล่ออีกรี? หลิวเจินที่หัวใจเต้นช้า ๆเป็นจังหวะ ในที่สุดก็กลับมาเต้น กระหน่ำทันใด

“แต่…” หลิ่วเจินรู้สึกว่ายังอยากขอร้องชายหนุ่มเพิ่มอีกนิด เขาเป็นคนไข้คนหนึ่ง จึงไม่สมควรเดินเพ่นพ่านไปทั่วเป็นที่สุด

ได้ยินหลิ่วเจินเอ่ยคล้ายจะแย้ง กู้หรูเฟิงพลันเงยหน้ามอง นางอย่างกังวล คิดว่าเรื่องที่หลิ่วเจินรับปากเมื่อครู่ นางอาจ เปลี่ยนใจ

“แต่อะไร?” กู้หรูเฟิงถามกลับทันที

“แต่ห้ามท่านเดินเพ่นพ่านไปทั่ว ท่านขึ้นเขาได้หลังมื้อ เที่ยง ห้ามเดินผ่านไปตรงบริเวณที่มีหลุมเมื่อคราวที่แล้วด้วย แล้วไปรอข้าอยู่ที่นั่น” หลิ่วเงินเอ่ยขึ้น

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน

แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่ง อย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาว บ้านในแถบหุบเขาต้าชานเลย หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้ เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คน แทบไม่กล้าเข้าไปเยือน แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง ก็ยัง ต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง บาง ครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปากของเหล่า หมาป่า ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อย เสียยิ่งกว่าน้อย บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรน หาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยง ดูคนทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่ ก็ย่อมไม่มี กิน ถึงกระนั้น พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่ง ไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์ เมตตาเป็นสำคัญ อีกไม่ช้า ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการ ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อม หญ้า “ลองคิดดูสิ เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เรา จะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะเพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหว รี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ กู้หรูเฟิง…ท่านจะทำตัว เป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึงไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้นจนน้ำหมึก สาดกระเซ็นไปทั่ว มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็น เสี่ยงๆอีกด้วย บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรูเฟิง เขามีใบหน้าซูบ ขาวซีด แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมี ลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยัง ปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลงพื้น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลา นั้น ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่ง ถูกเข็มที่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดสุดแสน ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้า หล่อเหลาคมคายนั้นได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร ซึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้านชายขอบ แห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาต 2 ภาพนี้ แล้วจะ ลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้ บ้าง” หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้ “ภาพวาดนี่มี ประโยชน์อันใดรี? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้ ซ่างโง่เง่าเต่า ตุ่นอะไรเยี่ยงนี้! ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง ท่านได้นะ? !” กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยาม นี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อน เจ้าแต่งให้ข้า ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยัง สุขภาพไม่ดี “ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ ดีไปกว่ากันเลย ยังจะมาตำหนิข้าอีกรี?” ฝ่ายภรรยาทำหน้า นิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อน หวานน่ารักมาแต่กำเนิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตา จะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้ายข่างข่มขวัญ ผู้คนยิ่งนัก ชายหนุ่มก้มหน้า ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้าข้าก็จะให้เจ้าไป” “เพ้ย ท่านนี่..วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยัง กล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอน กับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรี?! ” หญิง สาวแสนคับแค้นใจนางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่าไห้เสียง ดัง “สวรรค์ข่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มา เป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้า แล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมือกินมื้อ! ซ้ายังจะทิ้ง ข้าไปอีก ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เชี ยงเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!” ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอน ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท