องครักษ์เสื้อแพร – ตอนที่ 1130

ตอนที่ 1130

“…นี่คือโชโซคาเบะ โมโตจิกะกับฮาจิสึกะ อิเอมาสะ หัวหน้าโจรวัวโค่วกองรบห้า…”

มีคนรายงานดังอยู่ข้างหวังทง หวังทงมองไปยังทัพที่บุกมาอย่างไม่กลัวเกรง ถามดังขึ้นบนหลังม้า

“กองปืนใหญ่เตรียมพร้อมเสร็จแล้วยัง!”

มีคนตะโกนตอบทันทีว่า

“เรียนแม่ทัพใหญ่ พลปืนใหญ่พร้อมยิงแล้ว!”

“ปืนใหญ่ทั้งหมดยิงไปทางปีกขวาโจรวัวโค่ว ยิงหกรอบ!”

หวังทงออกคำสั่งอีก  ได้ยินทหารถ่ายทอดคำสั่งตะโกนรับคำ วิ่งไปยังกองปืนใหญ่ถ่ายทอดคำสั่ง  มีคนเร่งไปด้านหน้าทหารม้าถ่ายทอดคำสั่ง มองเห็นทหารม้าล้วนคว้าเอาผ้าหรือไม่ก็ก้อนฝ้ายออกมาจากอกเสื้ออุดให้หูม้าตนเอง

 ระยะห่างห้าร้อยก้าว ความจริงนั้นไม่ไกล  กองกำลังใหญ่โจรวัวโค่วที่บุกมาตรงหน้าเป็นทหารม้าพันกว่า ทหารม้าเหล่านี้ไม่ได้ทะยานนำออกมา หากทิ้งระยะห่างไว้พอควร เพื่อคอยกำราบซามูไรกับทหารราบด้านหลัง ทหารม้าค่อยๆ เร่งความเร็ว  ทั้งกองทัพเริ่มเร่งความเร็ว  เพราะมีขบวนทัพม้าด้านหน้าเป็นแนว กองกำลังใหญ่ขนาดนี้จึงยังคงรักษาระเบียบอยู่ได้

สามารถมองเห็นกองกำลังดำทะมึนตรงหน้าเคลื่อนมายิ่งเร็ว ทหารม้าด้านหน้าในที่สุดก็เริ่มทิ้งห่าง เริ่มทะยานบุกมายังกองกำลังหมิง

“ทุกคนอุดหูให้หมด ไม่งั้นหนวกไป ไม่เลี้ยงดูพวกเจ้าแล้ว!”

ขุนพลกองปืนใหญ่มู่เอินอุดหูตนเองแล้ว ดังนั้นเสียงตะโกนออกมาจึงล้วนแปร่งปร่า พลปืนใหญ่ล้วนไม่ได้ยิน เพราะพวกเขาเองก็อุดหูตนเองดีแล้ว

 ทหารถือคบไฟแดงฉานล้วนมองไปที่ธงคำสั่งสีแดงในมือมู่เอิน พลปืนใหญ่ที่เหลือก็ทำการตรวจรอบสุดท้าย ธงแดงในมือมู่เอินที่ยกสูงอยู่แต่แรก ตอนนี้ยังไม่ได้ยกลง

กองหน้ากองกำลังโจรวัวโค่วยิ่งเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แล้ว ระยะห่างจากกองกำลังหมิงเกือบสองร้อยก้าวได้แล้ว ธงแดงในมือมู่เอินก็สะบัดลง ตะโกนดัง

“ยิง!”

คำสั่งยิงปืนใหญ่ของเขา แม้แต่เขาเองก็ไม่ได้ยิน ปืนใหญ่ยิงตูมสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว พื้นดินล้วนเริ่มสะเทือนไหว แม้อุดหูกันไว้ก่อนแล้ว แต่ขบวนทัพม้าระยะห่างจากกองปืนใหญ่ที่เรียกได้ว่าไกล ก็ยังคงมีม้าส่งเสียงร้องตกใจ บ้างก็กระโดดกระโจนไปมา บรรดาทหารม้าล้วนมือระวิงดึงกระชากไว้เต็มที่

หวังทงใช้แรงดึงบังเหียนไว้แน่น ม้าเขาเป็นชั้นดี สงบนิ่งอย่างรวดเร็ว หวังทงต้องการดูว่าระยะห่างเช่นนี้ ปืนใหญ่เช่นนี้ยิงไปแล้วได้ผลเช่นไร

แต่ทว่าพื้นดินสะเทือนไหวในพริบตานั้นเอง เขาเห็นแต่ทหารม้าโจรวัวโค่วหน้าสุดหายวับไปกับตา จากนั้นก็ล้วนกลายเป็นเถ้าธุลี มองไม่เห็นอันใดอีก

 ปืนใหญ่นับร้อยยิงกระหน่ำ ยังเป็นปืนใหญ่ขนาดใหญ่ที่ดีที่สุด เป็ฯการยิงปืนใหญ่ในพริบตาที่เรียกได้ว่าเป็นกำลังปืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยนี้

 กระสุนปืนใหญ่นับร้อยลอยสูงไปตกใส่กองกำลังโจรวัวโค่วที่บุกเข้ามา  กองกำลังด้านหน้าหลายพันคนพริบตาก็ถูกกวาดไปหมด ยามกระสุนปืนใหญ่ลอยไปนั้นได้กระชากชีวิตทุกคนตามเส้นทางติดไปหมดสิ้น ตอนตกลงกระทบพื้นยังกระดอนขึ้นอีก กระแทกร่างเลือดเนื้อแหลกเหลวกระจาย

เพราะมุ่งยิงในทิศทางนี้ สำหรับปืนใหญ่หลายกระบอกมารวมกันยิงหนาแน่นแล้ว ทำให้กระสุนปืนใหญ่ถึงกับกระแทกกันเอง สองลูกเปลี่ยนทิศ ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายยิ่งมาก

ยุคสมัยนี้กระสุนปืนใหญ่สามารถยิงเป็นแค่แนวเส้นเดียว เส้นทางที่พาดผ่านย่อมสร้างอานุภาพสังหาร แต่ปืนใหญ่มากมายเช่นนี้ เส้นทางพาดผ่านมากมายเช่นนี้ ก็ย่อมทำให้เกิดเป็นแถบพาดไป ทั้งแถบที่พาดผ่าน ทุกคนล้วนกลายเป็นเศษเนื้อเละเหลวแหลก

 ทหารม้าพวกนั้นหายวับไป  ไม่ใช่ว่าหายวับไปกลางอากาศ แต่เป็นเพราะถูกกระสุนปืนใหญ่ยิง พริบตาเลือดเนื้อระเบิดแหลกเหลวไปเท่านั้น

“โจมตีโจรวัวโค่วในรัศมียิง!!”

ทหารถ่ายทอดคำสั่งวิ่งล้มลุกคลุกคลานมายังหน้ามู่เอิน ในระหว่างการยิงเช่นนี้ ผู้ใดก็ล้วนยืนไม่มั่น ปืนใหญ่ระลอกแรกยิงไป  กวาดล้างโจรวัวโค่วไปยกใหญ่แล้ว จากนั้นที่ต้องทำต่อไปก็คือระดมยิงปืนใหญ่ไปยังศัตรูระยะไกล ทำลายได้มากเท่าไรก็เท่านั้น

มู่เอินตะโกนคำสั่งดังเสียงแหบ หลังเสียงปืนใหญ่ตูมดัง เขากลัวว่าทหารเบื้องหน้าจะไม่ได้ยินคำสั่งเขา เพราะทุกคนตอนนี้ล้วนหูชาอื้อไปหมดแล้ว

คำสั่งยังคงถ่ายทอดลงไป พลปืนใหญ่รีบล้างกระบอกปืนใหญ่ บรรจุกระสุน คำนวณระยะห่างแล้ว ก็ล้วนใช้ไม้ไปขัดไว้ที่ปืนใหญ่บนแท่นปืนใหญ่เบื้องหน้า ใช้ไม้ขัดเพื่อปรับยกมุมยิงปืนใหญ่ จากนั้นก็ได้ระยะเป้าหมายที่ต้องการ

 พวกเขาเหมือนว่ามีรอใช้แส้ฟาด เพราะพวกเขากลัวว่าศัตรูเบื้องหน้าจะบุกมาแย่งปืนใหญ่ ความจริงนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะโจรวัวโค่วจากนั้นก็งงไม่รู้ถอยหรือบุก พวกเขาแต่ไรไม่เคยถูกโจมตีเช่นนี้ ล้วนกำลังตกใจสูญสิ้นความกล้าหาญ

“บรรจุกระสุนเสร็จ คำนวณระยะห่างแล้วก็เริ่มยิง ไม่ต้องรอคำสั่ง ปืนใหญ่ทุกกระบอกยิงหกระลอก จากนั้นรอคำสั่ง!”

ขุนพลทหารเบื้องหน้ามู่เอินถ่ายทอดคำสั่งไม่หยุด กองกำลังปืนใหญ่หู่เวยกับปืนใหญ่แต่ะละกองล้วนมารวมกันที่นี่ เล็กสุดก็คือปืนใหญ่กระสุนสามชั่ง ไปจนถึงใหญ่สุดที่ปืนใหญ่กระสุนสิบสองชั่ง เรียงกันอยู่ในสนามรบทางนี้ ยามนี้ทะยอยยิง

โจรวัวโค่วกำลังลังเลสงสัยว่ารุกหรือถอยดี ก็รู้ว่าควรทำเช่นไรทันที กระสุนปืนใหญ่ลอยแหวกอากาศมาดังสนั่น ยามตกลงกลางกองทัพพวกเขาครั้งนี้ไม่ได้น่ากลัวเหมือนเมื่อครู่ เสียงดังตูมแล้ว เพื่อนทหารด้านหน้าก็ล้วนแขนขาขาดเท่านั้น  ทุกกระสุนปืนใหญ่ลงพื้นก็จะมีคนร่างแหลวแหลกไปทั้งร่าง  มีคนล้มตัวลงแนบพื้น คนที่ร่างแหลกเหลวไปนับว่าโชคดี เพราะมีคนแขนขาขาดด้วยกระสุนปืนใหญ่ เลือดสด ๆ ไหลพุ่งออกมา มีคนส่งเสียงร้องโหยหวนดัง เสียงร้องโหยหวนเริ่มเบาลงอย่างรวดเร็ว ตายไปอย่างทรมาน

 โจรวัวโค่วที่บุกมาด้านหน้าย่อมแตกกระเจิงสิ้น แต่ละคนล้วนตะกายหาทางหนีเอาตัวรอด  พากันหาทางหลบวิถีกระสุนปืนใหญ่ ไม่เพียงแต่พวกเขาแตกกระจัดกระจาย ทัพด้านหลังพวกเขาเองก็อลหม่าน ไม่มีคนคิดว่ากองกำลังหมิงจะมีปืนใหญ่อานุภาพร้ายกาจเช่นนี้ โจรวัวโค่วเคยเห็นที่เปียงยางนั่นเป็นปืนใหญ่ตระกูลหลี่ เมืองเหลียวโจว เดิมก็คิดว่าเป็นปืนใหญ่อานุภาพร้ายกาจน่าตกใจพอแล้ว วันนี้จึงได้รู้ว่า ตอนนั้นเทียบกับตอนนี้ ก็แค่หิ่งห้อยกับดวงตะวันเท่านั้น  ต่างกันราวฟ้ากับเหว เหมือนเป็นอานุภาพแห่งเทพมารโกรธา

ต่อหน้าปืนใหญ่เช่นนี้  จะสามารถชนะหรือไม่ ไม่อาจคาดหวังชัยชนะอันเหลวไหลอีกแล้ว  กล่าวให้ถูกก็คือ จะสามารถมีชีวิตรอดจากที่นี่ได้หรือไม่ดีกว่า…

ระยะยิงปืนใหญ่ กระสุนหกชั่งกองกำลังหมิงสามารถยิงไปถึงด้านหน้ากองกำลังหลักโจรวัวโค่ว ปืนใหญ่กระสุนเก้าชั่งกับปืนใหญ่กระสุนสิบสองชั่งก็ยิ่งไปถึงกองกำลังหลักโจรวัวโค่ว สร้างอานุภาพสังหารทำลายล้างได้ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าปืนใหญ่กองกำลังหมิงจะยิงได้ไกลเพียงนี้ ถึงกับมีซามูไรระดับสูงในกองกำลังหลบไม่ทัน  ถูกยิงตายทันที

 ไม่ได้ปะทะดาบตัวตัวกับศัตรู  ก็ตายไปใต้อานุภาพปืนใหญ่เช่านนี้  ศัตรูอยู่ห่างจากตนเองเพียงนี้ การตายในสนามรบเช่นนี้ทำให้หลายคนไม่อาจทำใจยอมรับได้ แต่อีกมุมมองหนึ่งนั้น  ก็เป็นข้ออ้างให้พวกเขาได้หลบ ยามนี้หลบแรงกระสุนปืนใหญ่ก่อน ไม่ใช่ว่าหวาดกลัวตัวตาย  แต่เพียงแค่รักษาตนไว้ทำประโยชน์ภายหน้าเท่านั้น

ซามูไรแตกกระจัดกระจาย ทำให้ทหารราบยิ่งแตกตื่น พวกเขาเดิมกำลังตื่นตกใจกับเสียงก้องกัมปนาทอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่มีคนมาคอยคุมพวกเขาไว้ พวกเขาได้คุกเข่าลงขอต่อเทวดาเบื้องบนกันก่อนหน้านานแล้ว  ซามูไรแตกกระจัดกระจายทำให้พวกเขายิ่งไม่อาจรักษาความเป็นกองทัพอยู่อีกต่อไป

มีคนเริ่มวิ่งหนี ทวนยาวในมือเป็นความยุ่งยาก โยนทิ้งเสียก่อน  ธงก็เตะตาเกินไป รีบโยนทิ้งเช่นกัน  เกราะไผ่กับเกราะหนังบนตัวก็ทำให้จำได้ ก็ถอดทิ้งก่อน พวกเขารู้ว่าหากหนีเช่นนี้  ชาวเกาหลีที่โกรธแค้นย่อมสังหารพวกเขา  แต่ตอนนี้ผู้ใดก็ไม่อาจสนใจอันใดมากแล้ว ล้วนคิดแต่หนีจากสนามรบนี้ให้ไกล หนีไปจากกองเพลิงลูกเหล็กและนรกเลือดเนื้อนี้

กระสุนปืนใหญ่ยังคงตกลงบนสนามรบต่อ ซามูไรแถวหลังรับคำสั่งให้ใช้การฟันสังหารเพื่อควบคุมทหารที่คิดหนี แต่ปืนใหญ่ขนาดใหญ่ก็ยังคงปรับระยะยิงต่อเนื่อง ถึงกับมีซามูไรควบคุมกองกำลังถูกปืนใหญ่ถล่มสิ้นชีพ  ปืนใหญ่กระสุนต่ำกว่าหกชั่งหยุดยิงแล้ว เหลือแต่ปืนใหญ่ขนาดใหญ่ที่ยังคงยิงเป็นจังหวะ เสียงปืนใหญ่ไม่ต่อเนื่อง  แต่ทุกครั้งที่ยิงดัง ก็ย่อมมีบาดเจ็บล้มตาย ถอยไม่หยุด แต่กระสุนปืนใหญ่เหมือนว่าอย่างไรก็ไล่ตามทัน

ปีกซ้ายทัพใหญ่โจรวัวโค่วภายใต้การยิงของปืนใหญ่จากหนาแน่นก็เริ่มร่อยหรอ เริ่มบุกกลายเป็นถอย  จากเป็นระเบียบเริ่มอลหม่าน เริ่มไร้ความเป็นกองทัพลงเรื่อยๆ แต่ละคนล้วนกำลังวิ่งหนี แต่ละคนล้วนกำลังอลหม่าน  บนพื้นกองไปด้วยเลือดเนื้อและกองศพ ทุกแห่งล้วนมีแต่ม้าล้มและอาวุธเกลื่อน ดูเละเทะไร้สภาพสิ้นดี

เสียงดังตูมสุดท้าย ตอนเสียงนี้ดังขึ้น กองกำลังโจรวัวโค่วก็เริ่มแตกตื่นไปหมดแล้ว แต่ละคนได้ยินเสียงก็ล้วนพากันหาที่หลบกันด้วยสัญชาตญาณ

หวังทงยกมือลูบใบหน้า มือเปื้อนฝุ่นไม่น้อย ตอนนี้เขามองไม่เห็นกองกำลังโจรวัวโค่วตรงหน้าชัดเท่าไรแล้ว ควันดินปืนคละคลุ้งไปทั่ว ล้วนบดบังสายตาการมองเห็นหมดสิ้น

“ถ่ายทอดคำสั่งข้า ให้ขบวนทัพม้าปืนกองกำลังหู่เวยนำ ทหารม้าชุดเกราะตาม ทหารม้าต้าถงกับทหารม้าเมืองเหลียวโจวตามไปด้านหลัง บุกเข้ากองกำลังโจรวัวโค่วด้านหน้า ทำลายกองกำลังโจรวัวโค่วให้แตกราบคาบ ขับไล่โจรวัวโค่วออกไปทางกองกำลังทหารราบเรา!”

