ตอนที่ 442 : อยู่ไหนน้า?
“มันเกิดอะไรขึ้น?” พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ทําไมพวกเขาหนีออกมา!?” นักรบลัทธิเต๋กล่าวด้วยน้ําเสียงดุดัน “อะไร? เสียสติ!”
ปรมาจารย์เปาผิงมองเฟิงหยางซีที่อยู่ข้างๆ “พวกเขาคือห้าอมตะแห่งถ้ํามังกรที่ท่านเพิ่งเอ่ยถึงไปไม่ใช่หรอ?” เธอถาม
ทําไมพวกเขาถึงหนีไป? เด็กคนนี้เป็นแค่เด็กหญิงตัวเล็กที่จดจ่ออยู่กับการเล่นหยกสื่อวานโดยไม่ระวังตัว พวกเขากลัวอะไรกัน?
เพิ่งหยางซีทําหน้าไม่ถูกเขารู้สึกละอาย “เจ้าพวกนี้มันป้อ!”
“นั่นเธอยังคงเล่นกับหยกสื่อสารอยู่ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าเมื่อกี้มันอันตรายมาก!” นักรบลัทธิเต๋ถอนหายใจ “ถ้าพวกมันไม่วิ่งหนี ปานนี้เด็กคนนี้”
“ช่างมัน! ลืมๆ มันไป!”
“ไม่ต้องห่วง” ปรมาจารย์เปาผิงกล่าว “ยังมีเหล่าผู้คนอีกมากมายที่เข้าร่วมการสอบในครั้งนี้ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่มีผู้ใดสอนบทเรียนให้เธอได้”
พวกเขายังคงเฝ้าดูฉากในสายหมอกต่อไป
ขณะเดียวกันในคาเฟที่หยวนหยาง
สําหรับเผ่าอสูรจัดว่าเป็นเผ่าหายาก ยิ่งสายเลือดโบราณแล้วยิ่งแทบพลิกแผ่นดินหา พวกเขามีความสามารถพิเศษที่จะแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบโดย ยกเว้นตระกูลเจียงซึ่งพวกเขาเป็นตระกูลสายเลือดปีศาจโดยแท้แต่ถูกผสานตัดต่อยืนให้เข้ากับสายเลือดของพวกเขา
การแปลงร่างแตกต่างจากคาถาภาพลวงตาการแปลงร่างสามารถเปลี่ยนโครงสร้างทางกายภาพของสิ่งมีชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่คาถาใช้บังตาเท่านั้น ความยากของการใช้เทคนิคทั้งสองมีความแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมนายพลคิงคองที่นั่งข้างๆ เจียงเสี่ยวหยุถึงมีขนดก
แม้แต่เป็นหยันและซื่อหมิงองครักษ์ของเจียงชวนแม้ร่างกายพวกเขาจะเหมือนมุษย์แต่คนหนึ่งหน้าดําคนหนึ่งหน้าเขียว
สําหรับกวางขาวตัวใหญ่ก็เช่นกัน มันอาจจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ในวันหนึ่งแต่คงไม่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปได้ทั้งหมด
“ดูนั่น ”
“พวกเขามาจากเผ่าปีศาจหรอ?”
“ว่ากันว่าปีศาจและอสูรจํานวนมากเข้าสู่การทดสอบของสํานักสวรรค์ในปีนี้ อ่อ .. องค์หญิงตระกูลเจียงก็เช่นกัน ”
“มันมาจากตระกูลปีศาจจริงๆ หรอ? มันแค่กวางไม่ใช่หรอ? ”
กวางขาวนั่งนิ่งหมดคําพูด มันแอบเดือดดาลกับสิ่งที่ได้ยินมันเป็นกวางแล้วยังไง? เป็นปีศาจแล้วยังไง?
ผู้ฝึกฝนหลายคนที่ยังไม่เริ่มเกมเขาชี้ไปที่กวางตัวใหญ่นี้นั่งเล่นและจบโค้กอย่างจริงจัง
“กวางตัวนี้ก็เล่นด้วยหรอ?”
“มันไม่เห็นจะแปลก ” หลินเอ๋อกล่าวพลางเดินผ่านพวกเขา เธอคุ้นเคยกับฉากนี้หลังจากผ่านมาแล้วสองสามวัน “มีคนบอกว่ามีปีศาจตัวใหญ่สายเลือดบริสุทธิ์ในร้าน ”
“ ” ผู้ฝึกฝนเหล่านี้กลืนน้ําลายและพูดด้วยเสียงสั่น “พวกท่าน… ไม่กลัวว่าปีศาจจะ กินคนในร้านหรอ?”
หลี่ว์หยายืนอยู่ข้างๆ พวกเขาพูดไม่ออก
“หยุดดูพวกเขา กลับไปเล่นเกมเถอะ!”
ขณะที่พวกเขาพูดกันนั้นปีศาจตัวใหญ่ที่พวกเขาพูดถึงกําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมผ้านว,ผืนใหญ่
เท่าที่ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะเล่นเกมเสร็จพลางจิบชานม “อืม …. ต้องการปราบปรามข้าและไม่อนุญาตให้ข้าใช้พลังธรรมชาติ ไม่เป็นไร! อย่างน้อยการอยู่ที่นี่จ้าก็สามารถใช้คริสตัลและเพิ่มความแข็งแกร่งในการฝึกฝนได้ด้วยการเล่นเกม ด้วยวิธีนี้มันช่างยอดเยี่ยม!”
“ฮ่าๆ ข้าฉลาดมาก! หลังจากที่ฟื้นพลังฝึกฝน” มันเริ่มจินตนาการว่ามันจะต่อยฟาง ฉีและไล่จัดการหญิงเจ้าเล่ห์
พลังการฝึกฝนของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว.
การเรียนรู้ก้าวกระโดดขึ้น
ณ เมืองครึ่งที่นั่นเองก็กําลังเล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน พวกเขามีการพัฒนาการอย่าวต่อเนื่อง
“พลังในการฝึกฝน” โมเซียนและคนอื่นๆ มองหน้ากันหลังจากได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นในร้า
“เจ้าควรขอบคุณร้านนะที่อนุญาตให้เจ้าเล่นเกม” ยื้อหยันถอนหายใจ
“ถ้าเจ้าหอนอีกเราจะให้เจ้าของร้านโยนออกไปข้างนอก!”
“อืมมม!” เชียวหยูที่กําลังกินผลไม้มองไปรอบ “อย่าให้รู้ว่าใครมันปากไม่ดีลับหลังข้า!”
เวลาเดียวกันผู้เล่นใหม่ในหยวนหยางก็เริ่มเล่นเซียนกระบี่พิชิตมารสามกันบ้างแล้ว
บนเรือจิตวิญญาณลอยฟ้าของสํานักสวรรค์
“เร็วดูนั่นมีคนมา!” ผู้ฝนรู้สึกง่วงหลังจากเฝ้าดูมาสักพัก ในที่สุดพวกเขาก็จะได้เห็นฉากที่พวกเขาเฝ้ารอคอยมาทั้งวัน ร่างหลายร่างกําลังเคลื่อนตัวไปทางนั้น
“ พวกเขาน่าจะเป็นของตระกูลชู” นี่คือหนึ่งในตระกูลที่ถือเป็นตระกูลใหญ่และมีภูมิหลังมา ยาวนานนอกจากนี้ต้นตระกูลยังมีพลังจิตวิญญาณที่จัดอยู่ในความน่ากลัวอันดับต้นอีกด้วย
“ไม่.. ไม่เพียงแต่ตระกูลชูเท่านั้น” เฟิงซีกล่าว “นั้น ทางนั้นคนของตระกูลซวนก็มาเช่นกันแม้ว่าตระกูลชวนจะไม่ได้ติดอันดับความน่ากลัวแต่พลังของพวกเขาก็ไม่น้อยหน้าไปกว่าใคร”
“นั่นเลยเก้อหรือเปล่า?” มองจากมุมบน ร่างสูงนั้นเด่นตระหง่านเขาสวมเสื้อคลุมแขนสั้น“เขาเป็นอัจฉริยะระดับสุดยอดของตระกูลเล่ยไม่ใช่หรอ? ว่ากันว่ามีความสามารถไม่น้อยไปกว่าอัจฉริยะของตระกูลโบราณ” เปาผิงกล่าว
“เฝ้าดูเธอห่างๆ” นักรบเต๋กล่าว “เราไม่สามารถปล่อยให้เด็กคนนี้ถูกไล่ออกจากการสอบ
“เข้าใจแล้ว” เฟิงซีกล่าว “งั้นก็ให้เด็กคนนี้ได้ลิ้มรสความลําบากซักหน่อย”
บนพื้นตอนนี้เต็มไปด้วยซากอสูรมากมาย เปาผิงแปลงเป็นเด็กสาวสวมหมวกไม้ไผ่ นักรบเตเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อคลุมสีขาวลายนกกระเรียน
“เด็กคนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ” เพิ่งซีกล่าวก่อนที่พวกเขาจะมองหน้าและส่งสัญญาณให้กัน
กลุ่มเด็กผู้หญิงเอ่ยทัก “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” เด็กชุดเขียวทึกทักด้วยความงุนงง
“ไม่มีอะไร” หญิงสาวอีกคนตอบพลางมองหยกสื่อสาร “ผู้อาวุโสสั่งให้ข้าไปทําธุระ เราจะไปทางนั้น”
เธอชี้ไปทิศทางของเจียงเสี่ยวหยู
“เด็กผู้หญิงตัวเล็กของตระกูลเจียงน่าจะทนได้สักพักใช่มั้ย” เฟิงซีกล่าว
“ที่. ถ้าไม่ได้เธอก็ไม่คู่ควรกับความพยายามที่เราใช้ไปกับเธอ”
“ท่านนักรบและท่านเปาผิงดูเธอส” ชายชุดดํากล่าว
ทางด้านเจียงเสี่ยวหยู ทางนั้นเธอยังคงวงเวียนอยู่กับการเล่นหยกสื่อสารบนมือ
ไร้วี่แว่วของคนรอบๆ
ผู้คนบนเรือจิตวิญญาณต่างทําหน้างง
“พวกเขาอยู่ไหน?”
ในมือเจียงเสี่ยวหยุตอนนี้ เต็มไปด้วยหยกสื่อสารราวๆ สิบชิ้นเห็นจะได้