ตอนที่ 459 : จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?
“เราไม่รู้ว่าใครเป็นผู้เริ่ม เราหรือพวกเขา” มอร์เฟียสยังคงอธิบายต่อไปว่า “แต่มนุษย์รู้ว่าพวกมันจําเป็นต้องพึ่งพาพลังงานจากแสงอาทิตย์และเชื่อว่าจะไม่สามารถดํารงชีวิตอยู่ได้หากขาดพลังงานอย่างดวงอาทิตย์ไป เราเองก็เช่นกันจําเป็นต้องพึ่งพาเครื่องจักร แต่ดูเหมือนว่าความเข้าใจของพลังงานจะผิดเพี้ยนไปเมื่อ” มอร์เฟียสเงียบไปสักครู่ก่อนจะพูดต่อ
“ร่างกายมนุษย์สามารถผลิตไฟฟ้าชีวภาพได้มากกว่าแบตเตอรี่ 120โวลต์และพบความร้อนในร่างกายมากกว่าสองหมื่นห้าพันบีทียู เมื่อหลอมรวมเข้ากันแล้ว เครื่องจักรเหล่านี้พบพลังงานทั้งหมดที่จําเป็นคือมนุษย์ดีๆ นี่เอง”
เรื่องราวในหนังยังคงดําเนินต่อไป ฉากตรงหน้าคือทุ่งกว้างคล้ายว่าจะมีไว้ทําการเกษตรพร้อมด้วยเครื่องจักรที่คล้ายปลาหมึกยักษ์ข้างในกําลังล่อเลี้ยงทารกราวกับว่าพวกเขากําลังเติบโตในท้อง
นี่เป็นกระบวนกระผลิตมนุษย์โดยเครื่องจักร
นี่คือความจริง .. นี่คือพลังงานชีวภาพที่เครื่องจักรค้นพบ
หนังเรื่องนี้นําเสนอเรื่องราวของสติปัญญหาของมนุษย์ที่เป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทําลายในเวลาเดียวกัน แสดงถึงเครื่องจักร์ที่ไม่มีการผลิตที่สิ้นสุด
ฉากเหล่านี้ถาโถมเข้าไปในจิตใจของผู้ชมราวกับคลื่นยักษ์ สร้างความหดหูในหัวใจยิ่งนัก!
หลายคนยังคงสลดใจกับฉากก่อนหน้านี้ แม้แต่ปรมาจารย์ที่มีความแข็งแกร่งทางด้านการฝึกฝนยังมีท่าทีที่หวาดกลัวและบิดเบี้ยว
เพียงเสี้ยววิเหล่าเด็กสาวกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว นี่อาจจะความน่ากลัวแรกที่เพิ่งเคยเจอตั้งแต่เกิดมา
โชคดีที่นี่เป็นแค่สิ่งที่เกิดขึ้นในจอ!
กวางสีขาวตัวใหญ่เองถึงกับปิดตาลงไปนอนกับพื้น แม้จะแอบมองเป็นครั้งคราวด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ตาม
“หมายความว่า ” ถังหยูพูดอย่างจิงจัง “พวกเขาใส่ความคิดลงไปในเครื่องจักรที่พวกเขาสร้างขึ้นหรอ? แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นทาสพวกมัน?”
“เครื่องจักรสร้างโลกเสมือนจริงเพื่อจับมนุษย์มาขังไว้ในโลกของความคิด?” ผู้ฝึกฝนที่มีความรู้เรื่องสิ่งประดิษฐ์เอ่ย
อย่างไรก็ตาม สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ล้ําหน้ากว่าสมบัติทางจิตวิญญาณที่นี่เป็นสิบๆ เท่า
สติปัญญาของเหล่าสิ่งประดิษฐ์พวกนี้น่ากลัวมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งมนุษย์ใช้ความรู้ความสามารถเพื่อสร้างขึ้นมาบําเรอตัวเอง แต่ในทางกลับกันมันเองเริ่มมีสมองจึงคิดที่จะทําลายมนุษย์
หนังเรื่องนี้ทําให้ความคิดของพวกเขารู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“จะเกิดอะไรขึ้น?”
ตอนแรกพวกเขารู้สึกไม่สนุกแต่พอยิ่งดูกลับยิ่งหลงไหลถึงความลึกลับของมัน มันไม่ใช่แค่จินตนาการ มันเกินกว่านั้น!
แม้มันจะเป็นเพียงเรื่องในจอ แต่มันเป็นความแลปกที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน มันยอดเยี่ยมาก หลายคนเอ่ยชมออกมา มันน่าทึ่ง!
ขณะเดียวกันผู้คนยังไม่ตื่นขึ้นจากความตกใจ ความคิดแปลกๆ เริ่มก่อตัวในใจพวกเขา คนในหนังอาศัยอยู่ในโลกเสมือนจริง แล้วถ้าอยู่ในโลกจริงๆ ละ?
คิดแล้วรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกําลังจะพังทลาย
“แล้วเราจะตื่นมาพบความจริงหรือไม่ว่าตัวเองกําลังโกหกตัวเอง” โมเซียนถามด้วยความหวาดกลัว
ผู้คนรอบตัวเริ่มพูดคุยกัน
เรามีชีวิตอยู่มาหลายปีแล้วและถือเอาการกลับชาติมาเกิดเป็นเรื่องราวปกติ แต่เราไม่เคยคิดเลยว่าหากเราโกหกตัวเองแล้วเรื่องราวเหล่านี้เป็นความจริงมันจะเป็นเช่นไร
จะเกิดอะไรขึ้นหากร่างกายของเราถูกเก็บไว้ในสถานที่ที่เราไม่รู้จัก ส่วนจิตใจของเราอาศัยอยู่ในโลกเสมือนจริงเช่นเดียวกับที่นี่โอเคยเป็น
แค่คิดก็ขนหัวลุก
ด้วยความคิดเหล่านี้ทําให้ผู้ฝึกฝนบางคนรู้สึกขาอ่อนแรง วันหนึ่งเรื่องราวในหนังอาจจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้
จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาพบว่าพวกเขาอาศัยอยู่อย่างมีความสุขโดยใช้ความฝันในการหล่อเลี้ยงชีวิต
“ท่านอาจารย์! หยิกข้าหน่อย ข้าฝันไปหรือเปล่า” เฟงหัวและยูชินพูดเสียงสั่น
“เฮ้อ … ถ้ามันเป็นความจริงจะมีประโยชน์อะไรที่จะบีบตัวเจ้า” ซูเทียนจิตอบ
“ทําไมเธอถึงได้กลายเป็นคนในฝันทั้งที่ข้าเป็นกวาง!” กวางขาวบ่น
“อืม .. นี่”
โมเซียน “…”
ฟางฉีวางมือบนหน้าผาก
“เข้มแข็งไว้อย่าไปหลงเชื่อกับสิ่งภายนอก!” กูถิงหยุนสูดลมหายใจเข้าแม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสับสนก็ตาม
“ดูหนังกันต่อเถอะ!” นาหลันฮงวูกล่าว “เห็นได้ชัดว่าโลกของพวกเขานั้นแต่งต่างจากเรา อย่าเพิ่งที่ตนไปก่อนใข้เลนสาวน้อย”
“มันเป็นแค่หนังใช่มั้ย?” ซงฉิงเฟิงกลับมามีสติอีกครั้ง “ข้าหวังว่าวันหนึ่งจะตื่นขึ้นมาในญานะหลี่เสี่ยวเหยา”
สุดท้าย เซียนกระบี่พิชิตมารหนึ่งคือจุดเริ่มต้นของความฝัน
“เอาละ!” ซูเทียนจิกลอกตา “มันเกือบจะทําให้ความเป็นจริงสั่นคลอน”
สําหรับหนุ่มสาวพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะทิ้งตัวเองไว้กับความคิดเหล่านี้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่ามันเป็นแค่หนัง
หนังทิ้งปมและความสงสัยในจิตใจของพวกเขาไม่น้อย ยิ่งน่ากลัวก็ยิ่งอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนต่อไป