The king of War นิยาย บท 2275
ด้านล่างคฤหัสถ์เจ้าเมือง ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งของเมืองไป๋หู่ ทั้งหมดเบิกดวงตาโต
กำลังรบที่หยางเฉินแสดงออกมา เกินกว่าจินตนาการของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
เขาสามารถต่อสู้กับผู้อาวุโสสี่ของสำนักเทียนไห่ได้ ได้ทำให้ผู้คนค่อนข้างตกใจแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้จะสามารถปราบหลีหยวนชิงได้
“เจ้าหนุ่ม ปล่อยมือ!”
สีหน้าของหลีหยวนชิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ที่แขนของหยางเฉินมีพลังงานที่แข็งแกร่งถ่ายทอดมา ทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ใครบอกฉันได้บ้าง ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมผู้อาวุโสสี่ของสำนักเทียนไห่ถึงได้ตะโกนให้ปล่อยมือออกมา?”
ในเมืองไป๋หู่ มีนักบูโดที่ผลการบำเพ็ญเพียรค่อนข้างต่ำจำนวนหนึ่ง ยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากกล่าวถาม
ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหกชั้นปลายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเขา เงยหน้ามองไปทางท้องฟ้า เอ่ยกล่าวด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม: “เนื่องจาก หยางเฉินในตอนนี้ กำลังรบได้เกินหลีหยวนชิงไปแล้ว”
“นี่จะเป็นไปได้ยังไง? หลีหยวนชิงเป็นถึงผู้อาวุโสสี่ของสำนักเทียนไห่ พละกำลังแดนนภาขั้นหกชั้นยอด หยางเฉินเป็นคนอายุน้อยที่อายุไม่ถึงสามปีคนหนึ่ง จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลีหยวนชิงได้ยังไงกัน?”
“เรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้! ไม่อย่างนั้นทำไมหลีหยวนชิงถึงได้ให้หยางเฉินปล่อยมือ?”
“เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญคือ หยางเฉินเป็นผู้ฝึกมารคนหนึ่ง ตอนนี้เขาจบเห่แล้ว หลังจากที่อู๋สงป้าเจ้าเมืองรู้ตัวตัวว่าเขาเป็นผู้ฝึกมาร จะต้องไม่ปกป้องเขาอย่างแน่นอน”
……
ทุกคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ แทบจะทุกคนต่างก็คิดว่าหยางเฉินจบเห่แล้ว
ตัวตนของผู้ฝึกมาร ที่โลกบู๊โบราณกลางเดิมทีก็คือคนที่ใครเห็นก็โห่ร้องรังเกียจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอู๋สงป้าที่เป็นถึงกระทั่งเจ้าเมือง ถ้าหากรู้ถึงตัวตนของหยางเฉินแล้ว ยังจะปกป้องหยางเฉินเอาไว้ คนของโลกบู๊โบราณกลางจะมองเขายังไง?
ในตอนนี้ สายตาของทุกคนรวมอยู่ที่ตัวของหยางเฉิน
ผมสีม่วงของเขาปลิวไสวไปตามลม อานุภาพมารลอยกรุ่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับเป็นจอมมารที่มาจากขุมนรกตนหนึ่ง
สีหน้าของอู่ชางเคร่งขรึมอย่างสุดขีด ในฐานะที่เป็นถึงผู้มีอิทธิพลชั้นยอดไม่กี่คนของโลกบู๊โบราณกลาง เขาย่อมสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าออร่าที่แผ่ซ่านออกมาจากบนตัวของหยางเฉินในเวลานี้แข็งแกร่งขนาดไหน
กล่าวได้ว่า ไม่อ่อนแอไปกว่าผู้แข็งแกร่งระดับเช่นเขาเลย
อู๋สงป้าที่ยืนอยู่อีกด้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นเดียวกัน
ในฐานะที่เป็นเจ้าเมืองของเมืองไป๋หู่ เขาค่อนข้างเข้าใจดีว่า การปรากฏตัวของผู้ฝึกมารคนหนึ่ง จะต้องก่อให้เกิดความฮือฮาที่โลกบู๊โบราณกลางมากขนาดไหน
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เขาจะปกป้องหยางเฉินโดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ เขาลังเลแล้ว
รู้ตัวตนผู้ฝึกมารของหยางเฉินชัดเจนแล้ว ถ้าหากยังไปช่วยเหลือ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นการยืนอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับนักบูโดทั้งหมดของทั่วโลกบู๊โบราณกลาง
“อู๋สงป้า นี่ก็คือคนที่แกปกป้องนักปกป้องหนา?”
ทันใดนั้นอู่ชางก็มองไปทางอู๋สงป้า ยกมุมปากขึ้นปรากฏรัศมีความโค้งที่เยาะเย้ย กล่าวอย่างเย้ยหยัน: “ฉันอยากจะรู้นักว่า ตอนนี้แกยังจะปกป้องเขาอยู่อีกไหม?”
อู๋สงป้าไม่ได้พูดจน เพียงแค่จ้องหยางเฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเท่านั้น
ในเวลานี้ นัยน์ดวงตาทั้งสองข้างของหยางเฉินเต็มไปด้วยความดำขลับ บนใบหน้ามีความเจ็บปวด มือของเขาราวกับคีมจับของที่จับข้อมือของหลีหยวนชิงเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
ไอมารในร่างกายของเขาพลุ่งพล่านอย่างต่อเนื่อง ตามเจตนาสังหารที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาเกิดปฏิกิริยาที่จะทำลายทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา
เขาค่อนข้างรู้ดีว่า ทันทีที่เขาฆ่าหลีหยวนชิงที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ เกรงว่าไอมารจะกัดกร่อนจิตใจของเขาไปจนหมดสิ้น ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมไปโดยสิ้นเชิง
เนื่องจากเป็นเช่นนี้ ดังนั้นเขาถึงได้ยังไม่ฆ่าหลีหยวนชิง
“พลั่กพลั่กพลั่ก!”
กำปั้นของมืออีกข้างหนึ่งของหลีหยวนชิง โจมตีไปที่บริเวณทรวงอกของหยางเฉินไม่หยุดหย่อน ในขณะเดียวกันก็ตะโกนกล่าวด้วยความโมโห: “ปล่อยมือ! แกปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นพละกำลังที่สามารถทำลายล้างภูเขาลูกหนึ่งเขา ก็โจมตีลงไปที่ทรวงอกของหยางเฉิน แต่เหมือนกับว่าโจมตีเข้าไปที่แผ่นเหล็ก ไม่สามารถทำให้หยางเฉินเกิดการบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย
“หยางเฉิน!”
ในเวลานี้เอง มีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเดินออกมา จากภายในค่ายกลของสำนักเทียนไห่ จ้องมองหยางเฉินกล่าว: “ปล่อยมือ!”
“เป็นผู้อาวุโสสามของสำนักเทียนไห่ เซี่ยวชิงหยุน!”
“เขาก็จะลงมือด้วยงั้นเหรอ?”
“ผู้อาวุโสแดนนภาขั้นหกชั้นยอดของสำนักเทียนไห่ทั้งสองคนร่วมมือกัน ต่อให้หยางเฉินจะแข็งแกร่งขนาดไหน ก็จะต้องถูกปราบ!”
การปรากฏตัวของเซี่ยวชิงหยุน ทำให้บรรยากาศ ณ ที่ตรงนั้นตื่นเต้นขึ้นมาทันที
หลีหยวนชิงเห็นว่าเขาเดินออกมา ก็ดีใจทันที กล่าวเสียงดัง: “ผู้อาวุโสสาม ท่านร่วมมือกับฆ่า สังหารเจ้าหมอนี่!”
แต่เซี่ยวชิงหยุนกลับไม่ได้เจตนาที่จะลงมือ แต่กลับนั่งขัดสมาธิ จากนั้นหยิบปลาไม้(ไม้ที่พระจีนเคาะเวลาสวดมนต์)อันหนึ่งออกมาแล้วเคาะ
“ป๊อกป๊อกป๊อก~”
เสียงเคาะปลาไม้(ไม้ที่พระจีนเคาะเวลาสวดมนต์)ที่ดังลอยมาไพเราะเป็นอย่างยิ่ง แต่เซี่ยวชิงหยุนพลางเคาะปลาไม้(ไม้ที่พระจีนเคาะเวลาสวดมนต์) ปากก็พลางสวดมนต์งึมงำ เหมือนกับกำลังสวดพระไตรปิฎก
“นี่คือ……”
เมื่อเห็นฉากนี้ คนทั้งหมดก็ตกตะลึง แม้กระทั่งอู่ชาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักของสำนักเทียนไห่ สำหรับทุกคนในสำนักแล้วรู้อย่างทะลุปรุโปร่ง เขากลับไม่เคยเห็นเซี่ยวชิงหยุนเคาะปลาไม้(ไม้ที่พระจีนเคาะเวลาสวดมนต์)มาก่อน
มีคนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้: “เขากำลังทำอะไร?”
“ทำไมถึงรู้สึกว่ามีความประหลาดอยู่หน่อยๆ? เซี่ยวชิงหยุนกำลังเคาะปลาไม้(ไม้ที่พระจีนเคาะเวลาสวดมนต์)? หรือว่าเขาเป็นนักบวช?”
ทุกคนต่างพากันตะลึงไป สำหรับการกระทำของเซี่ยวชิงหยุน ในใจของคนจำนวนมากยังเต็มไปด้วยความสงสัย
พวกเขาไม่เข้าใจว่าเซี่ยวชิงหยุนต้องการจะทำอะไร
“ผู้อาวุโสสาม ท่านกำลังทำอะไร? รีบร่วมมือกับข้า สังหารเจ้าหมอนี่ซะ!”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยวชิงหยุนไม่ได้จะมาเพื่อช่วยตน หลีหยวนชิงจึงร้อนใจขึ้นมา ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
เขามีความรู้สึกบางอย่างว่า หยางเฉินได้สูญเสียการควบคุมไปโดยสิ้นเชิงแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะลงมือกับเขาทุกขณะ
ทันทีที่หยางเฉินลงมือ เขาก็คงตายแน่แล้วจริงๆ
และสำหรับการร้องขอของเขา เซี่ยวชิงหยุนนิ่งเฉย เหมือนกับเป็นพระที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่งกำลังเคาะปลาไม้(ไม้ที่พระจีนเคาะเวลาสวดมนต์)สวดมนต์
“ดูเร็ว! อานุภาพมารบนตัวของหยางเฉินกำลังอ่อนลง!”
มีคนส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นตกใจ
ทุกคนถึงได้พบว่า อานุภาพมารบริเวณรอบๆของหยางเฉินกำลังหายไป แต่รอบตัวของเขา ราวกับยังมีแสงสีม่วงวงหนึ่งครอบอยู่
“เป็นเซี่ยวชิงหยุน!”
มีคนกล่าวด้วยความตกใจ: “ฉันรู้แล้ว ที่เซี่ยวชิงหยุนสวดก็คือสัจจคัมภีร์ปราบมารของศาสนาพุทธ! สามารถสยบไอมารในร่างกายของผู้ฝึกมารได้”
ทันทีที่คำพูดนี้พูดออกไป ทุกคนก็เข้าใจขึ้นมาทันที ต่างพากันมองไปทางเซี่ยวชิงหยุน
เป็นไปตามคาด ตามการเคาะปลาไม้(ไม้ที่พระจีนเคาะเวลาสวดมนต์) สวดพระไตรปิฎกของเซี่ยวชิงหยุน แสงสีทองจางๆกลุ่มหนึ่ง ก็ไปรวมตัวกันที่รอบตัวของหยางเฉินอย่างต่อเนื่อง
กล่าวอีกอย่างคือ แสงสีทองกลุ่มนั้นก็คือแสงพระธรรม คือเซี่ยวชิงหยุนเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้น
อู่ชางสีหน้าดูไม่ดีเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองเซี่ยวชิงหยุนด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเท่านั้น
เขาย่อมมองออกว่าเบาะแสบางอย่างออก เซี่ยวชิงหยุนกำลังใช้สัจจคัมภีร์ปราบมารของศาสนาพุทธสยบไอมารในร่างกายของหยางเฉิน
เซี่ยวชิงหยุนเป็นวิชาพระพุทธศาสนาได้ยังไง นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือ ทำไมเขาถึงได้ช่วยหยางเฉินสยบไอมาร?
ถึงแม้ว่าหยางเฉินในเวลานี้จะใช้วิชามารขังหลีหยวนชิงเอาไว้ แต่เขาไม่สามารถควบคุมไอมารกลุ่มนี้ได้อย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่สูญเสียการควบคุมไอมารไปอย่างสิ้นซาก ต่อให้หยางเฉินสามารถฆ่าหลีหยวนชิงได้ ตนเองก็จะกลายเป็นจอมมารที่สูญเสียสติสัมปชัญญะไป
ถึงเวลานั้น หยางเฉินก็จะกลายเป็นจอมมารที่ผู้คนรังเกียจไปจริงๆ ต่อให้เป็นอู๋สงป้า ก็ไม่กล้าปกป้องหยางเฉิน
หยางเฉินที่กำลังถูกไอมารกัดกร่อนสติสัมปชัญญะ นัยน์ตาสีดำขลับ ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสีทอง เขารู้สึกว่าสติสัมปชัญญะของตนเองค่อยๆได้รับการควบคุม ไอมารในร่างกายของตนเองก็หายไปอย่างต่อเนื่อง
ตามไอมารที่หายไปอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกว่าพละกำลังของตนเองกำลังอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง
ด้วยผลการบำเพ็ญเพียรดั้งเดิมของเจา อยากจะฆ่าหลีหยวนชิง ไม่มีความหวังใดๆเลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยังมีอู่ชางที่คอยจ้องเขม็งอยู่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นัยน์ตาของเขามีเจตนาสังหารปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง
ราวกับสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารของหยางเฉิน หลีหยวนชิงหน้าถอดสีไปในทันที ตะโกนกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว: “เจ้าสำนัก ช่วยผมด้วย!”
แต่ทันทีที่เสียงของเขาจบลง ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งของหยางเฉิน กระแทกเข้าไปที่บริเวณทรวงอกของหลีหยวนชิงอย่างรุนแรง
“พลั่ก!”
ตามเสียงการโจมตีที่ดังขึ้น หลีหยวนชิงกระอักเลือดลอยกระเด็นออกไปทันที
และมืออีกข้างหนึ่งของหยางเฉิน ยังจับแขนข้างที่หักของหลีหยวนชิงเอาไว้แน่น