“…ฮ่องเต้ประเมินระบบการข่าวหวังทงต่ำเกินไป เครือข่ายการค้าอาณาจักรสามธาราไม่ได้นำเพียงทรัพย์สินเงินทองยิ่งใหญ่มาสู่หวังทงเท่านั้น…”
ตอนข่าวหลี่หู่โถวตายในสนามรบของทางการมายังเมืองหลวง เพียงแค่สามชั่วยาม เมืองหลวงก็เริ่มอลหม่าน
ฮ่องเต้ว่านลี่วางแผนไว้เดิมทีไม่ใช่เช่นนี้ หลี่หู่โถวตายในสนามรบ จากนั้นก็นำศพกลับมาอย่างสมเกียรติ เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ย่อมรับได้ แต่ลูกน้องหลี่หู่โถวรายงานมาจากสนามรบว่าถูกลอบสังหาร ทุกคนล้วนไม่ใช่คนโง่ เข้าใจดีว่าเรื่องนี้หมายถึงอันใด
ชนชั้นสูงตระกูลใหญ่พากันหลบภัยนี้ หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาย่อมยังคงอยู่เมืองหลวงต่อไป ไม่ก็หากช่องทางยืนให้ถูกข้าง อย่างไรก็ต้องได้ประโยชน์จากความวุ่นวายนี้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม หวังทงหากยังอยู่เมืองหลวง เช่นนั้นก็แล้วไป แต่หาหวังทงไปเทียนจินแล้ว เช่นนั้นผลอย่างไรย่อมไม่อาจรู้ได้แล้ว
หากเป็นเมื่อก่อน นอกจากจวนกับโรงบ้านในและนอกเมืองหลวง ชนชั้นสูงตระกูลใหญ่เหล่านี้ก็ไม่มีทีไป แต่ตอนนี้ ทุกคนล้วนขึ้นเหนือออกนอกด่านไม่ก็ไปเหลียวหนิง นอกด่านล้วนมีโรงบ้านฐานที่มั่น ที่นั่นพวกเขาเองก็มีผู้คุ้มกัน ไปหลบที่นั่นรอดูผล ก็เป็นวิธีที่ดี
โอรสสวรรค์ต้องการจัดการขุนนาง มีวิธีมากมาย นี่ก็เป็นเพียงสถานการณ์หนึ่ง แต่การจัดการหวังทงนี้ กำลังแท้จริงหวังทงแข็งแกร่งเกินไป
“…ข่าวจากแหล่งต่างๆ แพร่ไปทั่วเมืองหลวง หลายคนล้วนคิดโยงไปถึงตอนที่ตั้งแผ่นดินนี้ใหม่ๆ เรื่องที่ปฐมฮ่องเต้จูหยวนจางกวาดล้างขุนนางภักดีมีความชอบหมดสิ้น เรื่องจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาฮ่องเต้ล้วนมีพฤติกรรมไม่ต่างกัน ขุนนางบุ๋นที่เคยออกห่างก็รวมกำลังไปอยู่ข้างฮ่องเต้ ข้อสรุปทุกคนก็ยังคงไปอยู่ที่หัวหน้ากองกำลังหลวง…”
ให้กุมกำลังหน่วยหนึ่งกองกำลังหลวงได้ก่อน จากนั้นเกลี้ยกล่อมหน่วยอื่นๆ ขจัดอำนาจหวังทงทิ้ง แผนการเช่นนี้เหมาะสมดี แต่สถานการณ์พัฒนามาถึงขั้นนี้ ทุกอย่างล้วนไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้ว
ฮ่องเต้ว่านลี่ส่งคนไปยังที่ต่างๆ ที่ไม่เรียกว่าผู้แทนพระองค์ก็เพราะเพราะสถานการณ์ตอนนี้ ไม่อาจใช้การเคลื่อนไหวที่กระทบใจขุนนางบู๊มากไป แม้ขุนนางบุ๋นจะเร่งเร้าให้มีราชโองการกำจัดพวกกุมอำนาจทหารที่คิดคดทรยศพวกนี้ทิ้ง ให้กลับคืนสู่การปกครองคุณธรรมทุกอย่างเช่นดังเดิมที่เคยเป็นมา
แต่คนที่พอมีความคิดล้วนเข้าใจ การที่ราชวงศ์มีอำนาจก็เป็นเพราะการสนับสนุนจากกองกำลังหลวง สถานะขุนพลทหารมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพระบบกองกำลังแผ่นดินหมิงมาทุกสมัย ด้วยกองกำลังสองหน่วยในตอนนั้นก่อร่างสร้างตัวเป็นกองกำลังหลวงทัพใหญ่ ขุนพลในระบบการทหารนี้ใกล้ชิดกับหวังทงที่สุด หากมีราชโองการขอคืนอำนาจทหารจริง ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็คือทุกหน่วยกองกำลังร่วมกันก่อการกบฎ
กองกำลังหู่เวยแท้จริงแล้วเป็นกองกำลังที่เข้มแข็งเพียงใดกัน ชัยชนะที่รุ่งโรจน์ที่ผ่านมาก็ทำให้พอจะรู้ได้แล้ว เบื้องหลังหน่วยทหารนี้เกี่ยวพันกับอิทธิพลอำนาจเช่นไร ในวังยิ่งเข้าใจ ตอนนี้ใต้หล้าขุนพลที่เกรียงไกรที่สุด คหบดีใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดล้วนมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพวกเขา หากขยับก็ขับหมด ใต้หล้าล้วนโกลาหลวุ่นวายหนัก
แต่ทว่าฮ่องเต้ว่านลี่ครั้งนี้ก็สายไปก้าวหนึ่ง คนของหวังทงไปเร็วกว่าคนในวังก้าวหนึ่ง ไปถึงที่ต่างๆ ก่อนหน้าแล้ว
ตระกูลจูนั่นมีปัญหาก่อนหน้านี้แล้ว ก็คือตั้งแต่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิงจูหยวนจางสังหารขุนนางมีความชอบเป็นที่เลื่องลือมาก ส่งผลกระทบวงกว้าง ฮ่องเต้หมิงอิงจงสังหารอวี๋เชี่ยน หลังฮ่องเต้หมิงอู่จงสิ้นพระชนม์ เจียงปินและเฉียนหนิง ถูกกวาดล้าง นี่ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีอันใด สถานการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน สังคมพัฒนารุ่งเรือง บุกเบิกพื้นที่อาณาเขตเพิ่ม ทำลายปราบปรามประเทศศัตรู ขุนพลแต่ละคนล้วนมีความชอบ มองอย่างไรก็เหมือนกับตอนก่อตั้งแผ่นดินหมิง จากนั้นในวังก็มีข่าวมากมายเล็ดรอดออกมา เช่นว่า ‘หนาม’ คำเปรียบนี้ ฮ่องเต้หมิงไท่จู่ตรัสกับพระนัดดาเช่นนี้ ตอนนี้ฮ่องเต้ว่านลี่เองก็ทรงตรัสกับโอรสเช่นนี้ ‘หนาม’ เหล่านี้ แน่นอนหมายถึงความหวาดกลัวในใจ
หวังทงทำอะไรมามากมาย สร้างความชอบมาไม่น้อย เรื่องนี้ทุกคนล้วนเห็นกันด้วยตา หลายครั้งก็ยังออกตัวยอมหลีกทางให้เอง ทุกคนเองล้วนรู้ คนผู้นี้เป็นขุนนางภักดี ทำเพื่อแผ่นดินหมิงมากมาย สร้างความดีความชอบมามากมาย มาถึงตอนนี้กลับมีจุดจบเช่นนี้ ทุกคนล้วนหนาวใจ
กองกำลังหลวงกับผลประโยชน์เบื้องหลังรวมตัวกันมาถึงตอนนี้รุ่งเรืองได้ยิ่งใหญ่เพียงนี้ การจะแย่งชิงอาหารจากปากพยัคฆ์ แย่งชิงทุกอย่างไม่ง่าย หากหวังทงล้ม ขุนนางบุ๋นย่อมรวมตัวกันกลับมาอีก หรือว่าที่นาเงินทองมากมายในตอนนี้ อีกทั้งอำนาจเกรียงไกรทั่วแปดทิศนี้ล้วนต้องสูญสลายไปราวสายหมอกหรือ?
ผลประโยชน์เป็นเรื่องใหญ่ จุดยืนทุกคนก็ย่อมร่วมกัน กองกำลังหลวงแต่ละกองอยู่ใต้ชื่อผู้บัญชาการหลี่หู่โถวเป็นหลัก แต่ความจริงนั้นแบ่งประจำพื้นที่แล้ว เท่ากับว่าผู้บัญชาการทุกหน่วยเป็นแม่ทัพ ล้วนมีสิทธิ์ยื่นฎีกา
หานกังแรกสุด ซุนซิงอันดับสอง ขุนพลทหารพากันยื่นฎีกา สุดท้ายที่ยื่นก็คือลี่เทา ตระกูลลี่เมืองจี้โจวเร่งส่งข่าวนี้มาให้ลี่เทาทำให้ม้าตายไปหลายร้อยตัว
ฎีกาทุกคนล้วนท่าทีเดียวกัน เหตุใดขุนพลใหญ่เช่นหลี่หู่โถวเช่นนี้ถูกลอบสังหารได้ ขอราชสำนักตรวจสอบ…วาจาล้วนขอร้องอย่างจริงใจ แต่ความหมายในฎีกาล้วนกระจ่างยิ่ง ราชสำนักหากไม่ให้ความกระจ่าง เช่นนั้นทุกคนเกรงว่าคงไม่อาจไว้วางใจได้ หากไม่ไว้วางใจ คุมกองทัพตนไม่อยู่ ก็อาจเกิดเรื่องอันใด ก็ย่อมไม่อาจกล่าวได้
“…สำหรับราชวงศ์แล้ว สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว ขันทีระดับสูงในวังล้วนปลิดชีพตนเอง ใช้ความตายแสดงความรับผิดชอบ ฮ่องเต้ส่งทหารคนสนิทที่สุดไปอธิบายกับหวังทง แต่ทว่ารอยร้าวสองฝ่ายเกิดขึ้นแล้ว หวังทงใช้เหตุสุขภาพพักต่อที่เทียนจิน ไม่กลับเมืองหลวงอีก ตามข่าวที่น่าเชื่อถือได้ หวังทงป่วยจริง…”
**************
“ติดตามท่านพี่มานานหลายปี ไม่เคยเห็นท่านพี่เป็นเช่นนี้”
หานเสียแอบกล่าวกับจางหงอิงว่า
ข่าวหลี่หู่โถวโดนแทงมาถึงหวังทง ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว หวังทงตอนนั้นนิ่งมาก ให้ทหารติดตามไปเตรียมรถม้า ส่งคนไปติดต่อทหารคนสนิทในเมืองที่ไว้ใจได้
มาถึงสถานะนี้ หากจะบอกว่าหวังทงไม่มีการเตรียมตัวก็คงไม่มีทาง สื่อชีตอนได้รับอนุญาตจากหวังทงแล้ว ก็นำทหารที่เลี้ยงดูไว้ส่วนตัวออกไปจับพวกที่จับตาดูหน้าจวนทั้งหมดที่ไม่ใช่คนของหวังทงสังหารสิ้น ข่าวทั้งหมดถูกปิด
ทหารประจำเมืองหลวงประตูตะวันออกก็เปิดประตูเมืองเร็วกว่าปกติครึ่งชั่วยามได้ ทหารม้าชุดเกราะคุ้มกันขบวนรถครอบครัวหวังทงออกจากประตูเมือง
หวังทงจัดการที่เมืองหลวงและเทียนจินได้รอบด้าน ในเมืองหลวงมีทหารม้าชุดเกราะห้าร้อยกว่ามาคุ้มครองส่ง มาถึงทงโจว จำนวนทหารม้าก็เกินพันนาย กองกำลังเช่นนี้พอที่จะรับมือพวกไล่ตามล่าจากเมืองหลวงได้ระยะหนึ่ง รับประกันได้ว่าหวังทงสามารถเข้าสู่อำเภอเซียงเหอ ถึงที่นั่น ก็เป็นหน่วยกำลังหานกังแล้ว
ตอนหวังทงถึงเทียนจิน เทียนจินก็มีคนระดับสูงมารอรับพร้อมหน้า ที่ควรค่าแก่การสังเกตก็คือ ไช่หนานเองก็ออกมารอรับ ขุนพลเมืองจี้โจวและเทียนจินก็มารอรับ ผู้ว่าเทียนจินก็มารอรับ แต่นายกองตรวจการมณฑลทหารเทียนจินไม่ได้มารอรับ ขุนนางผู้มากอำนาจวาสนาที่เหลือล้วนมารอรับ
เทียนจินเป็นเมืองของหวังทง ที่นี่มีเรือยักษ์ใหญ่สิบลำเป็นระดับเรือปืนใหญ่ และกองเรือติดอาวุธอีกยี่สิบกว่าลำ ยิ่งไม่ต้องพูดผู้คุ้มกันเครือข่ายสามธาราอีกนับหมื่น กองกำลังเหล่านี้ล้วนมีทหารเก่าเก่งกล้ากองกำลังหู่เวยเป็นหลัก อาวุธยอดเยี่ยมครบ
ยังไม่ต้องพูดถึง หวังทงสามารถรวมกำลังจากทางทะเลมาช่วยได้อีก…
หวังทงพักอยู่ที่จวนริมทะเลอ่าวเทียนจิน คำสั่งกับการจัดการออกไปจากจวนเรื่อยๆ สั่งทุกอย่างจัดการเสร็จแล้ว หวังทงก็ไปนั่งเหม่อในห้องหนังสือ รายงานสามารถเข้ามารายได้ตลอดเวลา ตอนนี้เกือบทั้งหมดก็ล้วนจัดการไปเรียบร้อยแล้ว จากนี้ก็แค่รอในวังกับการตอบรับจากที่อื่นๆ เป็นเวลาที่ต้องการอยู่คนเดียว ทุกคนล้วนรู้งานไม่เข้าไปรบกวน
คนรอบกายยังดี หานเสียกลับไม่อาจไม่ไป หวังเซี่ยอายุสิบห้าแล้วถูกส่งไปทางเกาหลี ให้ถานเจี้ยนดูแลฝึกเป็นทหารธรรมดาคนหนึ่ง ตอนนี้เด็กน้อยอยู่นอกบ้าน เกิดมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา สถานการณ์เช่นนี้ หานเสียรู้สึกกังวลอย่างที่สุด
ตอนไปยังห้องหนังสือ ทหารติดตามแน่นอนไม่ขัดขวาง หานเสียเดินไปถึงนอกห้องหนังสือ ก็เห็นประตูห้องเปิดแง้มไว้ มองลอดเข้าไปเห็นหวังทงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะสองมือปิดตา สองไหล่สั่นสะท้าน ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังมา หวังทงนั่งร้องไห้อยู่หลังโต๊ะหนังสือ
เป็นครั้งแรกที่หานเสียเห็นสามีตนเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกประดังเข้ามามากมาย รออยู่ด้านนอกอยู่นานจึงได้เข้ามา เห็นหวังทงขอบตาแดงก่ำ ก็ทำเป็นมองไม่เห็น
หวังเซี่ยได้รับการเตรียมการไว้ก่อนแล้ว เรือเร็วส่งไปยังเกาหลี เป็นการจัดการของหน่วยถานเจี้ยนที่หวังทงไว้ใจได้อย่างที่สุด ความปลอดภัยหวังเซี่ยย่อมไม่เกิดปัญหาใด
*****************
“…ขุนนางบุ๋นที่ถูกกำราบไว้คิดว่าเป็นโอกาสพวกเขา แต่การเคลื่อนไหวพวกเขาต่อหน้าอาวุธและเงินทองไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง หวังทงมีปฏิกิริยาโต้เร็วมาก กิจการของบรรดาขุนนางราชสำนักล้วนกับสัมพันธ์กับกิจการอาณาจักรหวังทง ขอเพียงแสดงท่าทีชัดเจนว่ายืนข้างหวังทง ขุนนางฝ่ายตรงข้ามล้วนถูกจนทำสิ้นเนื้อประดาตัวในเดือนเดียว ขุนนางที่เหลือหากไม่อยู่ข้างหวังทง ก็ล้วนไม่กล้าแสดงท่าที…”
“…การป้องกันในพื้นที่เมืองหลวงเป็นหน้าที่หลี่ว์วั่นไฉซึ่งเป็นคนสนิทหวังทง ตอนหวังทงออกจากเมืองหลวงไปก็ถูกปลดทันที ที่ถูกปลดพร้อมกันยังมีหลี่เหวินหย่วนแห่งองครักษ์เสื้อแพร แต่องครักษ์เสื้อแพรกับเมืองหลวงกับการรักษาความสงบอื่น มีคนอีกมากเป็นคนหวังทง เมืองหลวงสำหรับหวังทงแล้ว ราวกับกระด้งฝัดข้าวที่ไม่อาจกั้นการไหลออกได้…”
ตระกูลลี่กับตระกูลหม่าเลือกอยู่ข้างหวังทงอย่างไม่ลังเล กองกำลังหลวงกับกองกำลังเมืองหลวงของตระกูลเฉินและตระกูลถังเองก็เลือกวางตัวเป็นกลางหลังจากมองสถานการณ์อยู่พักหนึ่ง
ฮ่องเต้ว่านลี่พบว่าทหารไม่ได้ยืนอยู่ข้างพระองค์ ในที่สุดก็ทรงรู้แล้วว่าไม่อาจฝืนต่อไปได้ ทรงไม่ใช่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิงจูหยวนจาง หวังทงไม่ใช่สวีต๋าหรือฉางอวี้ชุนที่ป่วยตาย ไม่ใช่ขุนนางบุกเบิกแผ่นดินที่ยอมรอความตายแต่โดยดี พวกนั้น หวังทงแม้ว่าจงรักภักดี แต่ไม่ได้ไร้การป้องกัน เขาวางแผนป้องกันตนเองมาโดยตลอด
‘ผู้ใดไม่ทำข้า ข้าย่อมไม่ทำผู้ใด’ นี่เป็นหลักการหวังทง แต่ทว่าหลายเรื่องพอขยับ ก็ยากจะหยุด
สถานการณ์มาถึงตอนนี้ แม้ว่าหวังทงกับฮ่องเต้ว่านลี่คิดหยุด แต่ก็ไม่อาจหยุดได้อีกแล้ว หลายคนหวังให้เป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะทางฝั่งหวังทง
ในแวดวงขุนนางมีข่าวแพร่มาว่า ข่าวตอนไปถึงสวีกว่างกั๋ว ปฏิกิริยาแรกสุดของสวีกว่างกั๋วไม่ใช่เศร้าหรือเสียใจ…