ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก บทที่ 1420
ณ เวลาสิบโมงเช้า ฮาร์วีย์และอาเวลปรากฏตัวที่เขตขายวัตถุโบราณของบัควู้ด
ฮาร์วีย์มาเพื่อสังเกตการณ์ความสนุกสนานและเพื่อมาดูว่าใครคือเจ้าของร้านขายวัตถุโบราณของตระกูลฟลินน์กันแน่ รวมถึงมาดูว่าพวกเขาไปเอาความกล้าจากไหนที่มาเล็งเขาเป็นเป้าหมาย
ถ้าสมมุติว่าร้านขายของเก่าตระกูลฟลินน์เป็นธุรกิจของพวกคนตระกูลลีโอจากฮ่องกง เขาก็พอจะเข้าใจได้
แต่เขาไม่เคยเจอใครจากตระกูลฟลินน์มาก่อนเลย เขาเลยไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงลงทุนทำอะไรแบบนี้
ไม่นานนัก คนหลายคนก็มารุมล้อมหน้าทางเข้าร้านขายวัตถุโบราณของตระกูลฟลินน์
นักเลงคนที่ยืนอยู่หน้าสุดถีบประตูพัง จากนั้นกลุ่มนักเลงคนอื่น ๆ ก็เดินดาหน้าเข้าไป ทุกคนต่างมีสายตาอาฆาตแค้น
ลูกค้าในร้านกลัวจนตัวสั่น พวกเขารีบถอยหลังกลับไปเพื่อหลีกทางให้
“พวกคุณเป็นใคร? จะมาทำอะไรกัน?”
พนักงานและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในร้านทำท่าราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอันตราย รปภ.บางคนเริ่มหยิบกระบองไฟฟ้าออกมากวัดแกว่งไล่พวกนักเลงแล้ว
อาเวลเดินตึง ๆ เข้ามาในร้านแล้วเตะแจกันโบราณทิ้ง เขาคำราม “ดาร์เรน ฟลินน์! โผล่หัวออกมาที่นี่ เดี๋ยวนี้!”
ฮาร์วีย์เดินตามอาเวลไปอย่างใจเย็นโดยไม่พูดอะไรออกมา เขาพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด
ดูเหมือนร้านขายวัตถุโบราณของตระกูลฟลินน์จะเป็นร้านที่เพิ่งเปิดขึ้นใหม่ ชั้นวางของในร้านยังดูใหม่เอี่ยม แต่วัตถุต่าง ๆ ที่วางจัดแสดงอยู่ดูล้ำค่ามากทีเดียว
โซนที่จัดแสดงอัญมณีจัดแสดงอัญมณีที่ดูเจียระไนอย่างประณีต
“ผมกำลังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมนกแม็กพายในร้านถึงส่งเสียงจิ๊บ ๆ ที่แท้ก็เพราะนายน้อยไนส์เวลล์มาหานี่เอง!”
ในขณะที่ฮาร์วีย์กำลังง่วนอยู่กับการชื่นชมของจัดแสดง ก็มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากตรงระเบียงทางเดิน และผู้ชายใส่สูตคนหนึ่งที่ดูบริสุทธิ์ราวกับอัญมณีสีขาวก็เดินออกมา
เขาเป็นผู้ชายก็จริง แต่ผิวของเขากลับนับว่าซีดเซียวมากทีเดียว เขาถึงกับแต่งหน้าด้วยซ้ำ กลิ่นน้ำหอมโชยมาจากเขาทุกย่างก้าวที่เขาเดินเข้ามา
พอเห็นอาเวลเข้า สีหน้าอาย ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของดาร์เรน
“เมื่อเช้าพวกเราเพิ่งคุยกันไปไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมคุณถึงมาที่นี่อีกรอบล่ะ?”
“ถ้าคุณคิดถึงผมก็โทรหาเอาก็ได้ เดี๋ยวผมไปหาคุณถึงที่ให้คุณมีความสุขเอง ไม่เห็นต้องมาถึงที่นี่ให้เอิกเกริกเลย”
“ผมทำอะไรให้คุณโกรธหรือเปล่า?”
ดาร์เรนมองกระเบื้องพอร์ซเลนสีน้ำเงินขาวที่แตกกระจายอยู่บนพื้น สีหน้าไม่พอใจโผล่ขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความกลัวในที่สุด
เหมือนเขาจะดูโกรธอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ก็บังคับตัวเองให้ต้องควบคุมอารมณ์ต่อหน้าอาเวล
เรียกได้ว่าแรงจูงใจและการควบคุมอารมณ์ของหนุ่มหน้าสวยคนนี้ค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว
แกล้งทำเป็นอ่อนแอ แล้วใช้ประโยชน์จากคนอื่น
ฮาร์วีย์มองดาร์เรน ฟลินน์ด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม
ว่ากันว่าตระกูลฟลินน์ทำธุรกิจเกี่ยวกับวัตถุโบราณ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์ในสายงานนี้มากกว่าตระกูลไนส์เวลล์
ถ้าคิดตามตรรกะแล้ว ตระกูลฟลินน์จากฮ่องกงจะต้องมีอำนาจเหนือตระกูลไนส์เวลล์ได้แน่
แต่ที่นี่คือบัควู้ด ที่นี่คือถิ่นของตระกูลไนส์เวลล์
เรื่องตระกูลอันทรงพลังอย่างตระกูลฟลินน์จะสามารถข่มตระกูลไนส์เวลล์ได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ตัดทิ้งไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ตอนแรกพอมีคนบอกว่าแกเป็นนักแสดง ฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะ แต่ตอนนี้เชื่อแล้วล่ะ!”
“ถ้าแกแสดงดีขนาดนี้ ไม่ไปสมัครเป็นนักแสดงเลยล่ะ?!”
อาเวลย่างสามขุมไปคว้าไหล่ของดาร์เรน
“แกรู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป?”
ต้องขอยกนิ้วให้ดาร์เรน ที่เจ้าตัวยังจ้องอาเวลกลับด้วยแววตางุนงง
“นายน้อยไนส์เวลล์ครับ ผมก็ชื่นชมคุณมาตลอดนะครับ แล้วผมก็ทำตามกฎอุตสาหกรรมที่ตระกูลไนส์เวลล์บัญญัติไว้มาโดยตลอด ผมไปทำอะไรให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจกันครับ? ช่วยบอกผมที!”
สีหน้าของอาเวลปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามอันเย็นชา ถ้าเขาไม่ได้เห็นฮาร์วีย์พังอัญมณีเป็นสองซีกแล้วล่ะก็ เขาอาจจะหลงเชื่อผู้ชายคนที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยคนนี้ไปแล้วก็ได้