ปฏิบัติการ ตามล่า อำนาจ ของ ฮาร์วีย์ ยอร์ก บทที่ 2126
ฝูงชนต่างตระหนกและตกใจ
อย่างไรก็ตาม ฮาร์วีย์กลับนั่งลงอย่างเมินเฉยและกินอะไรต่อไปโดยไม่แยแส
เมื่อเขาเผชิญหน้ากับคุณย่ายอร์ก เมลิสสา ลีโอก่อนหน้านี้ เขาก็รู้ในทันทีว่าหัวหน้าตระกูลชั้นนำน่ากลัวเพียงใด
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลยอร์กก็เป็นเพียงตระกูลชั้นนำธรรมดา ๆ
พวกเขาไม่อาจเทียบกับตระกูลสมิธ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบตระกูลแรก หากจาเดนไม่มีความสามารถ ตระกูลสมิธคงถูกฝ่ายตรงข้ามโค่นล้มไปได้นานแล้ว
จาเดนไม่ได้ออกตัวอะไรมากนักแม้ว่าเขาจะพึ่งยุติความขัดแย้งเมื่อครู่ไปก็ตาม แต่เขากลับไปนั่งที่เดิมของตัวเองแทน
หลังจากดื่มไปสองสามแก้ว งานเลี้ยงก็จบลง ฮาร์วีย์กำลังจะจากไป แต่จาเดนขอร้องให้เขาอยู่ต่อ
เมื่อคนอื่น ๆ เห็นว่าจาเดนมีเรื่องจะพูดกับฮาร์วีย์ ดังนั้นพวกเขาจึงค่อย ๆ จากไปทีละคน
จาเดนทำท่าทาง “ขอร้อง” ก่อนที่ฮาร์วีย์จะพูดต่อ และเชิญฮาร์วีย์ให้เดินตามเขาออกไปนอกห้องโถง
สวนงดงามทักทายสายตาของฮาร์วีย์ เมื่อยืนอยู่ตรงนั้น จะสามารถมองเห็นชายฝั่งของมอร์ดูและคลื่นสีฟ้าที่เกลือกกลิ้งอยู่ในทะเลได้ด้วย
ฮาร์วีย์หรี่ตาลงมองภาพที่งดงามนี้ แต่ไม่ได้พูดอะไร
จาเดนถอยหลังหนึ่งก้าวและยิ้ม “ฮาร์วีย์… หรือฉันควรจะเรียกนายว่าหัวหน้าสาขายอร์กดีล่ะ?”
ฮาร์วีย์ไม่แปลกใจเลยที่จาเดนชายชราเจ้าเล่ห์คนนี้จะรู้จักตัวตนของเขา เขาไม่เคยตั้งใจจะซ่อนมันอยู่แล้ว ถ้าจาเดนไม่รู้อะไรพื้นฐานขนาดนั้น ก็แสดงว่าความสามารถในการรวบรวมข้อมูลของตระกูลสมิธค่อนข้างโหลยโท่ยและไร้ประโยชน์
ฮาร์วีย์ตอบด้วยรอยยิ้ม “ผมเป็นเพียงหัวหน้าสาขาหลงเหมินแห่งมอร์ดู แน่นอนว่าไม่อาจเทียบได้กับคนที่มีตำแหน่งสูงศักดิ์อย่างคุณ ผู้อาวุโสสมิธ”
“เรียกผมว่าฮาร์วีย์ก็ได้”
“ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณจงใจขอให้ผมอยู่ต่อ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”
เจเดนยังคงยิ้มต่อไป ชายชราคนนี้จะไม่รั้งรอเมื่อเขาต้องการบางสิ่ง เขามองไปที่เกลียวคลื่นเบื้องหน้าและพูดเบา ๆ ว่า “ฮาร์วีย์ คุณคิดอย่างไรกับทิวทัศน์ที่เราเห็น”
ฮาร์วีย์หรี่ตาแล้วตอบว่า “พื้นผิวน้ำกว้างใหญ่ ท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลสีคราม อากาศน่าตื่นตาตื่นใจ ผมคงพูดได้เพียงว่าที่ดินตระกูลสมิธ เป็นทำเลที่ดีจริง ๆ”
จาเดนหัวเราะและชี้ไปที่เรือสำราญข้างนอก เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ชายฝั่งนี้คล้ายกับมอร์ดู มันดูกว้างใหญ่มาก แต่จริง ๆ แล้วมันกลับมีข้อจำกัด เมื่อเทียบกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ภายนอกแล้ว ก็เป็นเพียงทะเลเล็ก ๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ”
“หากเปรียบตระกูลสมิธของเราเป็นเรือสำราญ การที่จะแล่นไปตามชายฝั่งนี้และฝ่าลมและเกลียวคลื่นย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าเราจะออกไปสู่ทะเลกว้าง คุณคิดว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ฮาร์วีย์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เรือสำราญลำนี้ใหญ่เท่าโลก มันไปได้ทุกแห่งและจะแล่นไปที่ไหนก็ได้…”
“สิ่งเดียวที่ต้องให้ความสนใจคือคนที่คุมหางเสือเรือเอาไว้ต่างหาก เขาต้องเป็นคนดี ต้องเป็นคนที่สามารถมองเห็นพายุเฮอริเคน พายุฝน และแนวปะการังใต้น้ำได้อย่างชัดเจนถนัดที่เรือแล่นออกไป…”
“ไม่เลว” เจเดนยิ้มอีกครั้ง
“เรือสำราญลำนี้คือตระกูลสมิธ แม้ว่ามันจะแล่นได้อย่างอิสระในมอร์ดู แต่ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในน่านน้ำของมอร์ดูเท่านั้น”
“โลกใบนี้กว้างใหญ่มาก สักวันมันต้องเดินทางข้ามทะเลอันกว้างใหญ่”
“น่าเสียดายที่ชายผู้คุมหางเสือไว้นั้นแก่มากแล้ว…”
ฮาร์วีย์ยิ้มและพูดอย่างรวดเร็วว่า “ผู้อาวุโสสมิธยังอายุน้อยและแข็งแรงอยู่เลย คุณจะเป็นผู้คุมชะตาของเรือลำนี้เอาไว้ได้อีกอีกสามสิบถึงห้าสิบปีได้โดยไม่มีปัญหาด้วยซ้ำ”
อย่างไรก็ตามจาเดนหัวเราะและตบไหล่ฮาร์วีย์ “ไม่เหรอก ฉันแก่แล้วถ้ายังอยู่ได้อีกสักแปดถึงสิบปีก็จะถือว่าดีมากแล้ว”
“แต่คุณก็น่าจะรู้ว่าฉันเองก็กลัวเหมือนกัน”
“ตระกูลสมิธเป็นที่รู้จักในฐานะตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในกังนัม เรายังเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในบรรดาสิบตระกูลอันดับแรกอีกด้วย”
“หลายปีมานี้เราถูกทุกคนรุมทึ้ง”
“แต่… คุณก็เห็นสภาพของตระกูลสมิธแล้ว”