ทหารถ่ายทอดคำสั่งรับคำสั่งรีบไปถ่ายทอดคำสั่ง หวังทงตะโกนดังว่า

“ซาตงหนิง เจ้าไปบอกหลี่หู่โถว อีกสักครู่พอโจรวัวโค่วแตกกระจัดกระจาย กำลังจะบุกเข้ากองทหารราบกองกำลังหู่เวย ทหารม้าให้เป็นดังค้อน ทหารราบเป็นดังแท่นบด ถึงตอนนั้นจับโจรวัวโค่ววางไว้บนแท่นบด ใช้ค้อนทุบให้แหลก บอกเขาว่า ต้องทำให้หนักแน่นราวภูผา!!”

ซาตงหนิงรับคำทันที รีบนำคนออกไป หวังทงตะโกนดังอีกว่า

“ปัวอิง ปัวอู่ อู๋หง อู๋ไห่ ถานหย่ง พวกเจ้าไปติดต่อทหารราบชายแดน คนหนึ่งรับหน้าที่เมืองหนึ่ง ไปสมทบกับขุนพลทหารทางนั้น เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมารอคำสั่ง ทหารราบที่เหลือ ข้าจะนำทัพเอง รอคำสั่งข้า!”

ชายแดนทั้งหมดมีกานซู่ จี้โจวกับเหลียวโจวไม่ได้ส่งทหารราบชายแดนมา ก็หมายความว่า พวกเขาห้าคน คนหนึ่งไปยังทหารราบเมืองหนึ่ง  ยังมีอีกพันห้าร้อยคนอยู่รอคำสั่งตรงจากหวังทง

ทางนี้ไปแล้ว หวังทงตะโกนดังอีกว่า

“อู๋เอ้อร์เจ้าไปบอกหม่าซานเปียว ใช้ทหารม้าปืนยิงกระจายศัตรูออกก่อน ใช้ทหารม้าชุดเกราะเข้าชนศัตรู จากนั้นค่อยให้พี่น้องทหารม้าเราออกโรง!!”

อู๋เอ้อร์ตะโกนดัง วิ่งออกไป ทหารม้ากองใหญ่ทางนี้ก็เริ่มบุกขึ้นหน้า ทหารม้าหน้าสุดเป็นพลทหารม้าปืนไฟในชุดเกราะแผ่นเหล็กบังหน้าอกพร้อมหมวกเกราะแน่นหนา พวกเขาเหน็บปืนไฟสั้นไว้บนบ่า จากนั้นควบม้าทะยานบุก

มู่เอินกับจางอู่ล้วนตะโกนดังให้พลปืนใหญ่เก็บอุปกรณ์และกระสุนปืนใหญ่ให้ดี เพื่อให้ทหารม้าผ่านไปได้อย่างไร้สิ่งกีดขวาง สนามรบกว้างมาก แต่พลปืนใหญ่ก็ใช้พื้นที่ไม่น้อย พวกทหารม้าคิดจะวนกลับอีกทางก็จะเสียเวลามากไปและไม่เกิดผลดีนัก จึงควบผ่านกองพลปืนใหญ่ไปทันที

“พวกเราตีพวกมันกระจุยแล้ว พวกเจ้าไปเก็บกวาดที่เหลือหรือไง!”

ทหารม้าขี่ม้าผ่าน พลปืนใหญ่สัพยอกหัวเราะดัง ทหารม้าบนหลังม้าไม่ยอมตะโกนดังโต้กลับว่า

“พวกเจ้ายืนยิงอยู่ตรงนี้ คนที่เหลือยืนอยู่ไกลไปไม่ถึง ยังไงก็ต้องอาศัยพวกเราขี่ม้าเข้าไปจึงจะตีพ่ายได้ราบคาบ!!”

ควันดินปืนเริ่มจางลง แม้ยังคงฟุ้งกระจายไปในอากาศ แต่ก็สามารถมองเห็นสภาพตรงหน้าได้แล้ว โจรวัวโค่วยังคงอลหม่าน ดังที่คาดไว้ก่อนหน้า ขุนพลทหารม้ายกมือโบกเป็นวง ปากก็ตะโกนดัง ทหารม้าถือปืนบุกเร่งม้าทะยานขึ้นหน้า ค่อยๆ คลี่ตัวออกเป็นแถวแนวนอน ทหารม้าที่เหลือทำตาม พอออกจากแถวแนวปืนใหญ่แล้วก็เริ่มจัดแถว ค่อยๆ เปลี่ยนรูปแถว

ความเร็วทหารม้าปืนไม่ได้เร็วนัก ทหารม้าด้านหลังยังบังคับม้าตนให้ช้าลง  ระยะห่างค่อย ๆ แยกออก ทหารม้าปืนเริ่มเข้าใกล้กองทัพศัตรูเรื่อยๆ พวกเขาไม่อาจวิ่งได้เร็วนัก เพราะทั่วพื้นที่เต็มไปด้วยซากศพระเกะระกะ ม้าต้องคอยหลบ

พลปืนใหญ่หยุดยิง แต่ก็ไม่ได้ทำให้โจรวัวโค่วสงบนิ่งลงได้เท่าไร พวกเขายังคงอลหม่านไม่หยุด แต่มองทหารม้าอีกฝ่ายที่เริ่มปรากฏหลังควันที่เริ่มจางลงแล้ว  ซามูไรกับทหารราบก็ส่งเสียงแหกปากร้องโหยหวนอย่างเสียขวัญ อานุภาพปืนใหญ่เป็นอะไรที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ทหารม้าปรากฏตัว และยังมาในชุดเกราะเช่นนี้ หมายถึงอันใด พวกเขาล้วนรู้

“ยกทวนยาวขึ้น อย่าวิ่งหนี!!”

“วิ่งหนีล้วนต้องตาย ยันไว้ยังอาจมีทางรอด!!”

ในกองทัพทุกแห่งล้วนตะโกนแหกปากกันเช่นนี้ ยังพอทำให้รวมกำลังอยู่ได้บ้าง ทหารม้าปืนเริ่มเคลื่อนมา  นับดูแล้ว พวกเขามีระยะห่างจากกองกำลังโจรวัวโค่วอีกไม่ถึงห้าสิบก้าวแล้ว จึงได้เริ่มวิ่งช้าๆ

พูดให้ถูกก็คือ นี่ไม่ใช่บุกปะทะ เพียงแค่ให้ม้าวิ่งไปด้านหน้าเท่านั้น การบุกหน้าเช่นนี้ ซามูไรกับทหารราบโจรวัวโค่วล้วนมั่นใจว่ายันไว้ได้ ความคิดเช่นนี้ทำให้พวกเขาเริ่มมีความกล้า เริ่มตะโกนยกอาวุธขึ้นรอรับ

แต่พอระยะห่างราวสามสิบก้าว ทหารม้าที่บุกมาหน้าสุดกลับยกปืนไฟสั้นขึ้นตั้ง ขึ้นไกพร้อมยิงไปด้านหน้า ระยะห่างนี้ อีกฝ่ายยืนกันหนาแน่นเช่นนี้  ไม่อาจยิงไม่โดน ด้านหน้ามีโจรวัวโค่วรับไปล้มลง ทหารม้าโงนเงน กระชากบังเหียนไว้ ดังม้าไว้ได้ เก็บปืนไฟเข้าในซองหนังข้างอานม้าแล้วก็ชักดาบออกมาแทน

 ทหารม้าปืนแถวหน้าสุดล้วนทำเช่นเดียวกัน ทั้งกองยิงเสร็จ ล้วนดึงม้าหลบสองข้างทางให้ด้านหลังบุกต่อไป

 นี่ก็เกือบเข้าใกล้ระยะยิงปืนไฟแล้ว  แม้ทหารม้าปืนทั้งหมดแค่ไม่กี่ร้อย แต่ยิงหลายรอบเช่นนี้  โจรวัวโค่วด้านหน้าก็เริ่มอลหม่าน ทำให้ทหารม้าปืนที่ตามหลังมายิ่งมีช่องว่างยิงแล้วชักม้ากลับได้ ในที่สุด ทหารม้าปืนก็ยิงเสร็จ  แถวทัพด้านหน้ายามนี้ล้วนแตกกระเจิง

ภารกิจทหารม้าปืนเสร็จสิ้น  แยกเป็นสองแถว ด้านหลังพวกเขามีทหารม้าชุดเกราะเริ่มเข้าเสริมกำลัง ทหารม้าชุดเกราะกับทหารม้าปืนมีระยะห่างราวร้อยก้าว  พยายามคุมกำลังความเร็วม้าเอาไว้อยู่ตลอด มาถึงตอนนี้ สามารถปล่อยให้ทะยานไปได้แล้ว พวกเขาสวมเกราะ ม้าก็ยังมีพรมคลุมตัวอีกชั้น มือถือทวนยาว ตอนนี้แถวแรกก็วางทวนแนวระนาบหมด พากันบุกทะยานไปด้านหน้า

พอถูกปืนไฟสั้นยิงจนแตกกระจัดกระจายแล้ว เห็นการบุกเช่นนี้อีก ทหารราบโจรวัวโค่วไม่อาจระงับใจได้อีกแล้ว พลปืนใหญ่วัวโค่วกับพลธนูล้วนอยู่แถวหน้า เมื่อครู่ปืนใหญ่ยิงเสียหายไปหมด ตอนนี้ไม่มีอาวุธระยะไกลรับมือทหารม้ากองใหญ่นี้ได้อีกแล้ว ได้แต่อาศัยดาบและทวนต้านทานไว้แล้ว บาดเจ็บล้มตายไปมากเกินไป พวกเขาไม่อาจมีจิตใจมุ่งมั่นอันใดอีกต่อไปแล้ว ได้แต่หาที่หลบหาที่ซ่อนตัวแล้ว

กองกำลังโจรวัวโค่วที่รวมตัวกันหลวมๆ ราวกับถูกมีดเผาจนร้อนวาดผ่านน้ำมันวัว แหวกทางออกทันที กระจายตัวหลบสองข้าง ทัพใหญ่โจรวัวโค่วแสนหนึ่ง แม้ว่าความเสียหายด้านหน้ามากเพียงนี้ แต่จำนวนคนอย่างไรก็ยังมากอยู่ ด้านหลังล้วนมีแต่คน แม้ว่าเริ่มอลหม่าน แต่ก็ยังมีคนยืนหยัดอยู่ ไม่มีช่องว่างมากนักให้วิ่งหนีแตกกระจัดกระจาย

แถวแตกกระจัดกระจาย ยังมีระยะห่างจากด้านหลัง แต่ระยะห่างนี้ไม่อาจแก้ปัญหาทัพม้าที่กำลังบุกมาได้ กลับกลายเป็นเป้าแทน

ทุกคนต่างตะโกนดัง บ้างก็ให้กำลังใจตนเอง บ้างก็เพราะหวาดกลัวขีดสุด ทหารม้าชุดเกราะบุกมา ทวนยาวทุกด้ามมุ่งแทงมาไม่ได้หยุดที่ร่างศัตรูคนเดียว ม้าบุกมายังทำให้บาดเจ็บล้มตาย จากนั้นทหารม้าชุดเกราะยังชักขวานใหญ่กับดาบยาวออกมา เริ่มฟันทิ้งเต็มแรง พวกเขาต้องการเปิดทางจากร่างตน พยายามสร้างความเสียหายให้มากที่สุด

ทหารม้าต้าถงกับทหารม้าเหลียวโจวและทหารม้าปืนล้วนมาถึง เทคนิคการรบของทหารม้าเมืองชายแดนแผ่นดินหมิง ก่อนเข้าใกล้ศัตรูหนาแน่น ให้ยิงธนูมุมเงยก่อน เข้าปะทะตัวตัวเมื่อใดให้พยายามสังหารศัตรูให้มากที่สุด เพื่อใช้ธนูยิงสังหารศัตรูยิ่งมาก ทหารม้าก็ยิ่งต้องคลี่แถวออก มองไปไกลๆ ถึงกับเหมือนล้อมกำลังโจรวัวโค่วไว้ พริบตาเดียว เสียงธนูราวห่าฝนก็สาดมา บรรดาซามูไรกับทหารราบเงยหน้ามองฟ้าด้วยแววตาหวาดกลัว มองเห็นราวฝนพายุกระหน่ำ ปูพรมเต็มท้องฟ้าก่อนร่วงหล่นลงมา

เสียงร้องโหยหวน แตกฮือกระจัดกระจาย ยังไม่ทันรอให้ทุกอย่างจบลง ทหารม้าก็ชักดาบบุกเข้ามาท่ามกลางกองกำลังพวกเขาแล้ว ฟันสังหาร นี่เรียกว่าสังหารกวาดล้างหมู่

กองกำลังโจรวัวโค่วแสนยิ่งใหญ่ถูกโจมตีฝ่ายเดียวตอนนี้เริ่มนิ่งแล้ว เริ่มออกอาการแตกฮือ ทหารกองกำลังหู่เวย ทหารม้าต้าถงกับทหารม้าเหลียวโจวเข้าสังหารไม่หยุด  ค่อยๆ เริ่มปูแนวสังหาร ทหารม้าชุดเกราะพยายามบุกเข้าไปท่ามกลางทัพศัตรู จากนั้นไล่ทหารราบศัตรูไปอีกทาง ทหารม้าปืนก็ยังคงคอยระวังอยู่ด้านหลังทหารม้าชุดเกราะ ไม่ปล่อยให้เข้าไปโดเดี่ยวลำพัง

“ปัวอิง ปัวอู่ พวกเจ้านำทหารราบ ติดตามด้านหลังทหารม้าเราขับไล่โจรวัวโค่ว อู๋หง อู๋ไห่ ถานหย่ง พวกเจ้าสามคนนำกำลังทหารราบไปยังปีกซ้ายทัพเรา ประสานกำลังกับซุนซิงขับไล่โจรวัวโค่ว เสร็จแล้ว ก็ขยายปูพรม ล้อมทัพใหญ่ศัตรู!”

หวังทงตะโกนคำสั่งเสียงดัง ทุกคนรับคำสั่งพร้อมกันก่อนจะรีบกระตุกม้าออกไปรับศึก

****************

ตอนปืนใหญ่กองกำลังหมิงเริ่มยิง หัวหน้าโจรวัวโค่วหลายหน่วยจากที่ฮึกเหิมขึ้นมาแล้วต้องสิ้นหวังอีกครา พวกเขาเหม่อมองไปยังสนามรบ สนามรบสั่นสะเทือนไหว เสียงดังสนั่นแว่วมา ซามูไรกับทหารราบนับร้อยพันตายกลางสนามรบเบื้องหน้า  มองแล้วราวกับกองกำลังที่เป็นระเบียบเริ่มวุ่นวาย จากนั้นค่อยแตกกระจัดกระจายจนมลายหายไป

อานุภาพปืนกองกำลังหมิงถึงกับยิ่งใหญ่เพียงนี้ ทำให้ที่โจรวัวโค่วเคยวาดหวังและวาดฝันไว้ล้วนมลายหายไปสิ้น พวกเขาแต่ไรมาไม่เคยเห็นการโจมตีราวคลื่นกระหน่ำซัดสาด ราวกับแผ่นดินไหวสะเทือนเลือนลั่นเช่นนี้มาก่อน เสียงผืนดินสะเทือนบนสนามรบทำให้พวกเขารู้สึกได้ พวกเขาอยู่ที่สูงยังรู้สึกได้ถึงความสะเทือน

พวกเขาคิดว่าทหารม้าเมืองเหลียวโจวที่ตนเคยพบมานั้นเป็นทหารม้าแข็งแกร่งเก่งกล้าที่สุดแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าทหารม้าที่เห็นในวันนี้กลับแข็งแกร่งเก่งกล้ายิ่งกว่าที่เคยได้พบเห็นก่อนหน้าเสียอีก

กองกำลังที่แยกกันเป็นกองของตนตอนนี้ล้วนโกลาหลขึ้น ธงตราสัญลักษณ์ประจำทัพตนกับทัพอื่นเริ่มผสมปนเปกัน จากที่สูงมาองมาล้วนแทบอยากเป็นลม กองกำลังโจรวัวโค่วทั้งหมดดูเหมือนว่าเป็นหม้อต้มโจ๊กเละๆ ที่เริ่มเดือดพล่าน เละรวมกันเป็นกองเดียว

ในสภาพความเละเทะอลหม่านนี้ ทหารม้ากองกำลังหมิงยังคงกำลังสังหารไม่หยุด  ทำให้หลายกองถูกทหารม้าชุดเกราะหมิงบุกเข้ามากลางกองได้แล้ว ทหารม้าที่เหลือตีวงกว้าง จากนั้นก็เริ่มบุกเข้ามาอีก

ซามูไรกับทหารราบล้วนกลายเป็นการคงอยู่ที่ราวกับแมลงวันไร้หัว  ไม่รู้ทำเช่นไรดี ไม่รู้ไปไหนดี ทั้งกองกำลังสิ้นหวังโกลาหล ไม่รู้ทำเช่นไรดี  แต่ทั้งสนามรบยังมองได้กระจ่างชัดว่า ทหารม้ากองกำลังหมิงกำลังวิ่งวนรอบกองทัพใหญ่โจรวัวโค่วกำลังขับไล่ต้อนไปทางทหารราบกองกำลังหมิง

สามารถมองเห็นทหารราบกองกำลังหมิงจัดแถวเรียบร้อย พลปืนไฟ พลทวนยาวเรียงเป็นทิวแถว สำหรับกองกำลังโคนิชิ ยูกินากะเมื่อครู่ที่บุกเข้ามานั้น ได้ถูกทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินที่ไร้ระเบียบขับไล่ออกไป แตกกระจัดกระจายอยู่ไม่ไกลแล้ว

“ใต้เท้าทาคาฮาชิพลีชีพบนสนามรบแล้ว!!”

“ใต้เท้าทาชิบาน่าพลีชีพบนสนามรบแล้ว!!”

“ใต้เท้าทาคาฮาชิพลีชีพบนสนามรบแล้ว!!”

“ใต้เท้าคุรุชิมะเจ็บหนัก!!”

“ใต้เท้าโทดะคัตสึตะ…”

รายชื่อขุนพลประเทศวัวประกาศออกมาทีละคน ยังมีหลายคนถึงกับข่าวล้วนไม่มีมา พวกเขากับลูกน้องรอบกายล้วนพลีชีพไปแล้ว

“ทำไงดี ทำไงดี!”

 อุคิตะ ฮิเดะอิเอะในชุดเกราะหรูหรา สีหน้าซีดขาวอย่างที่สุด ตัวสั่นราวกับกระด้งฝัดข้าว  สำหรับคนขี้ขลาดราวกับหนูเช่นนี้ ทุกคนล้วนไม่ได้คิดดูแคลน พวกเขาเองก็ล้วนมองหน้ากัน สีหน้าไม่ได้ดีไปกว่าอุคิตะเท่าไร อยู่ ๆ  ก็มีซามูไรฮาตาโมโตะวิ่งมา มาถึงหน้าโคบายากาว่า ทาคากาเกะคิดรายงานเบาๆ แต่เห็นสีหน้าใต้เท้าคนอื่นแล้ว ก็เสียงดังรายงานว่า

“ใต้เท้าชิมัสสึถอนกำลังถอยออกจากสนามรบแล้ว!”

ทุกคนล้วนโมโหมาก ตระกลูชิมัสสึแทบเป็นตระกูลสุดท้ายที่ยอมศิโรราบให้แก่ตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึ  แต่ไรมาก็เป็นตัวของตัวเอง คิดไม่ถึงในยามวิกฤตเช่นนี้ ถึงกับหนีไปโดยไม่สถานการณ์ส่วนรวมเช่นนี้

โคบายากาว่า ทาคากาเกะกำลังจะกล่าว โมริ ฮิเดโมโตะเดินไปข้างกายเขากระซิบว่า

“ใต้เท้าโคบายากาว่า พวกเราจะหนีก็ยังทัน! หากพวกเรากลับถึงแผ่นดินเรา ที่ไซโกกุยังพอมีทาง!”

โคบายากาว่าเดิมเป็นหนึ่งในเสาหลักแห่งตระกูลโมริ โมริ ฮิเดโมโตะเป็นบุตรบุญธรรมของโมริ เทรูโมโตะ สองฝ่ายสายสัมพันธ์แนบแน่น ได้ยินเช่นนี้ โคบายากาว่า ทาคากาเกะนิ่งคิด ก่อนมองไปยังสนามรบอีกรอบ ส่ายหน้ากล่าวว่า

“สถานการณ์ตอนนี้เช่นนี้ พวกเราหนีไม่ได้ ฮิเดโมโตะ เจ้าคิดว่าเป้าหมายของโจรหมิงเพียงเพื่อช่วยเกาหลีหรือ?”

กล่าวจบ โคบายากาว่า ทาคากาเกะเหมือนว่าตัดสินได้ หันไปกล่าวเบา ๆ กับโมริ ฮิเดโมโตะว่า

“เจ้านำพวกฮาตาโมโตะไปก่อน ล้วนเป็นทหารม้า หนีได้ ไปถึงทางใต้เกาหลีบางทีอาจหาเรือส่งพวกเจ้ากลับแผ่นดินเราได้ กลับถึงแล้วอย่างเพิ่งรายงาน รอดูโจรหมิงเคลื่อนไหวค่อนวางแผน!”

กล่าวเสียงเบามาก แต่ความจริงนั้นรอบ ๆ มีคนไม่น้อยได้ยิน ทุกคนมาจากต่างกอง แต่ปกติหากกล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็จะต้องมารวมตัวกัน  หากตอนนี้กล่าวเช่นนี้กลับไม่อาจสนใจได้อีกแล้ว อุคิตะ ฮิเดะอิเอะเหมือนว่าถูกเตือนให้เริ่มรู้ตัวแล้ว ตะโกนเร่งซามูไรฮาตาโมโตะของตนเองไม่หยุด

“รีบไปเตรียมม้าๆ ๆ…”

หัวหน้าทหารหลายกองรบเริ่มไม่สนใจอันใดอีกต่อไป ส่งคนไปรวบรวมกำลังทหารตนกลับมา  ให้ซามูไรฮาตาโมโตะกับคนของเขาไปเตรียมม้า ในเมื่อสถานการณ์พ่ายแพ้แน่นนอนแล้ว เช่นนี้ก็หนีกันก่อนดีกว่า  กองเรือรบแผ่นดินหมิงปิด เส้นทางทะเลเกาหลีไปยังญี่ปุ่น ทัพใหญ่ไม่อาจข้ามทะเลกลับ แต่หากคนน้อย ก็ไม่แน่ว่าอาจทำได้

ครั้งนี้ไดเมียวไซโกกุเสียหายกันหนักมาก แต่โทโยโตมิ ฮิเดโยชิเองก็เสียหายหนักเช่นกัน สถานการณ์ประเทศวัวใกล้จะเปลี่ยนแล้ว หากกลับไปได้  ไม่แน่อาจเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ใหญ่ได้ ปัญหาตอนนี้ก็คือ จะนำทหารตนออกจากสนามรบนี้ให้มากที่สุดได้อย่างไร เช่นนี้ ตนเองก็มีโอกาสรอดยิ่งมาก

คำสั่งต่างๆ ไปถึง บ้างก็ไม่อาจถ่ายทอดไปถึงได้ทั่ว บ้างก็ถ่ายทอดไปแล้วแต่ไม่อาจทำตามได้ แต่ทหารกองใหญ่ด้าหนลังยังคงถอยกลับมาได้

การเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้ทั้งกองกำลังเริ่มโกลาหลสิ้น ทหารม้าแผ่นดินหมิงผ่านเข้ามาในกองทัพยิ่งง่าย สถานการณ์สนามรบเริ่มไปในทางที่หวังทงหวังไว้เรื่อยๆ แล้ว

******************

“ยิง!!”

 ทหารราบหกหน่วย พลปืนไฟเกือบสี่พันเริ่มยิง ควันดินปืนและฝุ่นลอยคลุ้งไปทั่วสนามรบ เสียงทวนดัง มีคนล้มลงไม่หยุด ทหารโจรวัวโค่วรู้ว่าเข้าใกล้ทหารราบกองกำลังหมิงก็จะมีจุดจบที่ถูกทำลายล้าง แต่ทหารม้าแผ่นดินหมิงก็กรูกันเสียงดังวิ่งทะยานมาไล่บี้พวกเขาไม่หยุด พวกเขาได้แต่ต้องบุกใส่พลปืนไฟกองกำลังหมิง

ในระยะยิงใกล้ พลปืนไฟเริ่มยิงโจมตี  ระยะไกลเห็นโจรวัวโค่ววิ่งอลหม่าน พวกเขายิงไปเรื่อย ๆ บรรจุกระสุน จากนั้นก็ยิงอีก

 โจรวัวโค่วล้มลงที่ละแถบ แต่โจรวัวโค่วมีจำนวนมาก ยังคงบุกกรูกันออกมาไม่ขาดสาย  พลปืนไฟเริ่มถอยหลัง ถอยไปยังช่องว่างระหว่างแถวพลทวนยาว ก็เตรียมยิงอีกครั้ง

พลปืนไฟถูกโจรวัวโค่วบุกใส่  แต่พลทวนยาวยังคงนิ่งไม่ขยับ โจรวัวโค่วล้มตายอยู่หน้าทวนยาวไม่หยุด  ด้านหนึ่งเป็นทวนยาวที่นิ่งไม่ขยับ  อีกด้านเป็นปืนไฟที่ยิงไม่หยุด สองด้านรวมกันทหารราบชายแดนเริ่มค่อย ๆ  ขยายกำลังออกมาอุดไว้

คนน้อยล้อมคนมาก กองกำลังหมิงถึงกับเปิดปากถุงสนามรบกว้าง บรรจุโจรวัวโค่วที่มากกว่าตนเองเข้ามา ก่อนเริ่มล้อมโจมตี

“แม่ทัพใหญ่ สี่ด้านเริ่มล้อมแล้ว ทหารราวหมื่นนายกำลังกระเจิงหนีลงใต้!”

บนหอสังเกตการณ์มีข่าวลงมา หวังทงที่สีหน้าเคร่งเครียดมาตลอดก็ผ่อนคลายลง กล่าวว่า

“ซาตงหนิง เจ้านำกำลังทหารม้ากลุ่มพ่อค้ากับทหารติดตามข้าไปไล่ล่า ไม่ขอให้ราบคาบ แต่ขอสังหารบาดเข็บ ให้ศัตรูไปไกลเท่าไรยิ่งดี พวกเขาบนเกาะเกาหลีนี้ ยังจะหนีไปไหนได้!”

ซาตงหนิงบนม้าคำนับกล่าวว่า

“ข้าน้อยรับคำสั่ง ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับแม่ทัพใหญ่ก่อน ชัยชนะใหญ่นี้ ปราบโจรวัวโค่วสิ้นซาก!”

“ไม่อาจเรียกว่าชนะสิ้น ยังมีอีกหมื่นหัวรอตัดอยู่ วาจาเหล่านี้กลับไปค่อยกล่าวไม่สาย ไปไล่ล่าก่อน!”

หวังทงยิ้มโบกมือ ทหารติดตามหวังทงเฮดัง เคลื่อนม้าออกศึก ตามซาตงหนิงไป  บนสนามรบ ควันคลุ้ง เสียงสังหารดังไปทั่ว โจรวัวโค่วเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ  เสียงเฮดังทั่วทั้งสนามรบอยู่ไม่ไกลแล้ว

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Status: Ongoing

หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท