องครักษ์เสื้อแพร – ตอนที่ 1136

ตอนที่ 1136

สำหรับฝั่งหวังทงแล้ว สวีกว่างกั๋วเป็นคนพิเศษมาก  ความพิเศษของเขาคือขุนนางบุ๋นยอมรับเขา

บัณฑิตข้างกายหวังทงล้วนมาจากบัณฑิตจวี่เหริน พวกมาจากบัณฑิตจวี่เหรินกับขุนนางบุ๋นที่มาจากพวกบัณฑิตจิ้นซื่อนั้น มีการแบ่งระดับสูงต่ำในวงขุนนางชัดเจน

ในสายตาผู้อื่น หลี่ว์วั่นไฉแห่งศาลซุ่นเทียน หยางซือเฉินผู้ว่าเมืองซงเจียง ขุนนางบุ๋นพวกนี้ล้วนเป็นพวกเหิมเกริมไร้คุณธรรมชั่วร้ายอย่างมาก เป็นพวกชั่วร้ายคิดการใหญ่ หลี่ว์วั่นไฉกับหยางซือเฉินแน่นอนรู้ว่าบัณฑิตต่างวิพากษ์พวกเขาเช่นนี้ พวกเขาไม่ขอให้ทุกคนยอมรับ  ขอแต่เพียงแค่ได้ตั้งใจทำงานให้กับหวังทงเท่านั้น  การมุ่งทำแต่งานมีผลงานแท้จริงทำให้พวกเขาออกห่างจากคนอื่นเรื่อยๆ

สวีกว่างกั๋วไม่เหมือนกัน  อาเขาเคยเป็นเจ้ากรมประจำกรมอากร  ตัวเขาเองก็อยู่ในวงการขุนนางส่วนกลาง ผ่านการเป็นผู้ว่าที่เหอหนาน พื้นที่ครองของอ๋องลู่มาแล้ว ทำให้สวีกว่างกั๋วได้ยกระดับเป็นคนของฮ่องเต้ว่านลี่ อย่างน้อยเป็นเพราะเขาสร้างความชอบจึงได้เลื่อนตำแหน่ง

สวีกว่างกั๋วหว่านกระจายเงินแทนหวังทงในเมืองหลวง เชื่อมสัมพันธ์ขุนนางบัณฑิตชิงหลิว   ในเรื่องนี้ทำให้เขากับขุนนางบัณฑิตชิงหลิวจำนวนมากก็สนิทกัน นับว่าเป็นการสะสมซื้อใจคนเอาไว้

ตอนไปเหลียวหนิง การจัดการหว่านเงินทองในเมืองหลวงแต่ไรก็ยังคงไม่เคยขาด อันที่จริงขุนนางบัณฑิตชิงหลิวสกปรกมาก ขอเพียงให้ผลประโยชน์ก็เป็นสหาย สวีกว่างกั๋วแต่ไรมาก็ยังคงรักษาธรรมเนียมนี้ไว้ได้ไม่เลว ทุกคนจึงไม่ได้มองว่าเขาเป็นคนสำคัญในเครือหวังทง

แต่ทว่าสวีกว่างกั๋วเป็นคนที่เข้าใจได้เร็วสุดในบรรดาคนเหล่านี้ อำนาจวาสนาพวกเขาทั้งหมดล้วนเพราะหวังทง หวังทงปลอดภัย พวกเขาก็ปลอดภัย หวังทงก้าวขึ้นไป พวกเขาก็ตามก้าวขึ้นไป หากหวังทงไม่อยู่แล้ว อาศัยเหตุอันใดที่ปล่อยให้พวกเขาที่มีที่มาจากบัณฑิตจวี่เหรินน้อยนี้ได้นั่งอยู่ต่อไป

