ตอนที่ 445 : ไหนไม่เห็นมีอะไรเลย?
“บ้าเอ้ย!” หนานกงชูวสบถ “จับนั่งเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ข้า!”
เหล่าสาวกได้ยินเช่นนั้นรีบวิ่งตรงปรี่เข้าไปหาเจียงเสี่ยวหยูทันที พวกเขาพุ่งเข้าหาเธออย่าง กับคนบ้า
เจียงเสี่ยวหยูโบกมือเล็กๆของเธอ
แสงจิตวิญญาณสีฟ้าพุ่งขึ้นจากพื้นพลางการกระโจนของเหล่าสาวกที่กําลังกระโจนเข้ามากระแทกกับแสงสีฟ้าทําให้พวกเขากระเด็นออกไป
คาถากับดัก!
ส่วนเจ้ากิเลนเมื่อมันเริ่มฟื้นตัวดีและความสนใจได้ไปอยู่ที่เฉียงเสี่ยวหยูแทนมันจึงพ่นไฟออกมาเพื่อขับไล่เหล่าสาวก เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากความร้อนที่ท่วมตัว
ใบหน้าของหนานกงชูวตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ
เขาคิดว่าเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลเจียงคงจะทําอะไรไม่ได้นอกจากกินเล่นไปวันๆ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวการต่อสู้ของเธอแถมยังมองว่าเธอไม่เหมาะสมกับการเป็นอัจฉริยะซะด้วยซ้ํา!
แต่ .. เขาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้เลยเพียงเพราะนามสกุลเจียงของเธอ
การแสดงของหนานกงชูวในตอนนี้ทั้งสายตาและท่าทางของเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจสุดๆ “ข้ายอมรับว่าความแข็งแกร่งของเจ้านั้นมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการเป็นทายาทของตระกูลเจียง แต่ถึงอย่างนั้นนานวันเข้ายังไงเจ้าก็ยังเป็นเพียงรุ่นน้องอยู่ดี” เขาเหยียด
เขาคํารามออกมาด้วยความโกรธจัดเพื่อเรียกคมดาบออกมา ดาบนั้นออกมาตามเสียงไม่พอใจของเขา เสียงของมันกรีดร้องด้วยความโกรธเกลียดเหมือนที่เขาแสดง
“ข้าจะพูดอีกครั้ง!” หนานกงชูวอดกลั้นความเกลียดไว้ภายใต้สีหน้าที่เย็นชากําลังจะระเบิด “ส่งผู้หญิงตระกูลหลีให้ข้า!”
“โอ้ย! ทําไมถึงทําตัวหน้ารําคาญแบบนี้” เจียงเสี่ยวหยูไม่สนใจที่จะคุยกับเขาอีกต่อไป เธอเลียนแบบการกระทําของฟางฉีเวลาที่เขาเล่นเดวิลเมครายแล้วไม่ต้องการให้ใครรบกวน
เธอชี้นิ้วไปที่คู่ต่อสู้ด้วยท่าทางเย้ยหยัน หนานกงชูวที่ยืนอยู่แทบจะไม่เชื่อสายตา แม้แต่หลี่หลันเหลียวที่อยู่ข้างๆเธอก็เช่นกัน
หนานกงชูวมีการตอบสนองในทันที เขาโกรธที่เด็กหญิงคนนี้ไม่เพียงแต่จะปฏิเสธในคําของเขาแต่เธอยังทําท่าทางล้อเลียนเขาอีกด้วย!
ที่สําคัญกว่านั้นท่าทางนี้คล้ายกับท่าทางของฟางฉีตอนที่ทําลายนักรบดาบอมตะของเขาในเวลาที่หนานกงจิวเวิ่นเป็นผู้นํา
แสดงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับฆาตรกรที่ฆ่าคนในตระกูลหนานกงไปมากกว่าร้อยคน!
“ประมาทเกินไปแล้ว!” หนานกงชูวกล่าวด้วยเสียงดุดัน “ข้าพยายามที่จะไม่แสดงออกเพื่อเคารพตระกูลเจียง แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ได้รู้สึกขอบคุณที่ข้าอ่อนให้ บอกให้รู้ว่าเจ้าเข้ามายุ่งกับเรื่องที่ไม่ควรยุ่งเสียแล้ว!”
แกรก!
หนานกงชูวกรีดฝ่ามือของเขาด้วยดาบสร้างรอยบาดตามด้วยน้ําสีแดงไหลลงมาตามทางเพียงเสี้ยววิสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางหัวของเขา ผมของเขาปลิวยุ่งเหยิงหน้าของเขาซีดเผือดคล้ายผีจากนรก
“สัมผัสได้ถึงพลังนี้มั้ย?” หนานกงชูวดูหน้ากลัวลงไปทุกที พลังงานสีดําเริ่มควบแน่นรอบตัวเขา
ใบหน้าของหนานกงชูวเริ่มบิดเบี้ยวราวกับผีร้าย “ข้าประหลาดใจที่ข้าต้องใช้พลังอย่างเต็มที่เพื่อสู้กับเจ้า เจ้าควรรู้สึกเป็นเกียรติ” เขาเยาะเย้ย
“ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นว่าทําไมวังดาบของข้าถึงอยู่เหนื่อตระกูลอื่นๆ” เขาประสานมือเข้าหากันที่หน้าอกรวมพลังลมปราน “ข้าเป็นอัจฉริยะคนเดียวของตระกูลที่สามารถควบคุมดาบศักดิ์สิทธิ์ได้โดยไม่ถูกลดตัวเพื่อเป็นทาสดาบในช่วงพันปีที่ผ่านมา วันนี้ข้าจะแสดงให้เห็นว่ามันเป็นยัง
ฉับ!
หนานกงชูวตะโกนเสียงดังแข่งกับพลังดาบที่พุ่งตรงลงมา
ตู้ม! เสียงดังสนั่นทิ้งรอยลึกลงไปยังพื้นดิน
ห่างออกไปหลายร้อยเมตรผู้ฝึกฝนหลายสิบคนล้มกองอยู่กับพื้น
“พลังดาบที่แข็งแกร่งเช่นนี้” หญิงชุดขาวรู้สึกแปลกใจ “ไม่! หนานกงชูวปลดปล่อยพลังขั้นสุด พวกเราต้องรีบไป!”
“อะไรหนานกงชูวทําอะไร?” หญิงสาวชุดเขียวขมวดคิ้ว “เขากําลังสร้างศึกระหว่างสองตระกูลหรอ?”
ใช่ .. ดาบที่ฟาดลงมานั้นพลาดเป้า
“ไม่จริงน่า เธอวิ่งเร็วแน่ๆ” หนานกงชูวถอนหายใจเขาเห็นเจียงเสี่ยวหยูกําลังหอบแสfงให้เห็นว่ามันไม่ง่ายเลยสําหรับเธอที่จะหลบการโจมตีนี้
“ข้าอยากจะรู้จริงว่าจะหลบได้สักกี่ครั้ง!” เขาตะโกนและลงดาบอีกครั้ง
“ฮี!” เจียงเสี่ยวหยูถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้าก็จะแสดงให้เห็นถึงพลังของข้าเช่นกัน”
พายุปั่นป่วนเริ่มพัดหินและทรายให้อยู่รอบตัวเจียงเสี่ยวหยูมันพัดและนิ่งสงบลง หินและทรายที่อยู่รอบตัวเธอแตกเป็นฝุ่นราวกับกําลังก่อตัวเป็นเกราะกําบัง
ขณะที่เธอสร้างเกราะสําเร็จเธอเรียกเทคนิคดาบของเซียนกระบี่พิชิตมารดาบอมตะออกมา เรื่องราวของหลี่เสี่ยวเหยาที่ได้ถ่ายทอดให้เธอยังคงวนเวียนในหัวเธอ พลังลมปรานของเธอในเวลานี้พุ่งพลานอย่างมาก
ด้วยเทคนิคดาบของหลี่เสี่ยวเหยาประกอบรวมเข้ากับเทคนิคดาบระยะประชิดของจิงเทียน
สามนาทีต่อมา .
อุ้ย! หนานกงชูวถมน้ําลายออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาทําดีที่สุดแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะเฉียดเข้าหาคู่ต่อสู้
“หึ .. ตอนนี้เจ้าคงได้ลิ้มรสของดาบอมตะและดาบประชิดแล้วใช่มั้ย?” เจียงเสี่ยวหยูพูดพร้อมหายใจเข้า “ข้ายังมีเทคนิคอื่นๆ อีกมามายระวังดาบพระเจ้าของข้าให้ดีละ”
“อ๊ะ ” เสียงดังมาจากป่า
“พวกเราอยู่นี่ พวกเราอยู่ที่นี่แล้ว!” พวกเธอรีบวิ่งเข้ามาพร้อมดาบในมือ
. พวกเธออึ้งกับภาพตรงหน้า
“ !!??”
เต็มสองตาร่างของหนานกงชูวที่เต็มไปด้วยเลือด หนานกงชูวเอื้อมมือไปหาพวกเธอ “ช่วย…”
“ไหนกัน? พวกข้าไม่เห็นอะไรเลยเชิญตามสบาย” หญิงสองคนวิ่งหายไปในทันที
หญิงชุดขาวที่วิ่งตามมาติดๆ เสริมว่า “อ่อ ข้าลืมไปว่ามีธุระต้องทํา”
เธอพูดจบแล้วรีบวิ่งจากไป
“!!??” หนานกงชูว