The king of War บทที่ 2116 ให้แกส่งมอบคน
หลังจากมือผีได้ฟังคำพูดของหยางเฉินแล้ว ต้องตกอยู่ในความเงียบขรึมสุด ๆ
เป็นคนในโลกบู๊โบราณล่าง เขารู้ดีอย่างแจ้งชัด หยางเฉินขณะนี้ตกอยู่ในสถานะลำบากมากขนาดไหน เพียงข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นผู้ทำลายม่านพลัง ก็ทำให้หยางเฉินต้องตกเป็นศัตรูมวลชนไปแล้ว
ในสภาพการณ์แบบนี้ ถ้าหากตนไปติดตามหยางเฉิน สถานะของตัวเขาเองนั้นก็จะตกอยู่ในความลำบากมากไปด้วย ถึงขั้นต้องถูกเหล่านักบูโดโลกบู๊โบราณล่างประณามเข้าเป็นคนทรยศ
หลังจากนิ่งขรึมไปพักใหญ่ มือผีก็ถามย้ำอีกว่า “คุณมั่นใจหรือ ว่าสามารถรักษาโรคแทรกในตันเถียนของข้าได้แน่?”
หยางเฉินผงกหัว “พรุ่งนี้ผมก็จะจัดเตรียมคนในการรักษาโรคแทรกในตันเถียนของท่านเลย”
หม่าชาวได้ไปรับอ้ายหลินกับเฝิงเสียวหว่านทั้งสองแล้ว ให้เฝิงเสียวหว่านมาถึง ก็จะทำการรักษาให้มือผีได้แล้ว
“ตกลง!”
มือผีหยีตามองหยางเฉินพูดว่า “ถ้าแกกล้าหลอกข้า ข้าจะทำให้แกต้องเสียใจ!”
หยางเฉินผงกหัวหัวเราะ คำพูดคำนี้ของมือผี ก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดให้เขาแล้ว
ขอเพียงแต่มือผีไม่ร่วมมือกับฉีเหลียง เขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัวนักบูโดตระกูลฉีพวกนี้แล้ว
มือผีจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ก่อนที่โรคแทรกในตันเถียนของข้ายังไม่ได้รับการรักษา ข้าจะไม่ช่วยอะไรคุณทั้งสิ้น”
หยางเฉินผงกหัว “ขอเพียงตอนนี้ท่านผู้อาวุโสไม่ยุ่งกับเรื่องระหว่างผมกับตระกูลฉี นั่นก็เพียงพอแล้ว!”
มือผีไม่ใยดีกับหยางเฉิน กลับหันหน้าไป มองไปยังฉีเหลียง
ฉีเหลียงขมวดคิ้ว คล้ายกับรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ยังไม่แน่ใจ พูดออกไปด้วยเสียงเยือก “มือผี เจ้ากับข้าร่วมมือกัน จับมันกันก่อน!”
ในขณะที่นักบูโดตระกูลฉีต่างก็เชื่อว่า มือผีจะตอบรับปากฉีเหลียง มือผีกลับพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้ากับตระกูลฉีแห่งตระกูลบู๊โบราณ ไม่มีพันธะต่อกันในการใด ๆ ทั้งสิ้น!สำหรับเรื่องบุญคุณความแค้นต่อกันของพวกเจ้ากับหยางเฉิน ข้าจะไม่ขอยุ่งด้วย!”
พูดจบ เขาก็หันตัวเดินจากออกไป
แค่ชั่วกะพริบตา มือผีก็หายไปอย่างไม่เห็นแม้แต่เงา
นอกจากหยางเฉิน คนที่อยู่ในบริเวณนั้น เห็นมือผีเดินจากไปง่าย ๆ แบบนี้ ต่างชะงักอึ้งอยู่กับที่
สีหน้าฉีเหลียงเครียดขรึมลงไปอย่างสุด ๆ เขากับมือผี เป็นตัววางที่ผู้นำตระกูลฉีจัดมาให้จัดการกับหยางเฉิน แต่คิดไม่ถึง ยังไม่ทันได้ลงมือกับหยางเฉิน มือผีก็จากไปเฉย
จางจี้ก็ตื่นเต้นขึ้นมาในฉับพลัน เขายังเพิ่งจะห่วงใยแทนหยางเฉินอยู่ สองผู้แข็งแกร่งที่มีพลังฝีมือในการต่อสู้ไม่มีขีดจำกัดระดับใกล้แดนนภาขั้นสามร่วมมือกัน แล้วหยางเฉินจะมีทางชนะหรือ?
แต่มาถึงตอนนี้ หนึ่งในผู้แข็งแกร่งนั้น ได้เดินหายจากไปแล้ว
ฉีเหลียงจ้องมองหน้าหยางเฉินด้วยความโกรธเต็มหน้า ตะคอกใส่ไปว่า “ไอ้หนู แกไปพูดอะไรกับมือผี?”
พร้อมกันนั้น กระแสอารมณ์ฆ่าที่รุนแรง ปล่อยกระจายออกมาจากตัวของเขา บล็อกตัวของหยางเฉินไว้อย่างเอาตาย
“ฮึ!”
หยางเฉินสะบัดเสียงหนาวเยือก ระเบิดออร่าบู๊ในตัวออกมา พลังอันบ้าคลั่งกระแสหนึ่ง เหมือนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในฉับพลัน
พลังกดดันที่น่าสะพรึงกลัว ครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณคฤหาสน์
“อย่าว่าแต่ระดับขั้นแดนบูโดของเจ้ายังไม่ถึงแดนนภาขั้นสามเลย ต่อให้ทะลวงเข้าไปถึงแล้ว สำหรับข้า จะเอาอะไรมากดดันได้?”
หยางเฉินพูดอย่างเกรี้ยวกราดไปว่า “ตั้งแต่นี้ต่อไป นักบูโดทั้งหมดในโลกใหม่ จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติใหม่ตามที่สมาคมผู้อาวุโสจิ่วโจวประกาศใช้ หากผู้ใดกล้าขัดขืนบทบัญญัติใหม่นี้ ตามกฎบัญญัติใหม่ ต้องตาย!”
กระแสพลังอานุภาพที่ทำให้ขวัญฝ่อนั้น เหมือนระลอกคลื่นแม่น้ำคลั่ง โถมท่วมใส่คนที่อยู่ทั้งหมด
ในนาทีนั้น แม้แต่ฉีเหลียงเอง ต่างรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่อยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ หน้าซีดกันลงไปสุด ๆ
มาถึงนาทีนี้ เขาถึงสัมผัสได้ในความรู้สึก ถึงพลังของเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ ที่เป็นถึงผู้อาวุโสอันดับสี่ของสมาคมผู้อาวุโสจิ่วโจว เพียงกำลังหนึ่งเดียว ฆ่าฟันผู้แข็งแกร่งของโลกบู๊โบราณล่างไปถึงสิบห้านาย
“จางจี้!”
หยางเฉินลั่นเสียงสั่งออกมาในทันใดนั้น
จางจี้รีบก้าวขึ้นหน้ามาทันที ยืนตรงตอบรับด้วยเสียงอันดัง “ครับผม! ท่านผู้อาวุโสสี่”
หยางเฉินพูดว่า “อ่านประกาศรายชื่อนักบูโดตระกูลฉี ตั้งแต่ที่เข้ามายึดครองจงโจว นักบูโดแต่ละคนใครทำผิดอะไรกันไว้บ้าง”
จางจี้รีบจัดการขึ้นหน้ามา หยิบเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง อ่านด้วยเสียงดังฟังชัด “ฉีเป่าเฟิง อายุสามสิบเก้าปี ในวันที่สิบแปดเดือนเก้า บนถนนซินฮว๋าในจงโจว ฆ่าชาวบ้านธรรมดาโลกมนุษย์หนึ่งนาย ตามบทบัญญัติใหม่ ต้องโทษประหาร!”
“ฉีเยว่ซาน อายุยี่สิบห้า ในวันที่ยี่สิบสามเดือนเก้า ที่บ้านตระกูลถงในจงโจว จู่โจมฆ่านักบูโดบ้านตระกูลถงไปหนึ่งนาย ตามบทบัญญัติใหม่ ต้องโทษประหาร!”
……
จางจี้ไล่เรียงอ่านประกาศรายชื่อนักบูโดตระกูลฉีสิบกว่านาย คนพวกที่ได้ก่อกรรมทำผิดกันมา ตั้งแต่ม่านพลังพังทะลายลงมา
ในจำนวนนั้น มีทั้งโทษสถานเบาแค่ให้ทำทัณฑ์บน มีหนักจนต้องโทษประหาร และประเภทหนักถึงจำคุกตลอดชีวิต
รอจนจางจี้อ่านรายชื่อจนหมดแล้ว หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงหนาวเยือกว่า “คนที่ถูกขานชื่อจากท่านรองผู้บัญชาการจาง ให้รีบไสหัวออกมาเองเดี๋ยวนี้”
แต่ว่า คำพูดของเขา ไม่มีคนตระกูลฉีจะสนใจฟัง
จางฉีบันดาลโทสะขึ้นมาทันที ตวาดใส่ไปที่กลุ่มคนตระกูลฉีว่า “ถ้าหากก้าวออกมาด้วยตัวเองในตอนนี้ จะถือว่าเป็นการยอมมอบตัวรับผิด ตามบทบัญญัติใหม่ จะลดโทษให้เบาลงได้ หากแม้นปล่อยให้พวกเราไปตามลากตัวมา โทษนั้นจะต้องเพิ่มขึ้นเท่าตัว!”
ยังคงไม่มีใครก้าวออกมา
ถึงตอนนี้ ฉีเหลียงก็โกรธขึ้นมาอย่างที่สุดพูดว่า “หยางเฉิน แกอย่าทำตัวเกินไปเลย!ที่นี่เป็นส่วนสาขาของตระกูลฉีในจงโจว ถึงแม้คนตระกูลฉีเราจะไปทำผิด ก็เป็นเหตุการณ์เกิดก่อนประกาศบทบัญญัติใหม่ แกไม่มีสิทธิ์มาลงโทษนักบูโดในตระกูลฉีของข้า”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของหยางเฉินดังขึ้นมา แต่สีหน้ายิ้มหัวเราะของเขา ทำให้ทุกคนในตระกูลฉี แต่ละคนขนลุกขนพอง
หยางเฉินทำตาหยีมองไปที่ฉีเหลียงพูดว่า “พูดแบบนี้ แปลว่าตระกูลฉีไม่คิดจะมอบผู้ต้องโทษพวกนี้ให้ใช่ไหม?”
ฉีเหลียงพูดอย่างหยิ่งยโสว่า “ตระกูลฉีของข้าเป็นถึงหนึ่งในตระกูลบูโดระดับสุดยอด โลกมนุษย์กระจอกเล็ก ๆ มีศักดิ์ศรีอะไรมาขอคนของพวกข้า?”
แววตาหยางเฉินทอประกายคมเฉียบออกมาแวบหนึ่ง หรี่ตาจ้องไปที่ฉีเหลียงพูดว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นข้าก็คงจะต้อง ลงมือด้วยตัวเองแล้ว!”
เสียงพูดแค่เพียงจบลง ในมือของเขา พลันปรากฏกระบี่ยาวขึ้นมาเล่มหนึ่ง
นั่นคือกระบี่โอรสสวรรค์!
ในฉับพลันที่กระบี่เล่มนี้ปรากฏขึ้น หยางเฉินก็มีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวกระบี่ กระบี่เล่มนี้ เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขาเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันนั้นเองพลังปราณบูโดอย่างยิ่งใหญ่กระแสหนึ่ง แผ่กระจายออกมาจากภายในตัวของเขา
สีหน้าของฉีเหลียงดูน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมา แน่นอนว่าเขาได้รู้สึกถึงพลังปราณของหยางเฉินนั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
เขาจ้องเขม็งไปที่กระบี่โอรสสวรรค์ในมือของหยางเฉิน เขารู้ชัดเจน กระบี่เล่มนี้ ไม่ใช่ธรรมดาเด็ดขาด
การศึกพร้อมระเบิดเพียงแค่ใครสะกิด!
จางจี้ตามติดอยู่ข้างหลังหยางเฉิน เพียงถ้าหยางเฉินขยับมือ เขาก็จะพุ่งใส่ฝ่ายตรงข้ามในวินาทีแรก ถึงแม้เขาเองรู้อยู่ว่า พลังฝีมือบูโดของตนนั้นเพียงเพิ่งก้าวขึ้นแดนนภา ส่วนเหล่าบรรดานักบูโดที่อยู่ในบริเวณนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่นักบูโดระดับแดนนภาทั้งนั้น แต่เขาก็ยังไม่มีออกอาการหวั่นไหว ใบหน้าเต็มไปด้วยความพร้อมสู้อย่างบ้าคลั่ง
และในขณะนั้นเอง เงาร่างชายวัยกลางคนคนหนึ่ง จู่ ๆ ก็ก้าวเดินเข้ามาเอื่อย ๆ
ในมือของเขาถือขวดเหล้า ทั้งตัวคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า
“เอาคนที่เขาต้องการ มอบออกมาให้หมด!”
ชายวัยกลางคนนั้นมองหน้าฉีเหลียงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ได้ยินดังนั้น สีหน้าฉีเหลียงเปลี่ยนไปในฉับพลัน พูดเสียงเหยียด ๆ ไปว่า “ฉีเทียนเหอ นี่แกหมายความว่ายังไง?เขาจะมาเอาคนของตระกูลฉีเราไป พวกเราก็ต้องเอาคนที่เขาต้องการมอบให้เขาไปงั้นหรือ?”
ฉีเทียนเหอเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าฉีเหลียงอย่างไม่สบอารมณ์ตะคอกใส่ไปว่า “ข้าบอกให้ส่งมอบคน!”