หลังเสร็จศึกใหญ่ สวีกว่างกั๋วแม้ทำงานสนับสนุนทัพอยู่เบื้องหลังแต่ยังคงได้รับความดีความชอบ สวีกว่างกั๋วเลือกทางจากนี้น่าสนใจมาก เขามีประวัติความเป็นมาดังนี้ แม้มีความชอบใหญ่แต่มาถึงศูนย์กลางอำนาจในเมืองหลวง ย่อมไม่มีอำนาจอันใด ไม่สู้อยู่ในพื้นที่ที่รู้สึกอิสระกว่า โดยเฉพาะสวีกว่างกั๋วอยู่เหลียวหนิง ขุนนางระดับล่างที่นั่นล้วนเขาจัดการส่งไปรับตำแหน่ง การทหารก็ให้การสนับสนุนเขา ที่นั่นราวฮ่องเต้ มีอาณาเขตตนเอง แต่สวีกว่างกั๋วกลับเลือกมายังเมืองหลวงเป็นนายกองกรมอากรฝ่ายขวา นอกจากสถานะสูงส่งอีกหน่อยแล้ว ผลประโยชน์อันใดล้วนแทบไม่มี

พอหลี่หู่โถวถูกแทงตายในปีนั้น นับว่าทำหน้าที่นี้มาหลายปีแล้ว ท่ามกลางการคัดค้านของทุกคน ก็ขอย้ายไปดำรงตำแหน่งนายกองกรมอาญาฝ่ายซ้าย ก้าวไปอีกขั้น แต่เป็นงานที่กระทบหลายฝ่าย ไม่สู้อยู่กรมอากร

สำหรับคนในเครือข่ายหวังทงแล้ว สวีกว่างกั๋วผู้นี้แสวงหาผลประโยชน์เหลียวหนิงพอแล้ว  จากนั้นก็อยากไปนั่งดำรงตำแหน่งขุนนางระดับสูงในเมืองหลวงสร้างชื่อบ้างก็เท่านั้น เขาเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างพิเศษมากในแผ่นดินหมิง ตอนนั้นไห่รุ่ยก็ไปหยุดแค่ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑล  สวีกว่างกั๋วผู้นี้ไม่ว่าทางใดก็ล้วนได้ไปครบ

แต่ทว่าคนในเครือข่ายหวังทงล้วนรู้ ตอนนั้นซ่งฉานฉานสร้างหน่วยงานในเมืองหลวงชุดนั้น ก็แทบมอบให้สวีกว่างกั๋วรับไปดูแลหมดแล้ว ในเรื่องเส้นทางเครือข่ายกับสายสัมพันธ์ในเมือง เน้นหนักเรื่องใด หากต้องการส่งคนเข้าไปแทรกซึมนั้น สวีกว่างกั๋วย่อมเชี่ยวชาญยิ่ง

สำหรับงานในกรมอาญานี้  มองแล้วเป็นทางเลือกที่เลือกอย่างเสียไม่ได้ แต่ความจริงนั้นกลับเป็นผลที่จงใจ กุมอำนาจงานในกรมอาญา  เรื่องนี้ทำให้เกิดความสะดวกหลายอย่าง

ข่าวการตายหลี่หู่โถวมาถึง ฮ่องเต้ว่านลี่เพื่อต้องการให้รัชทายาทจูฉางสวินได้ครองราชย์ราบรื่น  เตรียมสังหารกวาดล้างหมู่ขุนนางมีความชอบ ข่าวแพร่ไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว และยังแพร่ไปทั้งเหนือใต้รวดเร็วกว่าข่าวอื่นมาก ข่าวนี้ถึงกับแม้แต่ฝ่ายบรรดาขุนนางบุ๋นที่สนับสนุนฮ่องเต้ว่านลี่ล้วนเชื่อ เพราะตระกูลจูมีประวัติสังหารขุนนางภักดีที่เป็นเสาหลักแผ่นดิน ข่าวนี้แพร่กระจายไป หลายคนวิพากษ์วิจารณ์บีบคั้น ขุนนางบู๊เลือกข้างหวังทงทันที

แต่จากนั้นเรื่องอันยอดเยี่ยมที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้ หากเป็นขุนนางออกมาทูลว่า แผ่นดินจลาจลโกลาหล  พวกชั่วร้ายออกอาละวาด ก็เป็นเพราะทำลายหลักคุณธรรมที่มีมา หากโอรสสวรรค์ตอนนั้นแต่งตั้งพระโอรสองค์โตจูฉางลั่วเป็นรัชทายาท เช่นนั้นไหนเลยจะมีการขัดขวางมากมายเพียงนี้ จึงขอให้ฝ่าบาทเปลี่ยนรัชทายาท เพื่อผดุงหลักการคุณธรรม

โอรสองค์โตจูฉางลั่วไปเป็นอ๋องฝูที่ลั่วหยางแล้ว นับดูแล้วก็ราวสิบกว่าปีมาแล้ว ทุกคนเดิมคิดว่าไม่มีอันใดแล้ว

มีคนออกโรงมาเช่นนี้ ทุกคนจึงพบว่านี่เป็นโอกาส ตอนนี้หวังทงแม้ว่าหนีไปเทียนจิน แต่ไม่ได้ทำการก่อการอันใด ทุกคนล้วนวิเคราะห์ได้เข้าใจ เรื่องจากนี้ก็คือจะเหลือทางลงให้อีกฝ่ายเช่นไร และจะเก็บกวาดสถานการณ์จากนี้อย่างไร

หากคิดจะแสวงหาความดีความชอบกับอำนาจวาสนาในเรื่องนี้ไม่ง่ายแล้ว  แต่ตอนนี้หวังทงหนีไป หลี่หู่โถวตายไป ตอนนั้นสองพวกที่สนับสนุนและคัดค้านฮ่องเต้ว่านลี่ตั้งจูฉางสวินเป็นรัชทายาทล้วนไม่อยู่หมดแล้ว เช่นนี้ ตอนนี้หากออกมาแย่งชิงทางการเมืองย่อมมีแต่ประโยชน์ ไม่มีภัยอันใด

หากโอรสองค์โตได้เป็นรัชทายาท ตนเองเป็นส่วนสำคัญในการลงแรงส่วนหนึ่ง อำนาจวาสนาย่อมมาถึง ฮ่องเต้ว่านลี่พระวรกายนับวันยิ่งอ่อนแอลง ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก็คงอีกไม่ไกลแล้ว หากเลือกข้างถูก ก็ย่อมเป็นผลประโยชน์ใหญ่

ตอนมีหวังทงอยู่เมืองหลวงคุม ไม่อาจมีโอกาสได้ออกมากระพือกระแสนี้ได้ ศาลซุ่นเทียนกับองครักษ์เสื้อแพรล้วนรับมือกับข่าวนี้ได้ในทันทีที่ปรากฏ

แต่ตอนนี้หลี่ว์วั่นไฉลาออก ระบบงานนั้นย่อมไม่มีคนดูแลจัดการ  คนใหม่ที่แต่งตั้งมาแทนก็ไม่อาจเอาบรรดาเจ้าหน้าที่และคนทำงานเก่าแก่ทั้งหมดอยู่  องครักษ์เสื้อแพรก็ยิ่งไม่สนใจทำงาน หากมีคนคิดตั้งใจทำงาน ก็ย่อมกลายเป็นเป้าศัตรูของเพื่อนร่วมงานทันที  ผู้บัญชาการเดิมมีบุญคุณเพียงใด เจ้ายังกล้า คนผู้นี้ช่างไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง

พอไร้ระบบบังคับ ถึงกับยังมีอิทธิพลอำนาจให้การสนับสนุนเบื้องหลัง  เริ่มมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงขุนนางเกิดขึ้น ทำให้ฮ่องเต้ว่านลี่ไร้ทางรับมือ ขอโอรสสวรรค์เห็นแก่คุณธรรมหลักการ แผ่นดินจะได้ยืนยาวต่อไป แต่งตั้งโอรสองค์โตจูฉางลั่วเป็นรัชทายาท

ฮ่องเต้ว่านลี่เศร้าเสียใจอย่างมากเมื่อพบว่า พอไม่มีการสนับสนุนจากหวังทง พระองค์ไม่อาจจัดการกำราบขุนนางบุ๋นได้ ฮ่องเต้ว่านลี่ถามทหารคนสนิท ทรงเตรียมใช้กำลังกำราบ แต่ก็ถูกทหารคนสนิทปฏิเสธ สถานการณ์วุ่นวายขึ้นตอนนี้ อาจทำให้มีคนหาช่องทางลงมือก่อการได้ สร้างความวุ่นวายยิ่งมาก

ฮองเฮาเจิ้งและคนตระกูลเจิ้ง และตอนนี้ที่ได้แต่งตั้งเป็นโหวอย่างเจิ้งกั๋วไท ล้วนตกใจกับกระแสที่เกิดขึ้นี้อย่างมาก หากจูฉางสวินไม่ได้เป็นรัชทายาท เช่นนั้นอำนาจวาสนาตระกูลเจิ้งก็หมดสิ้นทันที

ความจริงนั้นการลงมือของโอรสสวรรค์ต่อหวังทงนี้ เจิ้งกั๋วไทเองเห็นขัดแย้งมาก ตระกูลพวกเขาในเมืองซงเจียงกับเทียนจินล้วนมีผลประโยชน์ใหญ่ หวังทงหากจบสิ้น  พวกเขาเองก็ย่อมสูญเสียใหญ่  แต่เพื่อ ‘ส่วนรวม’ ยังคงไม่ได้แสดงความเห็นค้านอันใด

แต่เรื่องก็ราวปฏิกิริยาลูกโซ่ คิดไม่ถึงว่าผลของเรื่องนี้ทำให้เหมือนไม่อาจจะรักษาอำนาจวาสนาตระกูลตนไว้ได้แล้ว  ราวฟ้าถล่มเสียจริงแล้ว

ที่ยุ่งยากไม่เพียงแค่นี้ เงินทองที่ฮ่องเต้ว่านลี่สุรุ่ยสุร่ายและเที่ยวเล่นสำราญมากเกินไป งบทหารกองกำลังหลวงกับวังหลวงเองใกล้จะไม่มีจ่ายแล้ว

กรมภาษีเคยทูลเตือนฮ่องเต้ว่านลี่แล้ว หากเทียนจินกับเมืองซงเจียงอีกสองสามวันนี้ไม่ได้ส่งเงินเข้ามาดังทุกปี เช่นนั้นกองกำลังวังหลวงและกองกำลังหลวงอย่างน้อยต้องไร้เบี้ยหวัดไปสองเดือน ตอนนี้หวังทงอยู่เทียนจิน เมืองซงเจียงหวังทงเองก็แผ่อิทธิพลไปถึงได้มาก เงินทองจะส่งมาหรือไม่ก็พูดยาก

เบี้ยหวัดสองเดือนไม่จ่ายไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไร  เสร็จเรื่องชดเชยให้ก็ได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้ ทหารในเมืองนอกเมืองไม่อาจปล่อยให้มีความโกลาหลได้ หากยังไม่นิ่งก็คงบ่มเพาะจนได้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว

เหตุในผสมเหตุนอก ฮ่องเต้ว่านลี่หลังจากหวังทงจากเมืองหลวงไปได้ครึ่งเดือน ก็ส่งเจ้าจินเลี่ยงไปเจรจา  ไปยังเทียนจินพบหวังทง ไม่ได้นำราชโองการไป

“……เจ้าจินเลี่ยงสามารถเป็นหนึ่งในขันทีระดับสูงสุดในวังได้ ในเรื่องนี้หวังทงมีส่วนอยู่มาก แต่ทว่าอยู่ในวังหล่อหลอมมานานหลายสิบปี ทำให้เจ้าจินเลี่ยงจงรักภักดีกับฮ่องเต้และรัชทายาทอยู่มาก ถึงกับไม่เสียดายที่จะเป็นศัตรูกับผู้มีพระคุณของเขา…”

เจ้าจินเลี่ยงอยู่เทียนจินสองวัน  ไม่ได้มีเอกสารระบุเป็นทางการอันใด แต่ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นดูแล้ว ฮ่องเต้ว่านลี่กับหวังทงได้บรรลุข้อตกลงแล้ว

ตำแหน่งและบรรดาศักดิ์หวังทงยังคงอยู่ แต่กล่าวกับภายนอกว่าสุขภาพเป็นเหตุให้ต้องรักษาตัวที่เทียนจิน หลี่ว์วั่นไฉได้คืนตำแหน่งเดิม หลี่เหวินหย่วนได้คืนตำแหน่งเดิม กองกำลังหลวงทั้งหมดหากไม่ได้รับอนุญาตจากหวังทงล้วนไม่อาจเคลื่อนไหว  พื้นที่อาณานิคมและเมืองท่าการค้าใช้นโยบายเช่นนี้

การรับปากเหล่านี้มีจริงหรือไม่ ไม่ได้มีเอกสารรับรองอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด เจ้าจินเลี่ยงกลับถึงเมืองหลวงได้วันที่สาม เรื่องเปลี่ยนรัชทายาทก็เงียบไปในทันที

ช่วงปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 31-34 เทียนจินค่อยกลายเป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองอันดับสองของแผ่นดินหมิง เรื่องราวกองทหารในพื้นที่อาณานิคม และเรื่องที่เกี่ยวกับการค้าส่วนใหญ่ ล้วนจัดการกันที่นี่ บรรดาขุนนางในราชสำนักต่างมีจุดยืนแต่ละคน  แก่งแย่งไม่หยุดหย่อน เรื่องใดที่ไม่เป็นผลดีต่อหวังทงและกองกำลังหลวง ล้วนไม่อาจผ่านออกไปปฏิบัติได้

วางยา จับตัว และลอบสังหารก็เกิดขึ้นในสองเมืองนี้ไม่หยุด ภายนอกฮ่องเต้กับหวังทงยังคงเป็นดังนายบ่าว  แต่ลับหลังล้วนราวเข็มทิ่มแทงกัน

สองฝ่ายล้วนซื้อใจคนแต่ละฝ่ายไว้ คนส่วนใหญ่ล้วนพบว่า หวังทงให้พวกเขาได้นั้น หรือของที่พวกเขาจะได้หากยืนข้างหวังทงนั้น มากกว่าได้จากฝั่งฮ่องเต้เยอะมาก

ต้นปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 35 สถานการณ์ยิ่งเป็นประโยชน์แก่หวังทง  แต่ทว่าหวังทงยังคงลังเล ตอนนี้บิดาสวีกว่างกั๋วจากไป ตามหลักต่อกลับไปไว้ทุกข์บิดา ตอนผ่านเทียนจิน สวีกว่างกั๋วก็เหมือนขุนนางคนอื่น ไปคารวะจวิ้นอ๋องเล่อลั่ง

ผู้คุ้มกันหวังทงหลายคนยังจำได้ สวีกว่างกั๋วคุยลับส่วนตัวกับหวังทง สุดท้ายคุกเข่านานไม่ยอมลุกขึ้น

เดือนสามปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 35 ฮ่องเต้ว่านลี่ก็เช่นปกติ หลังพระกระยาหารกลางวันแล้วก็เสวยขนมแบบตะวันตก เสวยขนมเค้กไปสองชิ้น อยู่ๆ ก็ปวดท้องมวนหนัก ก่อนหมอหลวงมาถึง ก็ไม่ทรงหายใจแล้ว

ในวังโกลาหลใหญ่ บรรดาองครักษ์ล้อมห้องเครื่องไว้ จับตัวคนที่เกี่ยวข้องไว้ทั้งหมด แต่คนสำนักบูรพากับองครักษ์เสื้อแพรมาถึง ก็ขอให้พวกเขารับคดีไป

ตามมาด้วยข่าวว่า คนวางยาพิษก็คือฮองเฮาเจิ้ง เพราะฮ่องเต้ว่านลี่คิดเปลี่ยนรัชทายาท ให้โอรสองค์โตจูฉางลั่วเป็นรัชทายาท

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Status: Ongoing

หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท